โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

เขาไม่จำส่วนผมไม่เคยลืม(BL)

นิยาย Dek-D

เผยแพร่ 16 ส.ค. 2567 เวลา 13.43 น. • crioA,]
แม่ยอมขายผมให้ผู้เป็นปู่ เพื่อได้แต่งงานกับคนรักใหม่โดยไร้การผูกมัด เมื่อเติบโตขึ้นอยากกลับไปหาคนที่อยู่ในความทรงจำตลอด แต่เพื่อปกป้องเขาผมไม่อาจไปหาเขาได้ จนตายจาก หากย้อนเวลาได้ผมอยากเจอเขาอีกครั้ง

<h2 style='display: flex; justify-content: center;'>ข้อมูลเบื้องต้น</h2><figure style="width:50%;" class="image image_resized"><img loading="lazy" src="https://image.dek-d.com/28/0571/0025/134448435"></figure><p class="indent-a">ติณภพ คือผู้ที่แม่ยอมขายผมให้ผู้เป็นปู่ เพื่อได้แต่งงานกับคนรักใหม่โดยไร้การผูกมัด เมื่อเติบโตขึ้นอยากกลับไปหาคนที่อยู่ในความทรงจำตลอด แต่เพื่อปกป้องเขาผมไม่อาจไปหาเขาได้ จนตายจาก หากย้อนเวลาได้ผมอยากเจอเขาอีกครั้ง </p><p class="indent-a">เขาอาจจะจำผมไม่ได้ แต่ผมไม่มีวันยอมแพ้</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>แจ้งเรื่องอีบุ๊ค</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>เนื่องจากการที่ไรต์นำนิยายกลับมาตรวจอักษรเอง </strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>จึงทำให้การจัดทำอีบุ๊คทั้งเรื่องล่าช้า และมีการเพิ่มเนื้อหา และรีไรท์บทหลังๆ</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>ไรต์เองจึงทำอีบุ๊คเป็นสองเล่ม </strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a">เล่มหนึ่งจะเป็นเนื้อหาตั้งแต่ บทที่ 1- 77 มีเนื้อหา 936หน้า จำนวนคำ 139.9K <strong>ในราคา 199 Coin</strong></p><hr/><h2 style='display: flex; justify-content: center;'>บทนำ</h2><p class="indent-a">งานศพเล็กๆที่มีคนอยู่ไม่มากนัก หน้าโลงศพมีเพียงหญิ</p><p class="indent-a">งวัยกลางคนที่ข้างกายมีคนกลุ่มหนึ่งคอยช่วยงาน พวกเขาได้รับรู้จากพ่อบ้านของตระกูลจิระโพธิ์คินทร์ ว่าผู้เป็นลูกชายได้เสียชีวิตลง ผู้เป็นแม่ร้องห่มร้องไห้หน้างานศพ</p><p class="indent-a">"ฉันไม่น่าปล่อยให้ลูกไปกับพวกเขาเลยค่ะคุณ ฮือๆๆๆ" เสียงร้องไห้แทบขาดใจ คนผมขาวส่งคนผมดำช่างเป็นงานไม่น่าอภิรมย์</p><p class="indent-a">"ทำใจเถอะครับ ผมรู้ว่ามันยากแต่เราทำได้แค่นี้จริงๆ" ผู้เป็นสามีคอยกอดปลอบอยู่ข้างๆไม่ห่างกาย อีกด้านมีน้องสาวของเจ้าของงาน เป็นน้องสาวต่างพ่อ เธอไม่ได้เสียใจกับงานศพพี่ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เสียใจที่เห็นแม่ร้องไห้หนักขนาดนี้</p><p class="indent-a">"แม่ค่ะ อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวแม่จะไม่สบายนะคะ หนูเป็นห่วงค่ะแม่" เธอเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่อีกคนเพราะความห่วงใย</p><p class="indent-a">นายติณภพ จิระโพธิ์คินทร์ อายุ 29 ปี เสียชีวิตในวันที่ 9 ตุลาคม 2573 </p><p class="indent-a">นี้คือข้อความบนหน้ารูปที่ผมกำลังมองเห็น แผ่นหลังที่ผมคุ้นเคยในวัยเด็ก กำลังสั่นเพราะการร้องไห้จากการเสียชีวิตของผม มองไปโดยรอบไม่มีใครแม้สักคนที่เป็นคนของตระกูลจิระโพธิ์คินทร์ เมื่อผมคิดมองหาคนของตระกูลอยู่ๆ ผมที่เป็นเพียงวิญญาณก็ถูกดึงให้ไปยังอีกสถานที่</p><p class="indent-a">วูบบบบ</p><p class="indent-a">ที่นี่คือหน้างานศพของผมอีกแห่งที่ช่างแตกต่างกับสถานที่แรกเพราะมีผู้คนมากมาย แถมเจ้าภาพยังเป็นผู้ที่เป็นพ่อของผมอีก อะไรกัน แต่เมื่อครู่ผมเห็นร่างตัวเองนอนอยู่ในโลงที่อยู่อีกงานแล้วนี่ คิดดังนั้นจึงรีบเดินไปดูที่โลงศพที่ตั้งอยู่ </p><p class="indent-a">เป็นอย่างที่คิด ไม่มีศพใครทั้งนั้น เป็นโลงเปล่า แต่อีกศาลาคืองานศพของน้าชายของผม ซึ่งเกิดอุบัติเหตุพร้อมกับผม</p><p class="indent-a">"ทำไมเราต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะศพเราก็ส่งให้แม่มันแล้วไม่ใช่หรือไงกัน" ลูกพี่ลูกน้องของผมกำลังยืนดูดบุหรี่อยู่หลังศาลา แต่ด้วยความที่ผมเป็นวิญญาณจึงได้ยินรีบเข้าไปยืนฟังทันที</p><p class="indent-a">"อย่าเสียงดังสิวะ อยากให้พวกนักข่าวได้ยินหรือยังไง ถ้าอยู่ๆเรื่องที่มันตายไม่ดังขึ้นมาก่อน จะมีคนสนใจจัดงานศพใหญ่ขนาดนี้ไหมล่ะ คิดบ้างสิ" </p><p class="indent-a">"เสียเวลาพวกเรากันหมด แทนที่พวกเราจะได้เอาเวลาไปเที่ยวกลับต้องมายืนทำท่าทางเสียใจอะไรแบบนี้แทน น่าเบื่อ" ทั้งสองคนบ่นอีกเล็กน้อยก่อนจะไปนั่งร่วมกับคนในงาน แต่พิธีการก็ไม่ได้สมเกียรติอะไรนัก เพราะเมื่อนักข่าวกลับไปพวกเขาก็พากันทยอยกลับเช่นกัน ปล่อยงานให้เป็นหน้าที่ของสัปเหร่อแทน</p><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a">ชีวิตอันหรูหรา ตื่นมามีคนรับใช้เตรียมทุกอย่างไว้ให้ ผมทำเพียงลืมตาตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างที่คุณปู่ต้องการ ชีวิตช่างสุขสบายในสายตาคนภายนอก นักธุรกิจวัย 29 ปี ที่ได้ขึ้นตำแหน่งประธานบริษัทแทนปู่เพียงสามวัน การที่ปู่ไม่ยอมยกตำแหน่งประธานบริษัทให้กับลูกชายคนไหน แต่ยกให้หลานนอกคอกที่ใครๆ ก็ชี้หน้าด่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน</p><p class="indent-a">กลับต้องมาตายเพราะลูกของปู่ไม่ยอมรับในการตัดสินใจนี้ การร่วมมือกันของคนในตระกูลไม่เว้นแม้แต่พ่อแท้ๆ ของตัวเอง เมื่อตายกลายเป็นวิญญาณถึงได้รู้ว่าปู่ใช้เขาเป็นโล่ให้หลานรักของตัวเอง ปูทางให้เกิดการเปรียบเทียบจนทุกคนยอมรับหลานรักอีกคนของปู่ขึ้นรับตำแหน่งต่อจากผมอย่างภาคภูมิใจ</p><p class="indent-a">"แกนะมันก็แค่ลูกผู้หญิงชั้นต่ำ อย่าคิดมาเทียบชั้นกับฉัน" รอยยิ้มเย้ยหยันและคำดูถูกของพี่ชายที่แสนดี ผู้ได้รับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากผม ที่เป็นหลานรักตัวจริงของปู่ ยืนมองพิธีการกำมะลอที่กำลังเล่นละครให้สื่อมวลชนดู</p><p class="indent-a">"ฉันเคยบอกแกแล้ว ทางที่ดีแกอยู่ในมุมน้อยๆ ของแกต่อไปเถอะ แต่แกกลับได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ แกไม่ควรมาที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่แรก" เป็นลูกพี่ลูกน้องที่คอยเป็นลิ่วล้อของพี่ชายแสนดีอีกคน คอยกลั่นแกล้งผมในบ้านเวลาปู่ไม่เห็น เพื่อให้พี่ชายได้แสดงบทคนดีจนผมเชื่อใจ</p><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a">ทั้งๆที่ศาลาทำพิธีอยู่ห่างกันไม่กี่ศาลาแต่กลับแตกต่างกันสิ้นเชิง </p><p class="indent-a">ภาพทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็ก จนเป็นผู้ใหญ่มันวนซ้ำๆ ให้ผมได้เห็นมันอีกครั้งชัดๆ ภาพของผู้เป็นแม่ที่ไม่มีเวลาอยู่กับผมเพราะต้องทำงานหนัก เพื่อเลี้ยงผมตั้งแต่ผมยังจำความได้ ผมวนเวียนอยู่ภายในโลกจนมองเห็นชีวิตของแต่ละคนหลังจากผมจากไปแล้ว </p><p class="indent-a">แม่ที่กำลังเศร้าเพราะการจากไปของผม น้องสาวที่น่ารักกำลังกอดปลอบแม่อยู่ข้างๆ</p><p class="indent-a">ชายหนุ่มหน้าใสที่ยืนร้องไห้กับการจากไปของผมเงียบๆ โดยไม่พูดจาอะไรกับใคร เพียงแค่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหลเลย</p><p class="indent-a">"นนท์เราขอโทษนะที่ไม่สามารถกลับไปหาอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ ขอโทษจริงๆ"</p><p class="indent-a">อีกฝั่ง กำลังจัดงานเลี้ยงภายในครอบครัวเพื่อฉลองให้กับผู้เป็นว่าที่ประธานคนใหม่ พวกเขาไม่ได้สนใจการตายไปของผมและน้าด้วยซ้ำ หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะเลือกไม่มาที่นี่และเลือกจะอยู่แบบลำบากกับผู้เป็นแม่ดีกว่า</p><p style="text-align:center;" class="indent-a">***</p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>แจ้งเรื่องอีบุ๊ค</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>ไรต์เองจึงทำอีบุ๊คเป็นสองเล่ม </strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>เล่มหนึ่งวางจำหน่ายแล้ว</strong></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><strong>จะเป็นเนื้อหาตั้งแต่ บทที่ 1- 77 มีเนื้อหา 936หน้า จำนวนคำ 139.9K ในราคา 199 Coin</strong></p><p class="indent-a">เปิดเรื่องใหม่ ด้วยบทของติณภพ เรื่องนี้จะเล่าเนื้อเรื่องฝั่งพระเอกนะคะ ฝากน้องติณด้วยจ้า </p><p class="indent-a">ใครที่ยังไม่ได้อ่าน <a href="https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2562297">เปลี่ยนชะตาชีวิต</a> (BL) ก็สามารถอ่านเรื่องนี้ได้เช่นกัน มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ สามารถไปอ่านเปลี่ยนชะตาชีวิตก่อนค่อยมาอ่านเรื่องนี้ หรือจะอ่านเรื่อง เขาไม่จำส่วนผมไม่เคยลืมเลยก็ได้เช่นกัน</p><hr/>

บทที่ 1 ก่อนเกิดอุบัติเหตุ

อีบุ๊คเล่ม1 บทที่ 1-77 วางจำหน่ายแล้วนะคะ

ก่อนเกิดอุบัติเหตุ

ผมนายติณภพ จิระโพธิ์คินทร์ ชื่อเล่น ติณ อายุตอนนี้ 29 ปี ได้รับมรดกจากคุณปู่เพียงอย่างเดียวแต่มหาศาล คือตำแหน่งประธานบริษัทที่มีหุ้นภายใต้ชื่อของผม 43 เปอร์เซ็นต์

"นี่เป็นสคริปต์ในการกล่าวขึ้นรับตำแหน่งของเรา ได้ลองอ่านมาบ้างหรือยัง อาได้ส่งคอนเฟิร์มกับทีมงานไปแล้วไม่ต้องห่วงนะ" บนรถยนต์ Genesis G90 ที่มีผู้โดยสารเบาะหลังเพียงอาเชษ ที่เป็นผู้ช่วยของผม ในวันนี้มีงานแถลงข่าวรับตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ และคนคุ้มกันสองคนที่เบาะหน้า

ที่ผ่านมาผมไม่เคยแม้แต่จะมีบอดี้การ์ดเป็นของตนเอง จึงไม่แปลกใจที่ทำไมผู้คุ้มกันมีเพียงเท่านี้ ในระหว่างการเดินทางบนถนนปกติจะมีการใช้รถใช้ถนนพลุกพล่าน แต่เช้านี้กลับมีเพียงน้อยนิด

"ผมอ่านมาแล้วครับ จำได้หมดแล้ว" เมื่อให้คำตอบเรียบร้อยผมก็เหม่อมองออกไปนอกรถ ก่อนที่รถของผมจะค่อยๆ ชะลอและหยุดลงเพราะด้านหน้ามีรถบรรทุก 6 ล้อจอดขวางทางอยู่

"ผมขอลงไปดูสักครู่นะครับ" บอดี้การ์ดทางซ้ายมือของคนขับลงไปจากรถก่อนจะเดินไปด้านหน้า จากนั้นไม่นานก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคน

"มีอะไรกัน ทำไมถึงนานขนาดนี้เราไปสายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ไปเรียกเขาขึ้นมาแล้วไปกันเถอะ" อาเชษสั่งให้คนขับรถลงไปเรียกบอดี้การ์ดมาขึ้นรถเพื่อไปงานแถลงข่าวให้ทัน เมื่อคนขับรถลงไปจากรถได้เพียงไม่ถึงนาที ผมที่มองไปนอกหน้าต่างจึงลดกระจกลงเพื่อสูดอากาศภายนอก แต่แล้วกลับได้ยินเสียงของรถบรรทุกที่รู้สึกได้ถึงความหนักและความเร็วมากๆ กำลังมาทางที่เราจอดอยู่

ผมมองผ่านกระจกข้างของคนขับ เห็นมีรถบรรทุกที่ไม่มีท่าทางจะเบรกและส่ายไปมาหลายครั้ง

"อาเชษรีบลงจากรถเร็วเข้า เร็วๆ" แต่เมื่อผมปลดเข็มขัดนิรภัยกลับไม่สำเร็จ เพียงไม่ถึง 10 วินาที

ตู้มมมมม

เสียงรถบรรทุกชนเข้ากับรถยนต์ Genesis G90 ที่จอดอยู่ข้างทาง โดนบีบอัดอยู่ระหว่างรถบรรทุกสองคัน ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง เสียงความวุ่นวายเต็มไปหมด

สายตาสุดท้ายของผมที่มองไปยังบอดี้การ์ดคนที่กำลังยกมือถือขึ้น อ่านปากได้เพียง "เรียบร้อยแล้วครับท่าน" จากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิทลง

งานแถลงข่าวถูกยกเลิกเพราะมีอุบัติของประธานคนใหม่ เชษฐาลูกชายคนเล็กของ ตระกูลจิระโพธิ์คินทร์ จึงยุติการแถลงข่าวและเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด

หลังจากอุบัติเหตุเพียงไม่ถึงสามวัน ตำรวจสรุปคดีเพียงคนขับรถบรรทุกเมาแล้วขับ ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและจ่ายค่าเสียหายแก่ญาติผู้เสียชีวิต

ผมที่กำลังยืนดูศพของตนเองและอาเชษที่สภาพไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ แต่ทำไมมีแค่ผมเท่านั้นละที่ยังอยู่ตรงนี้

"อาครับ อาเชษครับ" ผมพยายามตะโกนสุดเสียงที่มีแต่ไม่เป็นผล มีแต่ความเงียบที่เป็นคำตอบให้กับผม จากนั้นผมก็ล่องลอยตามศพตนเองจนเจอเข้ากับพ่อ ผมจึงตามท่านไปแต่กลับต้องมาพบความจริง

"ที่รักคะ ฝนให้คนโทรบอกแม่ของเด็กนั้นให้แล้วนะคะ ให้คนไปส่งที่ศาลาถัดไปที่เล็กกว่าศาลาของเชษตามที่คุณสั่งแล้วค่ะ" หญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องทำงานของพ่อผม ก่อนที่เธอจะหย่อนสะโพกอวบๆ นั้น ดันหน้าอกที่อวบอิ่มแทบจะกระแทกหน้าของพ่อผมอยู่แล้ว และเมื่อครู่เธอเรียกพ่อผมว่าที่รัก

"ดีมากครับ ผมต้องให้รางวัลคุณหน่อยดีไหม" มือของพ่อผมล้วงเข้าไปในกระโปรงที่ทั้งบางและสั้นก่อนจะเลื่อนไปที่สะโพกใหญ่ๆ บีบเคล้นมันอย่างมันมือ

"อะ ตรงนี้เลยหรือคะ เกิดใครเข้ามาจะทำยังไง" ปากเหมือนจะปฏิเสธแต่ต้นขาเธอยกขึ้นเพื่อเปิดทางให้การสอดมือได้อย่างสะดวก สะโพกขยับตามมือของอีกฝ่าย เสื้อที่แทบจะปิดส่วนของหน้าอกไว้ไม่มิด ถูกพ่อผมกระชากออกเพียงเล็กน้อย หน้าอกหน้าใจที่ทะลักออกมากระเด้งใส่หน้าเต็มแรง ก่อนจะถูกผู้ชายวัย 44 ปี แต่ยังดูหนุ่มแน่นกำลังวังชายังเหลือล้น

"ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก" เขาใช้เรียวลิ้นอันช่ำชองมาตลอดเพื่อใช้ปรนเปรอหญิงตรงหน้า อย่างพออกพอใจ มือออกจากสะโพกเลื่อนไปเขี่ยจุดเสียวของเธอจนสั่นไหวไปทั้งร่าง เธอไม่อาจประคองตัวให้ตรงได้ จึงเอนนอนไปกับโต๊ะทำงาน ก่อนที่อีกคนจะเริ่มพอใจเมื่อเห็นว่าตรงส่วนนั้นชื้นแฉะพร้อมรับสิ่งอื่นนอกเหนือจากนิ้วของเขา

เขาเริ่มนำสิ่งนั้นไปจ่อเข้าช่องทางรักของเธอโดยไม่จำเป็นต้องถอดจีสตริงชิ้นน้อยลายดอกไม้สีดำที่เขาชอบ แค่แหวกมันเล็กน้อยเพื่อหลบให้สิ่งนั้นก็พอ

"อะ อืม เบาๆ ค่ะที่รัก มันใหญ่ไปแล้วฉันรับไม่ไหว" ฝ่ายชายไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอเสแสร้งกล่าวออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขาเมื่อไหร่กัน ลูกก็โตมาขนาดนี้แล้ว เขากระแทกส่วนนั้นซ้ำๆ ตามความดิบเถื่อนของตนเองมาแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว พวกเขาทั้งสองร่วมรักกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงาน บนโต๊ะ บนโซฟารับแขกและอีกหลายๆ ที่ในห้องนั้น

ผมนั่งอยู่ที่โซฟา เพื่อรอฟังสิ่งที่พวกเขาจะคุยกันแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อะไร จึงคิดว่าจะไปหาข้อมูลอื่นแทน แต่ระหว่างร่วมรักกัน อาฝนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระเส่า

"งานรับตำแหน่งของลูกเราจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ดีค่ะ" เธอใช้คำว่าลูกของเรา แสดงว่านอาฝนมีลูกกับพ่อผม และลูกอาฝนมีคนเดียวคือพี่ไอซ์ นั้นไม่ใช่ลูกอาเชษฐา แต่เป็นลูกของพ่อผม

ผมรู้มาว่าที่ปู่ต้องรับผมมาเลี้ยงเพราะพ่อเกิดอุบัติเหตุไม่สามารถมีลูกได้อีก แต่ถ้าเรียงเวลาเกิด พี่ไอซ์เกิดก่อนผมเพียง 1 ปีเท่านั้น แสดงว่าพ่อมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอาฝน ภรรยาของอาเชษตั้งแต่ก่อนจะเจอแม่ของผมอีก

ได้ยินว่าอาเชษและอาฝนแต่งงานกันเร็วกว่าคนอื่นในบ้านเพราะอาฝนเกิดท้องตั้งแต่ม.3 ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ปู่จึงไม่ชอบอาเชษเอามากๆ ทำให้ตระกูลขายขี้หน้า แล้วทำไมถึงกลายเป็นอาเชษแทนที่จะเป็นพ่อละ

"นี่มันชายชั่วกับหญิงเลวชัดๆ" ผมได้ยินเพียงเท่านั้นก็เลือกจะไปที่อื่นทันที

ลูกพี่ลูกน้องต่างกำลังฉลองกันที่สวนภายในของคฤหาสน์หลังใหญ่โต มีมาร่วมงานเลี้ยงจนหมด ยกเว้นก็แต่น้องเฌอ หรือเฌอมาลย์ จิระโพธิ์คินทร์ วัย 10 ขวบ ลูกนอกสมรสของอาเชษกับเมียที่อารักมากแต่ไม่ได้พาเข้าบ้านเพราะที่บ้านไม่ยอมรับ เมื่อเธอเสียชีวิตลงจึงพาเฌอเข้ามาอยู่ในบ้าน

พวกเขาเข้ากันได้ดีที่ผมแปลกใจคือ พจน์ที่เป็นลูกอาคนกลางที่คอยแกล้งผมเสมอ กลับนั่งข้างและคอยพูดคุยอย่างสนิทสนมกับพี่ไอซ์ แต่ก่อนพวกเขาไม่สนิทกันเพราะพี่ไอซ์คอยช่วยผมเวลาโดนแกล้ง จนผมสนิทกับพี่ไอซ์และไว้ใจเข้ามาก คิดว่าเขาคือพี่ชายที่ดีที่สุดในตระกูลนี้ ไม่คิดว่ามันเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น

ไม่นานนักงานศพจึงจัดขึ้น ในตอนแรกจะจัดเพียงงานศพเล็กๆ ที่มีคนอยู่ไม่มากนัก หน้าโลงศพมีเพียงหญิงวัยกลางคนที่ข้างกายมีคนกลุ่มหนึ่งคอยช่วยงาน พวกเขาได้รับรู้จากพ่อบ้านของตระกูลจิระโพธิ์คินทร์ ว่าผู้เป็นลูกชายได้เสียชีวิตลง ผู้เป็นแม่ร้องห่มร้องไห้หน้างานศพ

"ฉันไม่น่าปล่อยให้ลูกไปกับพวกเขาเลยค่ะคุณ ฮือๆๆๆ" เสียงร้องไห้แทบขาดใจของผู้เป็นแม่

"ทำใจเถอะครับ ผมรู้ว่ามันยากแต่เราทำได้แค่นี้จริงๆ" ผู้เป็นสามีคอยกอดปลอบอยู่ข้างๆ ไม่ห่างกาย อีกด้านมีน้องสาวของเจ้าของงาน เป็นน้องสาวต่างพ่อ เธอไม่ได้เสียใจกับงานศพพี่ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เสียใจที่เห็นแม่ร้องไห้หนักขนาดนี้

"แม่ค่ะ อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวแม่จะไม่สบายนะคะ หนูเป็นห่วงค่ะแม่" เธอเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่อีกคนเพราะความห่วงใย

นายติณภพ จิระโพธิ์คินทร์ อายุ 29 ปี เสียชีวิตในวันที่ 9 ตุลาคม 2572

นี้คือข้อความบนหน้ารูปที่ผมกำลังมองเห็น แผ่นหลังที่ผมคุ้นเคยในวัยเด็ก กำลังสั่นเพราะการร้องไห้จากการเสียชีวิตของผม มองไปโดยรอบไม่มีใครแม้สักคนที่เป็นคนของตระกูลจิระโพธิ์คินทร์ เมื่อผมคิดมองหาคนของตระกูลอยู่ๆ ผมก็ถูกดึงวิญญาณให้ไปยังอีกสถานที่

วูบบบบ

ที่นี่คือหน้างานศพของผมอีกแห่งที่ช่างแตกต่างกับสถานที่แรกเพราะมีผู้คนมากมาย แถมเจ้าภาพยังเป็นพ่อของผมอีก อะไรกัน แต่เมื่อครู่ผมเห็นร่างตัวเองนอนอยู่ในโลงที่อยู่อีกงานแล้วนี่ คิดดังนั้นจึงรีบเดินไปดูที่โลงศพที่ตั้งอยู่

เป็นอย่างที่คิด ไม่มีศพใครทั้งนั้น เป็นโลงเปล่า แต่อีกศาลาคืองานศพของอาชายของผม ซึ่งเกิดอุบัติเหตุพร้อมกับผม

"ทำไมเราต้องทำแบบนี้ด้วย ศพเราก็ส่งให้แม่มันแล้วไม่ใช่หรือไงกัน" ลูกพี่ลูกน้องของผมกำลังยืนดูดบุหรี่อยู่หลังศาลา แต่ด้วยความที่ผมเป็นวิญญาณจึงได้ยินรีบเข้าไปยืนฟังทันที

"อย่าเสียงดังสิวะ อยากให้พวกนักข่าวได้ยินหรือยังไง ถ้าอยู่ๆ เรื่องที่มันตายไม่ดังขึ้นมาก่อน จะมีคนสนใจจัดงานศพใหญ่ขนาดนี้ไหมล่ะ คิดบ้างสิ"

"เสียเวลาพวกเรากันหมด แทนที่พวกเราจะได้เอาเวลาไปเที่ยวกลับต้องมายืนทำท่าทางเสียใจอะไรแบบนี้แทน น่าเบื่อ" ทั้งสองคนบ่นอีกเล็กน้อยก่อนจะไปนั่งร่วมกับคนในงาน แต่พิธีการก็ไม่ได้สมเกียรติอะไรนัก เพราะเมื่อนักข่าวกลับไปพวกเขาก็พากันทยอยกลับเช่นกัน ปล่อยงานให้เป็นหน้าที่ของสัปเหร่อแทน

***

บทที่ 2 ทำไมเข้าได้

อีบุ๊คเล่ม1 บทที่ 1-77 วางจำหน่ายแล้วนะคะ

งานศพผ่านไปแล้ว ส่วนผมกลับล่องลอยเป็นวิญญาณไปมาในคฤหาสน์ มองดูความสำเร็จของพวกมันแต่ละคน ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ยิ่งเห็นการกระทำของตระกูลอันเน่าเฟะ ยิ่งล่องลอยมากเท่าไหร่อะไรที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น โกรธมากจนอยากฆ่ามันให้ตายทั้งหมด บทสรุปของเรื่องนี้จบแบบนี้จริงหรอ

ปู่ตาย ทิ้งหุ้น 43 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ผมเป็นโล่บังกระสุนให้หลานรัก ให้คนในตระกูลเข้าใจว่าการที่ตำแหน่งนี้ตกไปอยู่ที่พี่ไอซ์ดีกว่าตกมาอยู่ในมือผม พวกมันร่วมมือกันวางแผนเรื่องการตายของผมและอาเชษ

อาฝนภรรยาอาเชษมีอะไรกับพ่อของผม ก่อนจะมีอะไรกับอาเชษเสียอีก ตอนนั้นอาฝนไม่รู้ว่าเด็กเป็นลูกใครจึงมาบอกพ่อของผม แต่แล้วพ่อเขาก็ไม่รับเพราะพ่อยังไม่อยากแต่งงาน แถมรู้ว่าอาฝนเองก็นอนกับอาเชษด้วยเหมือนกัน แต่เมื่ออาฝนเห็นว่าพี่ไอซ์ยิ่งโตยิ่งไม่เหมือน อาเชษ ก็แค่สงสัยแต่วันที่ปู่พาผมกลับมาที่บ้านเพื่อเลี้ยงดู และได้ยินปู่พูดเรื่องยกหุ้นให้ผม ก็เริ่มอยากลองตรวจดีเอ็นเอดูให้แน่ใจ

เมื่อผลตรวจออกมา ก็ได้ข้อสรุปว่าพี่ไอซ์คือลูกของพ่อและเธอ เธอจึงนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อและพวกเขาก็เริ่มวางแผนการขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนคบชู้และแอบมีความสัมพันธ์กันมาตลอด โดยที่อาเชษไม่รู้เรื่อง

เพราะอาเชษก็ถูกบังคับแต่งงานเช่นกัน เพื่อรับผิดชอบที่ทำอาฝนท้อง แต่อาเชษยังมีคนรักแอบซ่อนไว้อีกคนอยู่นอกบ้าน อาเชษจึงไม่ได้สนใจอาฝนมากนัก มันจึงเป็นช่องโหว่ให้พวกเขาได้มีความสัมพันธ์กันง่ายขึ้น

ผมล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย ที่ผ่านมาเพราะอยากรู้เรื่องการตายของตนเอง บวกกับไปไหนไม่ได้ จึงได้วนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ เมื่อตอนนี้รู้ความจริงหมดแล้ว จึงว่างเปล่า แล้วมีเวลานึกถึงคนอื่นๆบ้าง

วูบบบบ

แค่เพียงคิดถึงก็โผล่มาในสถานที่ ที่คิดว่าคงเป็นบ้านของแม่และน้องสาว แม่ยังคงเศร้าและร้องไห้ทุกคืน ยังคงโทษที่ยอมปล่อยมือจากผมในตอนนั้น การสูญเสียผมไปทำให้แม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ผมนั่งลงข้างๆท่านที่กำลังร้องไห้เงียบๆเพียงคนเดียว ถึงเราจะห่างกันไปไกลหลังจากที่แม่ยกผมให้ปู่ แต่ผมก็ขอบคุณท่านเสมอที่ยอมเลี้ยงดูจนผมโตขึ้นมาได้

"แม่ค่ะ หนูขอไปหาทอฝันนะคะ วันนี้พี่นนท์จะพาไปเลี้ยงขนมด้วยค่ะ" เสียงน้องสาวที่กำลังพูดถึงชื่อใครบางคนที่ผมจำไม่เคยลืมคนนั้น

"อืม ได้สิยังไงให้พ่อไปส่งนะลูก" แม่รีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหันไปยิ้มให้น้องสาว

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่นนท์มารับ" แม่พยักหน้าให้เธอแล้วเธอก็เดินออกจากบ้านไป ผมเผลอเดินตามเธอออกมาที่หน้าบ้านด้วย โดยไม่รู้ตัว อยากเจอเขาอีกสักครั้งเผื่อว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้

ผมมองการมาของรถยนต์คันหรูที่กำลังขับเข้ามาหน้าบ้านของแม่ เขาดูไม่ได้เสียใจกับการจากไปของผมเหมือนอย่างแม่ นนท์ในวัย 29 ปีดูโตและหล่อ มองอีกมุมก็สวยเท่ ยิ้มง่ายแถมเป็นผู้กำกับหนุ่มหล่อที่สาวๆต่างหมายปอง ผมตามพวกเขาไปด้วย

จนมารู้ว่าไม่ได้มีแค่นนท์ ทอฝันและเกด แต่กลับมีอีกคนในร้านขนมชื่อดังที่เป็นห้องส่วนตัวปิดมิดชิด ดาราหน้าใหม่ที่กำลังมีกระแสกับนางเอกหญิงอีกคนในเรื่องที่นนท์กำลังกำกับการแสดงอยู่ พวกเขาแอบคบกันนี่เอง แต่ใช้ทอฝันและเกดเพื่อปกปิดว่าออกมาด้วยกัน

ด้วยความที่ผมกลัวว่าพระเอกหนุ่มจะมาหลอกนนท์หรือเปล่า จึงตามเขาไป เป็นตามคาดมันแอบซุกเมียอยู่ที่คอนโด ที่แย่กว่าไม่ใช่นางเอกสาวแต่เป็นเมียตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย พวกมันคุยกันเรื่องจะหลอกเอาเงินจากนนท์ เพื่อมาใช้ปรนเปรอตัวเอง

ไม่ได้ละผมต้องไปบอกนนท์ ไม่อย่างนั้นมันจะแย่กว่านี้

"นนท์ ฟังเราก่อน ไอ้ภาคมันมีเมียอยู่แล้ว พวกมันรวมหัวกันหลอกนนท์อยู่นะ" ผมพยายามตะโกนสุดเสียงเพื่อให้นนท์ได้ยิน แต่ก็ไร้ความหมาย นนท์เดินทะลุตัวผมไป "จริงสิ ผมมีแค่วิญญาณจะมีใครมองเห็นผมได้ แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมผมเข้ามาในบ้านได้ ตอนขึ้นรถก็ด้วยทำไมแม่ย่านางยอมให้ผมขึ้นรถได้ด้วย ศาลตายายก็ด้วย บ้านนี้เกิดอะไรขึ้น" ผมเริ่มเดินออกมาข้างนอกเผื่อจะเจออะไรบ้าง ไหนเขาว่ากันว่าบ้านมีศาลตายายผีตนอื่นเข้าไม่ได้ไง นี้ผมเข้ามาเดินกี่รอบแล้ว ยังไม่เห็นสักตน

"ทำไมไม่มีใครที่ศาลเลยละ" ผมเดินวนรอบศาลแต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่

"มองหาอะไร" เสียงหนึ่งถามขึ้น

"หาตายายในศาลครับ"

"ไม่มีหรอก มีแต่ข้านี่แหละ จะหาทำไม" ผมค่อยๆหันกลับมาเมื่อเห็นเป็นคุณลุงวัย 40 ปีแต่ไม่ได้ดูแก่เลย แถมใส่ชุดสูทอีก

"ห๊าาาา ท่านคือ"

"เทพารักษ์นะสิ ว่าแต่ตกลงจะหาข้าทำไม"

"คือว่าผมสงสัยทำไม ผมถึงเข้ามาในบ้านนี้ได้ละครับ ปกติผีหรือวิญญาณอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าบ้านก็จะเข้าไม่ได้ไม่ใช่หรอ"

"ชื่ออะไรเรานะ"

"นายติณภพ จิระโพธิ์คินทร์ครับ" ท่านเทพารักษ์กำลังเปิดไอแพดรุ่นล่าสุดเพื่อดูอะไรบางอย่าง ไฮโซเว่อร์

"เข้าได้สิ ก็มีในรายชื่อของคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าได้นิ"

"ห๊ะ ใครอนุญาตครับเนี่ย" ท่านมองไปมองมาไม่นาน ก็ตอบ

"เจ้าของบ้าน ชื่ออนันตกาล รู้จักใช่ไหม"

"ครับ"

ผมเดินมานั่งข้างๆศาลของเทพารักษ์ที่เลิกให้ความสนใจผมแล้วตอนนี้

"ทำไมคุณนันถึงใส่ชื่อเราเข้าไปรวมกับคนที่ให้เข้าบ้านด้วยนะ"

***

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...