โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ลุ่มหลง บริสุทธิ์ และงดงาม สำรวจ ‘ดอกบัว’ ราชินีแห่งไม้น้ำในความเชื่อหลากวัฒนธรรม

The MATTER

อัพเดต 29 ม.ค. เวลา 09.06 น. • เผยแพร่ 29 ม.ค. เวลา 12.20 น. • Social

สระน้ำหลายแห่งมักถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของดอกบัว

‘ดอกบัว’ ราชินีแห่งไม้น้ำซึ่งมาพร้อมกับความงดงามของกลีบที่ทับซ้อนกันหลายชั้น เวลาบานก็สวย แม้จะตูมอยู่ก็มีเสน่ห์ ด้วยความสวยและน่าหลงใหลของดอกบัว ทำให้สื่อบันเทิงสมัยใหม่มากมายเลือกหยิบมันขึ้นมาใช้เป็นองค์ประกอบ เพื่อใช้เป็นสัญญะสำหรับสื่อถึงความหมายบางอย่าง

อย่างล่าสุด เพลง Zen ของเจนนี่ (JENNIE) ได้มีการนำดอกบัวเข้ามาใส่เป็นสัญญะในมิวสิกวิดีโอ เพื่อสื่อถึงการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณและการเติบโต หรือกระทั่งผลงานมิวสิกวิดีโอของศิลปินอีกมากมาย อาทิ I Can't Stop Me ของ TWICE, Lit ของ LAY, และ NEW WOMAN ของ LISA ก็เลือกใช้ดอกไม้หลายกลีบนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของเพลง จนกลายเป็นอีกส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผู้ชมจดจำมิวสิกวิดีโอได้ โดยนิยามและความหมายของดอกบัวก็แตกต่างกันออกไปตามเนื้อหาของเพลงนั้นๆ

นอกจากการนำดอกบัวมาใช้เพื่อสื่อความหมายในเพลงสมัยใหม่แล้ว วัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลกเองก็มีการนิยามความหมาย ตลอดจนการผูกโยงเรื่องราวของมนุษย์กับดอกบัวในแง่มุมต่างๆ อันเกี่ยวโยงกับเรื่องรอบตัวของผู้คน บ้างก็เป็นความเชื่อ บ้างก็เป็นตำนาน บ้างก็กลายมาเป็นความจริง

ดอกบัวในความเชื่อของชาวพุทธ – สัญลักษณ์การตื่นรู้และความบริสุทธิ์ทางใจ

สำหรับสายบุญ หากต้องเข้าวัดเข้าวาทำบุญแล้วต้องเลือกดอกไม้สักชนิดไปถวายแด่พระ เรามักเลือกหยิบดอกบัวขึ้นมา บ้างก็ต้องพับกลีบให้สวยก่อนจะนำไปถวาย ไม่ใช่ว่าดอกบัวนั้นสวยกว่าดอกไม้ชนิดอื่น ทว่าดอกบัวถือเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับพุทธศาสนามาอย่างช้านาน นับตั้งแต่สมัยพุทธกาล ขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ พระองค์ก็สามารถเดินได้ 7 ก้าว โดยมีดอกบัว 7 ดอก มารองรับทุกฝีก้าวของพระองค์

หรือกระทั่งในมิติด้านหลักธรรมคำสอน พระพุทธเจ้าได้เปรียบเปรยสัตว์โลกไว้เป็นดอกบัว 4 เหล่า ได้แก่ ดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ ดอกบัวปริ่มน้ำ ดอกบัวใต้น้ำ และดอกบัวที่จมอยู่ใต้โคลนตม อันเป็นการเปรียบเทียบถึงการตื่นรู้และการบรรลุธรรมของสัตว์โลก ดอกบัวจึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการตื่นรู้และความบริสุทธิ์ทางจิตใจ ซึ่งสว่างไสวขึ้นท่ามกลางความทุกข์จากวัฏสงสารอันไม่มีสิ้นสุด เหมือนกับดอกบัวที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นพ้นน้ำขึ้นมา

ดอกบัวนั้นเป็นสัญลักษณ์สำคัญในแทบจะทุกนิกายของพุทธศาสนา ตัวอย่างเช่น นิกายมหายาน ซึ่งมักปรากฏภาพพระโพธิสัตว์ประทับบนดอกบัวที่เป็นตัวแทนของการบรรลุธรรม และดอกบัวยังสื่อถึงการพร้อมช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ รูปเคารพต่างๆ ของพระโพธิสัตว์ในนิกายนี้ จึงมักสร้างให้พระองค์ประทับอยู่บนดอกบัว

ดอกบัวในฮินดู – ตัวแทนของเทพเจ้า

ถ้าความเชื่อทางฝั่งพุทธ มีพระโพธิสัตว์ประทับบนดอกบัว ฝั่งคติความเชื่อแบบฮินดูเองก็คงไม่ต่างกัน ดอกบัวในวัฒนธรรมฮินดูถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนิรันดร์ ความบริสุทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ ในบางครั้งดอกบัวยังเป็นภาพแทนของชีวิต ความอุดมสมบูรณ์ และความเยาว์วัย ซึ่งล้วนสัมพันธ์กับเทพเจ้า ทำให้ดอกบัวกลายมาเป็นตัวแทนสำคัญของเหล่าเทพเจ้าฮินดู

มีเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยเลยที่มักข้องเกี่ยวกับดอกบัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตัวอย่างเช่น พระลักษมี ผู้เป็นเทพีแห่งความมั่งคั่ง โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง มักปรากฏกายด้วยดอกบัว 2 ดอก พร้อมประทับอยู่บนดอกบัวเสมอ หรือกระทั่งพระปัทมานภสวามี (พระวิษณุ) ประทับปางโยคะนิทราตลอดกาล จะประทับอยู่บนพญานาคเศษะ โดยมีดอกบัวผุดขึ้นมาจากสะดือ และมีพระพรหมประทับอยู่บนดอกบัวอีกทีหนึ่ง

เพื่อให้บรรลุและเชื่อมต่อถึงเทพเจ้าได้ ผู้คนภายใต้กรอบความเชื่อของศาสนาฮินดู จึงได้ริเริ่มการนั่งสมาธิ ด้วยลักษณะท่าทางคล้ายกับดอกบัว แถมยังได้ต่อยอดไปสู่ท่าของโยคะเพื่อฝึกจิตให้สงบ ซึ่งการนั่งสมาธิและโยคะก็กลายเป็นอีกหนึ่งภาพจำสำคัญของวัฒนธรรมฮินดูที่ได้แพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก

ดอกบัวในอียิปต์โบราณ – สัญลักษณ์การเกิดใหม่กับความเชื่อเรื่องโลกหลังความตาย

หากจะพูดถึงวัฒนธรรมของชาวอียิปต์โบราณ หลายคนคงนึกถึงความเชื่อเรื่องโลกหลังความตาย และดอกบัวตามคติความเชื่อแบบชาวไอยคุปต์เอง ก็เกี่ยวโยงถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่ของมนุษย์ มีที่มาที่ไปมาจากเทพที่มีชื่อว่า เนเฟอร์เทม (Nefertem) ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความหอมและตัวแทนแห่งแสงแดดแรก กลิ่นหอมของเนเฟอร์เทมจะมาจากดอกบัวสีน้ำเงินที่ประดับอยู่บนศีรษะ ทั้งนี้ตัวของเนเฟอร์เทมจะสิ้นลมเมื่อพลบค่ำ และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องอีกครั้ง เหมือนกับดอกบัวที่มักบานตอนกลางวัน และหุบลงในเวลากลางคืน

นอกจากความเชื่อเรื่องการถือกำเนิดใหม่แล้ว ดอกบัวยังเป็นตัวแทนความหอมของชาวอียิปต์โบราณตามความเชื่อเรื่องเนเฟอร์เทมด้วย ทำให้ดอกบัวกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับทำเครื่องหอมและกำยาน เพื่อนำมาใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ภูมิปัญญาดังกล่าวยังได้ส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น จนทำให้ปัจจุบันดอกบัวกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของน้ำหอมหลายขวดที่เราใช้กัน

ดอกบัวในกรีกโบราณ – ตัวแทนแห่งความลุ่มหลงจากมหากาพย์ Odyssey

หากใครเคยดู Percy Jacksonand The Lightning Thief (2010) อาจคุ้นกับฉากที่คาสิโน ซึ่งได้ล่อลวงกลุ่มพระเอกให้หลงอยู่ในวังวนของคาสิโนอันไร้หนทางจะหนีออกมา ในเนื้อเรื่องส่วนดังกล่าวมีที่มาจากตำนานผู้เสพดอกบัว (Lotus-eaters) ที่ปรากฏอยู่ในมหากาพย์โอดิสซีย์ (Odyssey) มหากาพย์ชิ้นสำคัญของอารยธรรมกรีกโบราณ

ตามความเชื่อจากปกรณัมของกรีก ดอกบัวถือเป็นตัวแทนแห่งความลุ่มหลงและการเสพติด ผู้ใดที่ได้ลิ้มลองมันเข้าไปจะตกอยู่ในภวังค์หลับใหล ลืมบ้าน ลืมคนรัก ลืมทุกสิ่งที่จากมา โอดิซูส (Odysseus) วีรบุรุษจากมหากาพย์โอดิสซีย์ ได้เดินทางมาถึงเกาะที่เต็มไปด้วยดอกบัว ตัวเขาได้ลองกินดอกบัวเข้าไป และได้พบว่าตนเองมีอาการลุ่มหลงในรสชาติของมันจนไม่อยากไปไหน เมื่อเริ่มได้สติจึงจำเป็นต้องรีบปลุกและพาพรรคพวกที่ยังพอมีสติกลับขึ้นเรือ เพื่อหนีออกไปให้ไกลจากเกาะแห่งนี้โดยไวที่สุด

นอกจากนี้ชาวกรีกยังได้นำตำนานดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ด้วยการเรียกพืชที่ไม่ใช่ยาเสพติดหลายชนิดว่า โลโต และในบางครั้งพวกเขาก็ใช้คำดังกล่าวเรียกต้นฝิ่นที่สุกแล้ว เพราะมันมีลักษณะคล้ายกับฝักของดอกบัว มิหนำซ้ำนักเขียนกรีกโบราณหลายคนยังใช้สำนวนเกี่ยวกับดอกบัว อย่าง to eat lotus เพื่อสื่อความหมายถึงการหลงลืมและการไม่ใส่ใจด้วย

ดอกบัวในวัฒนธรรมจีน – สัญลักษณ์แห่งความงามของผู้หญิง

กลับมาที่วัฒนธรรมใกล้บ้านเราอย่างวัฒนธรรมจีน ได้เปรียบเปรยความงดงามของผู้หญิงกับดอกบัว โดยใน The Book of Songs หนังสือที่รวบรวมบทกวีพื้นบ้านของจีนตั้งแต่สมัยโบราณ ได้บันทึกถึงการพรรณนาเกี่ยวกับความสวยของสตรีที่เปรียบได้กับดอกบัว ซึ่งงามเสียจนใครๆ ก็ต่างรักใคร่

ในความเชื่อเรื่องเทพยดานางฟ้าจากคติความเชื่อของเต๋า ก็มีการให้ดอกบัวเป็นภาพแทนของความสวยงามด้วยเช่นเดียวกัน กล่าวกันว่ามีนางฟ้าเหอเซียนกู เทวนารีหนึ่งในเหล่าโป๊ยเซียน (หรือเทพเซียนทั้ง 8) มักปรากฏกายพร้อมกับดอกบัววิเศษในมืออยู่เสมอ เธอถือเป็นตัวแทนของความงดงาม ความเรียบร้อย และความสุภาพนุ่มนวล

อย่างไรก็ตาม การอุปมาความงามของสตรีและดอกบัวไม่ได้มีอยู่เพียงในโลกของงานประพันธ์หรือนิทานปรัมปรา เพราะในช่วงยุคสมัยราชวงศ์ถังใต้ (ราวๆ ค.ศ.937-975) ก็มีการริเริ่มประเพณีการรัดเท้าของสตรีให้มีขนาดเล็กกว่าปกติ หรือที่เรียกกันว่า ‘เท้าดอกบัว’ จนกลายเป็นค่านิยมความงามที่ถูกส่งต่อกันมา โดยตามกรอบคิดแบบขงจื่อเชื่อกันว่า หากสตรีมีเท้าเล็กจะถือเป็นผู้มีความอ่อนช้อยและงดงาม สามารถดึงดูดให้ชายใดที่มาเจอสู่ขอไปเป็นภรรยา

อ้างอิงจาก

lionsroar.com

aakaar.com

csa-living.org

britannica.com

smithsonianmag.com

dreamersia.com

sportskeeda.com

Graphic Designer: Manita Boonyong
Editorial Staff: Taksaporn Koohakan

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...