โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

9 กลลวงหลอกให้เสียทรัพย์ รู้ไว้…จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ

Businesstoday

เผยแพร่ 08 มิ.ย. 2564 เวลา 07.00 น. • Businesstoday

ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจมักจะเจอกับมิจฉาชีพอยู่หลากหลายรูปแบบ และเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย โดยเฉพาะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเกิดขึ้นช่วงที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิตอล ทำให้ที่ผ่านมามักจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับภัยไซเบอร์อยู่บ่อยครั้ง เช่น โดนแฮ็กระบบ ปลอมเป็นตนเองบนเฟสบุ้ค หรือหลอกให้ลงทุนแล้วปิดช่องทางการติดต่อ หอบเงินหายไปอย่างลอยนวล ทำให้ผู้ที่หลงตกเป็นเหยื่อ สูญเสียเงินกันเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่น่ากลัวเลยคือ เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นแล้ว เหมือนมืดแปดด้าน ไม่รู้จะปรึกษา หรือไม่รู้จะไปเรียกร้องความเสียหายจากใครได้บ้าง แม้ที่ผ่านมาสถาบันการเงินต่าง ๆ หน่วยงานของรัฐ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ออกคำเตือนอยู่เสมอ ๆ ว่าอย่าหลงเชื่อ แต่ก็ยังมีคนตกเป็นเหยื่อด้วยความไม่รู้

ทางศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.) ได้เปิดกลวิธีของเหล่ามิจฉาชีพที่มักจะใช้กันเป็นประจำอยู่ในขณะนี้ ได้แก่

1)หลอกแอบอ้างหรือสวมรอยเป็นบุคคลอื่น เพื่อให้โอนเงินให้ เช่น หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ ธปท.หรือ ญาติพี่น้อง

2)หลอกจีบให้ตายใจ แล้วขอให้โอนเงินให้โดยส่วนใหญ่พบเป็นมิจฉาชีพชาวต่างชาติ และติดต่อผ่านช่องทางเฟสบุ้ค

3)หลอกว่าช่วยให้ได้สินเชื่อ แต่ให้โอนค่าธรรมเนียมล่วงหน้า เช่น ขอเป็นค่าเอกสารปล่อยกู้

4)หลอกว่าจะจ่ายชำระคืนหนี้ให้ โดยให้เสียค่าสมัครล่วงหน้า

5)หลอกให้ชำระค่าสินค้าหรือบริการที่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แล้วไม่ได้รับสินค้าหรือบริการนั้นจริง เช่น การซื้อขายหน้ากากอนามัย 6)หลอกให้โอนเงินให้ โดยอ้างว่าจะได้รับเงินก้อนใหญ่หรือพัสดุที่มีมูลค่าสูงจากมิจฉาชีพต่างชาติที่ติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ โดยหลอกให้โอนเงินเป็นค่าธรรมเนียมหรือภาษี

7)หลอกให้ลงทุน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูง ในรูปแบบการลงทุนต่าง ๆ เช่น ฟอเร็กซ์ , บิตคอยน์ เงินดิจิทัล แชร์ลูกโซ่ออนไลน์ธนาคารแสงแดด โครงการปลูกป่าลดหนี้

8)หลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล หรือขโมยข้อมูล ผ่านรูปแบบ เช่น หลอกให้กรอกข้อมูลในอีเมล เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นปลอมของสถาบันการเงิน

9)ปลอมแปลงข้อมูลบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต เพื่อนำไปชำระค่าสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเสียทรัพย์จำนวนมาก

สะท้อนจากสถิติการหลอกลวงประชาชน ที่แจ้งผ่านช่องทาง ศคง. 1213 การแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับภัยทางการเงิน ยังพบการหลอกลวงด้านการลงทุนในธุรกรรมใหม่ ๆ เช่น การลงทุนในต่างประเทศ และบิตคอยน์ เป็นต้น โดยในปี 2563 ศคง. รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับปัญหาภัยทางการเงินจำนวนทั้งสิ้น 617 รายการ เป็นการหลอกลวงประชาชนมากที่สุด คือเงินฝาก เงินโอน เช็ค มีจำนวน 317 รายการ คิดเป็น 51% ของการหลอกลวงประชาชนทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาถูกหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์(email/ social media/ website)

อันดับสองคือ สินเชื่อ มีจำนวน 87 รายการ คิดเป็น 14% ส่วนใหญ่เป็นปัญหาหลอกลวงให้โอนเงิน สมัครเข้าร่วมโครงการเงินกู้ และแอบอ้างเป็น ธปท. และรองลงมาคือ การลงทุน มีจำนวน 63 รายการ คิดเป็น10% ส่วนใหญ่การหลอกลวงให้ลงทุนในต่างประเทศ แชร์ลูกโซ่ และธุรกรรมอื่นๆ เช่น ฟอเร็กซ์ บิตคอยน์ เป็นต้น

ในปัจจุบันถือว่ามิจฉาชีพทางโลกออนไลน์ได้ระบาดหนัก จากสารพัดรูปแบบ กลวิธีแปลกใหม่ ทำให้เราหลงเชื่อได้ง่าย ส่วนใหญ่ที่พบเพื่อมุ่งหวังจุดประสงค์เดียวคือ ทำให้เหยื่อเสียทรัพย์ แต่หากเรารู้เท่าทันกลลวง จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันจากภัยไซเบอร์ ซึ่งจะเป็นหนทางเดียวที่รอดพ้นจากมิจฉาชีพ ดังคำกล่าวที่ว่า “รู้ไว้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...