โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ไทยเสี่ยงเจอข้อหา ‘สินค้าสวมสิทธิ์’ ระเบิดเวลาภาษีทรัมป์

TODAY

อัพเดต 16 ส.ค. เวลา 13.48 น. • เผยแพร่ 16 ส.ค. เวลา 06.48 น. • workpointTODAY

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยในอัตรา 19% แม้จะต่ำกว่าที่หลายฝ่ายเคยกังวลว่าจะสูงถึง 36% แต่ก็ยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยไม่น้อย เพราะยังมีผลกระทบทั้งระยะสั้น ระยะยาวที่ต้องรอดู

‘ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย’ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research มองว่า ผลลัพธ์นี้ดีกว่าที่คาดไว้ เพราะไทยถูกเก็บภาษีใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน และยังไม่ต้องเปิดตลาดทั้งหมดให้สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยตรงก็ยังมี ทั้งในมุมการส่งออกที่อาจชะลอลงจากราคาที่แพงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในประเทศจากสินค้าสหรัฐฯ

[ ความเสี่ยงที่ต้องจับตา ‘สินค้าสวมสิทธิ์’ ]

KKP Research ประเมินว่า แม้อัตรา 19% จะดูเป็นผลลัพธ์ที่ “รับได้” แต่การเจรจายังไม่จบ และความไม่แน่นอนยังสูง โดยมีอย่างน้อยสองช่องทางที่ไทยเสี่ยงได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

1. สหรัฐฯ อาจหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน

สินค้าไทยหลายอย่าง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องประดับ มีคู่แข่งอยู่แล้วในตลาดโลก สหรัฐฯ อาจเปลี่ยนไปนำเข้าจากประเทศอื่นได้ง่าย แต่กลุ่มที่ยังทดแทนได้ยาก เช่น ยางรถยนต์ ข้าว และอาหารสัตว์

2. ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์ (Transshipment)

หากสหรัฐฯ เดินหน้าตั้งกำแพงภาษีสูงกับจีน สินค้าที่มีส่วนประกอบจากจีนจะไหลเข้ามายังไทยเพื่อส่งต่อไปยังสหรัฐฯ ความเสี่ยงคือไทยอาจถูกมองว่าเป็นช่องทางสวมสิทธิ์ และถูกเก็บภาษีสูงถึง 40% เพราะประเทศที่ถูกเก็บภาษีสูงจากสหรัฐฯ มักหาทางเลี่ยง ด้วยการส่งสินค้าผ่านประเทศที่สาม

ซึ่งปัญหานี้เคยเกิดขึ้นในปี 2561 ซึ่งพบว่าสัดส่วนสินค้าสวมสิทธิ์ลดลง -5.5% แต่ต่อมาก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีก โดยมีเส้นทางสำคัญผ่านไทย เวียดนาม และมาเลเซีย

ส่วนสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ แบ่งได้ 3 กลุ่มหลัก

– ผลิตในไทยจริง มูลค่าเพิ่มสูง เช่น ข้าว อาหาร ยางพารา : ได้รับผลกระทบตรง

– นำเข้าจากจีนแล้วส่งต่อ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ เราท์เตอร์ : กระทบจำกัด

-พึ่งพาจีนสูง มูลค่าเพิ่มต่ำ–ปานกลาง เช่น ชิ้นส่วนคอมฯ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น จอคอมฯ : เสี่ยงถูกตีความว่าเป็น Transshipment

ขณะเดียวกัน ยังมีสินค้าราว 30% ที่อยู่ในบัญชียกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม

[ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ]

แม้สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยที่ 19% แล้ว แต่ผลกระทบจริงยังขึ้นอยู่กับรายละเอียดการบังคับใช้ ซึ่ง KKP Research ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวและยังเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำ

โดยประเมินว่า มาตรการภาษีนี้จะกดดัน GDP ไทยปี 2568 ประมาณ 0.3–0.9 จุดเปอร์เซ็นต์ หรือเฉลี่ย 0.6 จุด และหากมีการยกเลิกสิทธิยกเว้นบางรายการ ผลกระทบอาจขยายเป็น 0.7–1.1 จุด

ส่วนในครึ่งปีแรกที่เศรษฐกิจไทยโตเกินคาด มาจากการเร่งส่งออกก่อนภาษีเริ่มใช้ แต่หลังจากนี้แนวโน้มจะชะลอลง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังเจอแรงกดดันจากปัญหาความปลอดภัย

[ ทางรอด คือ การยอมรับและปรับตัว ]

ภาษี 19% อาจเป็นข่าวดีระยะสั้น แต่ระยะยาวโลกการค้าเสรีกำลังหมดอายุ ต้องใช้จุดอับเป็นโอกาสปรับโครงสร้าง ไทยจึงต้องเร่งปรับตัว หาแนวทางใหม่พื่อสร้างโอกาสในการเติบโต เช่น

-เร่งลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

-เร่งกระจายความเสี่ยงไปตลาดใหม่

-เร่งเสริมขีดความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ไทยควรหันมาดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่มีคุณภาพมากขึ้น เน้นการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ เพิ่มมูลค่า และถ่ายโอนเทคโนโลยี เพื่อให้เศรษฐกิจไทยก้าวสู่ความแข็งแกร่งในอนาคต

และถึงแม้จะต้องยอมเปิดตลาดบางส่วน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรให้กับสหรัฐฯ แต่ในอีกมุมหนึ่งนี่อาจเป็น ‘โอกาสครั้งใหญ่’ ที่จะผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ปรับตัวและก้าวทันยุคการค้าใหม่

ดังนั้น มาตรการภาษี 19% อาจเป็นแรงกดดันในวันนี้ แต่ก็สะท้อนชัดว่าไทยไม่อาจอยู่กับความเคยชินเดิมได้อีกต่อไป และนี่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสครั้งใหญ่ ที่จะผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวทันโลกการค้าใหม่อย่างมั่นคง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...