โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิดภาพเมืองหลวง EECiti เนรมิตที่ดิน 1.4 หมื่นไร่บางละมุง

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 12 ก.ย 2567 เวลา 02.48 น. • เผยแพร่ 11 ก.ย 2567 เวลา 10.15 น.

การใช้ระยะเวลาถึง 5 ปี กับอภิมหาโครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้เห็นภาพของสนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 และท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ชัดเจนมากขึ้น นับจากนี้จะเห็นการเข้ามาลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมายโดยเฉพาะ 5 อุตสาหกรรมใหม่ New S-curve

ตามเป้าที่ว่าต้องการให้มีการลงทุนปีละ 100,000 ล้านบาท และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้มากขึ้น คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้เห็นชอบการจัดตั้งโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (EEC Capital City : EECiti) ให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็น “เมืองหลวง EEC” ภายใต้สิทธิประโยชน์ที่เหนือที่สุดเท่าที่เคยมีมา

รวมพื้นที่ 5,795 ไร่ ในบางละมุง

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) กล่าวถึงภาพรวมของการพัฒนาพื้นที่ EEC นับจากวันแรกเมื่อปี 2562 จนถึงปัจจุบันคือปี 2567 ว่า โครงการทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนของแต่ละรัฐบาลนั้น ยังคงให้ความสำคัญกับ EEC เพราะพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนด้วยศักยภาพของตัวมันเอง

EEC จึงเป็นหมุดหมายของนักลงทุนที่แท้จริง ล่าสุดพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กำลังจะกลายเป็นเมืองหลวงของ EEC หลังจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) “บอร์ด EEC” เห็นชอบ

ซึ่งการรวบรวมพื้นที่ 5,795 ไร่ ในระยะแรก และประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเรียบร้อยแล้วตามแผน และภายในปี 2568 พื้นที่ทั้งหมด 14,619 ไร่ จะทยอยรวบรวมจนครบ นับจากนี้ บนพื้นที่ดังกล่าวจะเริ่มถูกพัฒนาด้วยรูปแบบ PPP ผ่านกระบวนการหาผู้ร่วมทุน เพื่อเข้ามาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคสำคัญทั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา ถนน อ่างเก็บน้ำ ระบบรีไซเคิลน้ำ ระบบสื่อสาร ที่จะใช้ระยะเวลา 3 ปี ด้วยการตั้ง บริษัท พัฒนาเมือง จำกัด ในลักษณะ EEC Holding เพื่อร่วมบริหารจัดการและพัฒนา EEC Capital City

การก่อสร้างโครงข่ายถนนทั้งภายนอก และเชื่อมต่อภายในโครงการ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เอกชนเข้าลงทุนพัฒนาพื้นที่ธุรกิจเป้าหมายในโครงการจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2568 จากนั้นในปี 2569 สามารถเริ่มเข้าปรับพื้นที่ก่อสร้าง และสามารถเปิดดำเนินการในช่วงแรกภายในปี 2572

ชู Net Zero City

คำว่า “Net Zero City” คือ สิ่งที่จะขายในอีก 5 ปี แทนคำว่า Smart City การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสำนักงาน EEC ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพพัฒนาพื้นที่ EECiti ที่ถูกแบ่งออกเป็น 7 โซน นอกเหนือจากศูนย์สำนักงานใหญ่ภูมิภาค ศูนย์ราชการ ศูนย์บริการทางการเงินแห่งอนาคต ธุรกิจ BCG ศูนย์การแพทย์ ศูนย์การศึกษา R&D Startup แน่นอนว่าจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนา “นิคมอุตสาหกรรม” ขึ้นมารองรับการลงทุนที่เป็นภาคการผลิต แต่การผลิตทั้งหมดจะต้องรองรับอุตสาหกรรมที่เป็น 5.0

ภาพของเมืองหลวงแห่งนี้จะรองรับการลงทุนรวมถึง 1.34 ล้านล้านบาท สร้างงานตรงไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง มีมูลค่าการจ้างงานกว่า 1.2 ล้านล้านบาท จึงกล่าวได้ว่าแม้ประเทศไทยจะจัดโอลิมปิกไม่ได้ แต่ไทยสามารถดึงคนระดับโอลิมปิกเข้ามาที่แห่งนี้ได้ นี่คือไอเดียที่ทาง EEC ได้เสนอแนวคิดเอาไว้ อีกเพียงไม่กี่ปีเราจะได้เห็น กกท. สร้างสนามกีฬารองรับคนได้ถึง 80,000 คน

โดยมีไฮสปีดเป็นระบบขนส่งเข้ามาเชื่อมต่อ และในระหว่างนี้จำเป็นที่ต้องเดินคู่ขนานกันไปในเรื่องของการชักจูงนักลงทุน ประเดิมโรดโชว์แรกที่ฮ่องกงในสัปดาห์หน้า และเมื่อถึงปี 2570 โครงสร้างพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์นักลงทุนทยอยเข้ามา เป็นช่วงจังหวะเดียวกับไฮสปีดที่จะเข้ามาเชื่อมกันพอดี

EEC

สถานีฉะเชิงเทรา 1.9 หมื่นล้าน

ตลอดเส้นทางรถไฟสายเดิมของภาคตะวันออก เป็นเส้นคู่ขนานที่ไฮสปีดจะเกิดล้อตามกันไป จุดเริ่มต้นที่สนามบินดอนเมืองวิ่งเข้าสถานีบางซื่อ ยิงตรงมาที่แอร์พอร์ตลิงก์ตามเส้นทางของสถานีมักกะสัน ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นไฮสปีดเส้นแรกของประเทศ เพียงแต่ปัจจุบันมีการใช้ความเร็วที่ยังไม่สูงสุด เนื่องจากยังอยู่ในเขตเมือง จากนั้นจะมุ่งหน้าเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ตรงไปยังสถานีฉะเชิงเทรา ซึ่งนี่คือจุดแรกของประตูที่จะเข้าสู่ EEC

ดังนั้น EEC จึงเปิดแผนในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) แห่งแรกคือ สถานีฉะเชิงเทรา พื้นที่ 321 ไร่ ด้วยเงินลงทุนกว่า 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะเกิดทั้งศูนย์เปลี่ยนถ่ายด้านการขนส่ง ที่อยู่อาศัยชั้นดี อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ โรงแรม ศูนย์การค้า สำหรับสินค้าเกษตร OTOP และสาธารณูปโภคต่าง ๆ คือ Smart City อีกแห่ง ซึ่งในอนาคตเราอาจได้เห็นกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองบริวารของ EEC

แม้ว่าขณะนี้ โครงการ “ไฮสปีดยังอยู่ระหว่างการรอแก้ไขสัญญา” ที่จะต้องเปิดใช้บริการให้ได้ตามแผนปี 2572 การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกยังคงเดินหน้าไม่หยุด ได้มีการส่งมอบพื้นที่โครงการส่วนแรกให้กับภาคเอกชน (UTA) แล้ว 3,550 ไร่ เพื่อก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ขยายอาคารผู้โดยสาร ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) เขตปลอดอากร หอควบคุมการบิน ในหลาย ๆ ส่วนตรงนี้มีเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนา ทั้ง บี.กริม อีสท์วอเตอร์ รวมด้วย เพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ในปี 2571

ส่วนท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 ในไม่ช้าภายในปี 2569 ประเทศไทยจะมีท่าเรือขนส่งสินค้าเหลวก๊าซธรรมชาติ (LNG) ความจุสูงถึง 11 ล้านตัน/ปี ในขณะที่ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 จะสามารถรองรับตู้สินค้าได้สูงถึง 30 ล้าน TEU/ปี ในปี 2570 ซึ่งแน่นอนว่ายังรองรับรถยนต์จำนวนกว่า 3 ล้านคัน/ปี

20 รายแรกลุ้นรับสิทธิประโยชน์

โครงสร้างพื้นฐานคือประตู่สู่ EEC และมันจะตามมาด้วยการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม และก็ปฏิสธไม่ได้ว่า “สิทธิประโยชน์” เป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่น้อยสำหรับนักลงทุน พ.ร.บ. EEC ได้ให้อำนาจโดยการกำหนดสิทธิประโยชน์ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นการดึงดูดนักลงทุนเข้ามายังพื้นที่ EEC ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา การร่างหลักการของสิทธิประโยชน์ได้สะเด็ดน้ำแล้ว รอเพียงการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และประกาศในราชกิจจานุเบกษาและใช้ได้ทันที

ในขณะตอนนี้มีนักลงทุนกว่า 20 ราย พร้อมที่จะลงทุนภายใต้การให้สิทธิประโยชน์จาก EEC ซึ่งมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านบาท จากการเจรจามา 110 ราย ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรม BCG บริการ และที่สำคัญ ยังเป็นอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง Data Center

ECC

การให้สิทธิประโยชน์จำเป็นต้องเจรจาให้จบภายใน 3 เดือน แน่นอนว่าการรอคอยของนักลงทุนนั้นย่อมมีขีดจำกัด การจัดการที่ดีที่สุดคือทำอย่างไรจะไม่ปล่อยให้นักลงทุนหลุดมือจากประเทศไทยไป นั่นคือการส่งกลับไปสู่สิทธิประโยชนของ “บีโอไอ” เมื่อสิ่งใดที่ยังขาด EEC จะเป็นผู้ซัพพอร์ตเติมให้เต็มตามที่นักลงทุนต้องการ เช่น เรื่องของ VISA แต่จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับสิทธิประโยชน์ที่บีโอไอได้ให้ยืนพื้นไว้แล้ว

นี่คือจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างต้องช่วยกัน ทั้งบีโอไอ ทั้ง EEC เพราะโจทย์ของนักลงทุนคือโจทย์ที่ยากที่สุด ไทยจะสร้างเม็กเนตอย่างไรในการดึงดูด นักลงทุนที่กำลังเลือกช็อปว่าประเทศใดให้สิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุด

ไทยก็คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด ด้วยความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานสะอาด สิทธิประโยชน์ที่ให้ทั้งรายอุตสาหกรรมหรือจะเป็นรูปแบบของการเจรจาเฉพาะ การมีอำนาจจากกฎหมายลูก 44 ฉบับ ย่อมเป็นความได้เปรียบสูงสุดที่ EEC มีในขณะนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลที่นักลงทุนจะปักหมุดมาที่ไทย เพียงแต่วันนี้รัฐบาลต้องเตรียมคนให้พร้อมและให้พอ เพราะนี่จะเป็นความยากและอุปสรรคสำคัญที่ทำนักลงทุนเปลี่ยนใจเลือกปักหมุดหมายใหม่ได้เช่นกัน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดภาพเมืองหลวง EECiti เนรมิตที่ดิน 1.4 หมื่นไร่บางละมุง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...