ทำไมเหล่าตัวแม่ตัวมัมต้องมี Alter Ego เครื่องมือเสริมความมั่นใจ ซึ่งช่วยหยิบเวอร์ชั่นที่เราอยากเป็น เพื่อรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อยู่หมัด
“ทำไมพวกเธอจึงดูมั่นใจมากเลย” หรือ “อยากมั่นใจได้แบบนี้บ้างจัง”
อาจเป็นคำถามในใจของใครหลายคนเมื่อเห็นดีว่าตัวแม่อยู่บนเวที ไม่ว่าจะเป็น Beyonce ที่มี Sasha Fiece เป็นสาวแซ่บบนเวที, Adele ที่มี Sasha Carter โดยหยิบ Sasha ของ Beyonce มาผสมกับนักร้องคันทรี่อย่าง Jane Carter ช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะร้องเพลง หรือ Lisa ที่มีอัตตาตัวตนมากถึง 5 คน ที่พกพลังความเฟียซมาแบบเต็มเปี่ยมในหลายสไตล์ สาวๆ เหล่านี้มีอาวุธในการแสดงความมั่นใจที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ‘Alter Ego’ หรือ อีก ‘ตัวตนหนึ่ง’ นั่นเอง
แต่ใครว่า Alter Ego เป็นเรื่องของคนดังเท่านั้น? คนธรรมดาอย่างเราก็สร้างพลังเวอร์ชั่นพิเศษของตัวเองได้เหมือนกัน
Alter Ego หรือบางตำราจะเรียกว่า Batman Effect คือการสร้างอีกตัวตนหนึ่งเพื่อรีบมือกับสถานการณ์บางอย่าง หรือมักใช้ในการทำงานบางอย่าง เช่น งานสร้างสรรค์ของบรรดาศิลปิน เป็นต้น “การสร้าง Alter Ego ไม่ใช่การสวมหน้ากาก แต่เป็นเหมือนการใส่ผ้าคลุมวิเศษ เพื่อเข้าสู่สถานการณ์สำคัญ และช่วยให้เราทำสิ่งที่ไม่เคยกล้าทำในตัวตนเดิม” Todd Herman ผู้แต่งหนังสือ The Alter Ego Effect กล่าว
บางคนอาจจะเรียกว่านี่คือการ ‘Fake it to you make it’ (ฝากแปลตรงนี้นิดนึงจ้า) ก็ได้ไม่ผิด แต่นี่เป็นการส่งเสริมให้ตัวเราเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง “การมีอีกตัวตนหนึ่งจะปลดปล่อยคุณออกจากการถูกกังขา และความกลัวในความล้มเหลว” Todd Herman เสริม ซึ่งเขามองว่าปัจจัยสองข้อนี้คืออุปสรรคใหญ่ที่ขวางทางสู่สำความสำเร็จทั้งสิ้น
โดยวิธีการสร้าง Alter Ego ทำได้ง่ายๆ ได้แบบไม่ต้องใจร้อน เริ่มด้วยการสร้างจุดมุ่งหมายของ Alter Ego ว่าอยากให้มันช่วยเพิ่มคุณสมบัติความมั่นใจของเราในด้านใดบ้าง และบทบาทนี้จะใช้ในสถานการณ์ไหน เช่น ฉันอยากเป็นคนที่ Extrovert มากขึ้น เพื่อที่จะได้รู้จักกับคนใหม่ๆ ในงานปาร์ตี้ จากนั้นให้สำรวจปัจจุบันว่าเรามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง หรือนิสัยดีๆ ด้านไหนที่อยากทำให้เด่นชัดขึ้นอีก เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างตัวตนใหม่ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้สามารถใช้เวลาลองผิดลองถูกได้ แต่ที่สำคัญคือเวลากำลังอินคาแรกเตอร์นั้นๆ เราต้องรู้สึกสบายใจ ไม่ฝืนธรรมชาติด้วย จากนั้นก็มาถึงการตั้งชื่อกำหนดบุคลิกที่เราอยากจะเป็น โดยวางมู้ดบอร์ดให้เห็นภาพชัดที่สุดว่าเราในอีกตัวตนจะมีนิสัยอย่างไร ชอบทำอะไร เที่ยวที่ไหน และลองใช้ตัวตนใหม่กับสถานการณ์ต่างๆ หรืออาจจะมีเงื่อนไขในการเข้าถึงตัวตนที่ทำได้ง่ายๆ เช่น การใส่เครื่องประดับ หรือทาลิปสติก ก็จะช่วยเข้าและออกจากคาแรกเตอร์ได้ง่ายขึ้น
ไม่เพียงเป็นการสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ Alter Ego ยังเป็นวิธีการ ‘Self Distancing’ หรือ ‘การเว้นระยะห่างจากตัวเอง’ อย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน “เมื่อเราถอยออกมาเป็นบุคคลที่สามในชีวิตของตัวเองแล้ว ก็อาจจะช่วยให้มองเห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราได้กว้างขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดความกังวล และสามารถช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาปิดกั้น” Dr. Ethan Kross นักจิตวิทยาจาก University of Michigan กล่าว
จริงๆ หลายคนอาจจะสร้าง Alter Ego ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวอยู่แล้วก็ได้ หนึ่งในสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือชื่อในโซเชียลของเรานี่ละที่อาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้างอีกตัวตนขึ้นมา และทำให้ในโซเชียลฯ เราต่างสามารถดูมีบุคคลิกคนละคนกับตัวจริงก็ได้นั่นเอง แต่ใดๆ ก็ตาม นี่คือเครื่องมือใน ‘การเสริมพลัง’ ไม่ใช่ ‘การปกปิดความรู้สึก’ ที่แท้จริง หากการใช้ Alter Ego เป็นหน้ากากที่ทำให้คนรู้สึกว่าเราแกล้งเป็นตลอดเวลาก็คงจะไม่ดีเท่าไรเพราะอย่าลืมว่านี่คือชุดคลุมที่ใช้เป็นแค่อีกเวอร์ชั่นหนึ่งของเรา ไม่ใช่ใช้มันมาแทนเรา ตัวเรานี่แหละที่ยังมีคุณค่าและสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ
อ้างอิง
https://medium.com/illumination/the-psychological-benefits-of-adopting-an-alter-ego-260debda2150
https://www.bbc.com/worklife/article/20200817-the-batman-effect-how-having-an-alter-ego-empowers-you
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำไมเหล่าตัวแม่ตัวมัมต้องมี Alter Ego เครื่องมือเสริมความมั่นใจ ซึ่งช่วยหยิบเวอร์ชั่นที่เราอยากเป็น เพื่อรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อยู่หมัด
- ยาคุมรายเดือน/ฉุกเฉินควรกินอย่างไร ฝ่ายชายควรช่วยจ่ายไหม? และทำไมยังไงก็ควรใช้ถุงยางในวันที่วัยรุ่นบางส่วนดื้อดึงที่จะ ‘สด’ เรื่องเพศศึกษาน่าทบทวน จากกรณีนักแสดงซีรีส์วายโดนแหก
- กดไลก์รูปผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว ถือเป็น Red Flag ในความสัมพันธ์ไหม ? มองปัญหาชีวิตคู่ให้ลึกกว่าแค่ความหึงหวง เพราะต่อให้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่เกี่ยวกับความมั่นใจ ความไว้ใจ และการให้เกียรติกัน
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com