โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศึกชายแดนอินเดีย-ปากีสถานจบแล้ว? แต่โลกออนไลน์ยังซัดกันนัว

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 10 มิ.ย. เวลา 02.35 น. • เผยแพร่ 10 มิ.ย. เวลา 02.35 น.

บทความพิเศษ | พาราตีรีตีส

ศึกชายแดนอินเดีย-ปากีสถานจบแล้ว?

แต่โลกออนไลน์ยังซัดกันนัว

ความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน ที่ปะทะกันตามแนวเส้นเขตพิพาทในจัมมู-แคชเมียร์ จากผลพวงการก่อเหตุโจมตีพลเรือนในพาฮัลกัมในแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ที่อินเดียควบคุมเมื่อ 22 เมษายน นำไปสู่การโจมตีใส่กันตลอด 4 วัน และจบลงด้วยการหยุดยิงจากความพยายามของชาติต่างๆ ในวันที่ 10 พฤษภาคม

แม้การถล่มด้วยอาวุธตามแนวเส้นควบคุมของสองประเทศจะจบลง

แต่ความขัดแย้ง 2 ชาติที่แสดงจุดยืนเผชิญหน้ากันยาวนับหลายทศวรรษกลับไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย

และยังขยายแนวรบในสนามอื่น บนโลกออนไลน์ แนวรบใหม่ในสงครามลูกผสมที่เกิดขึ้นบนโลกในศตวรรษที่ 21

เรากำลังได้เห็นอะไรจากการรบในโลกไซเบอร์ในหลายที่รวมถึงปากีสถาน-อินเดีย ไทยจะต้องเตรียมรับมือสงครามรูปแบบนี้กับประเทศอื่นในอนาคตอันใกล้อย่างไร

ในช่วง 7-10 พฤษภาคม อินเดียและปากีสถานปลดปล่อยอาวุธแลกยิงใส่กันหลายจุดตลอดแนวเส้นควบคุม (Line of Control-LoC) อินเดียเปิดปฏิบัติการซินดอร์ (Operation Sindoor) ส่งอาวุธระยะไกลและเครื่องบินรบเข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารฝั่งปากีสถาน ส่วนปากีสถานก็เปิดฉากโจมตีเอาคืนเต็มอัตรา

ตอนนี้เองที่สงครามอีกแนวรบได้เกิดขึ้น นั้นคือ สงครามเรื่องเล่า (War of Narrative) ที่อินเดียและปากีสถานยิงข้อมูล ข่าวสารในทุกช่องทาง รวมถึงทวิตเตอร์หรือ X ได้กลายเป็นอีกสนามรบที่ทั้งสองฝ่ายต่างช่วงชิงการเล่าเรื่องเพื่อโน้มน้าวให้คนเชื่ออย่างดุเดือดไม่แพ้กัน

เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในช่วงการยิงตอบโต้กัน 4 วันมีตั้งแต่ การยิงเครื่องบินรบอินเดียร่วง โดยเฉพาะเครื่องบินตัวท็อปที่อินเดียนำมาใช้อย่างราฟาเอลของฝรั่งเศส ถูกยิงตก หรืออาวุธที่ผลิตจากจีนอย่าง เครื่องบินรบ เจ-10 ซี จรวดพีแอล-15 ระบบยิงจากพื้นสู่อากาศได้โชว์ศักยภาพ

นี่คือสิ่งที่เราเห็นบนหน้าสื่อออนไลน์ที่ถูกประโคม รวมถึงการยกอ้างแหล่งข่าวกรองของสหรัฐมายืนยันเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

แม้แต่ชัยชนะหรือการบรรลุภารกิจ ทั้งอินเดียและปากีสถานป่าวประกาศความสำเร็จในการโจมตีเป้าหมายทางทหาร

อินเดียชื่นชมปฏิบัติการซินดอร์ที่สามารถทำลายเป้าหมายทางยุทธวิธีโดยเฉพาะสนามบิน แหล่งซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้าย เพื่อทวงความเป็นธรรมจากการสังหารหมู่ประชาชนในพาฮัลกัม ด้วยคลังอาวุธที่ผลิตขึ้นในประเทศ ทั้งโดรนพลีชีพ หรือจรวดบรามอส (BrahMos) จรวดร่อนซูเปอร์โซนิกที่อินเดียพัฒนาขึ้น

นี่เป็นเพียงบางส่วนของสงครามเรื่องเล่าที่ทำให้เห็นว่า ทั้งอินเดียและปากีสถานต้องการเอาชนะเหนืออีกฝั่งในทุกแนวรบ

ทีนี้มาพิเคราะห์สงครามเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นระหว่างศึกและหลังหยุดยิง เรื่องแรกคือเครื่องบินรบ การประโคมข่าวเครื่องบินรบราฟาเอลถูกยิงตก นอกจากหวังผลให้อินเดียเสียชื่อในการรบทางอากาศแล้ว ยังกระทบไปถึงบริษัท Dassault ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบรุ่น Rafale ที่ล้ำหน้าที่สุดอีกด้วย

เมื่อ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา รอยเตอร์สได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงภาพเครื่องบินรบลุกไหม้ที่อ้างว่าเป็นราฟาเอลนั้น เป็นการหยิบยกให้เข้าใจผิด โดยใช้ภาพเหตุการณ์เครื่องบินตกในปี 2567 แล้วแต่งเติมว่าเป็นภาพเครื่องบินรบราฟาเอลถูกปากีสถานยิงตก

ที่น่าสังเกตคือ ข่าวนี้ทั้งสื่อปากีสถาน จีน ตุรกี แม้แต่สื่อสหรัฐเองก็เล่นข่าวนี้ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อินเดียมีสัดส่วนนำเข้าอาวุธจากฝรั่งเศสมากเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็นรัสเซีย

ขณะที่ปากีสถานนำเข้าอาวุธจากจีนมากที่สุดในสัดส่วนเกินครึ่ง

การประโคมข่าวเครื่องบินฝรั่งเศสถูกยิงตก จึงดูเหมือนการดิสเครดิตทางธุรกิจ และสื่อสหรัฐหลายแห่งเล่นข่าวนี้ เหมือนหวังให้ชาติอื่นหันมามองเครื่องบินรบ เอฟ-16 หรือเอฟ-35 ที่มีสมรรถนะดีกว่า

จึงยืนยันได้ว่า เครื่องบินรบราฟาเอล ไม่ได้ถูกยิงตก

เรื่องที่สองคือ ภาพการรบหรือข้อมูลที่ถูกทำขึ้นให้ดูน่าเชื่อถือ สมัยนี้สื่อเกมทหาร มีกราฟิกเกมเพลย์ที่คุณภาพดีและถ่ายทอดออกมาสมจริงเหมือนได้อยู่ในสนามรบของจริง ก็ถูกนำไปใช้ในการสงครามข้อมูลข่าวสารด้วย

ภาพระบบป้องกันทางอากาศโจมตีเครื่องบินรบที่บินโฉบเฉี่ยว ถูกนำเสนอว่าปากีสถานป้องกันการโจมตีจากเครื่องบินรบอินเดีย

แต่ความจริงคือเป็นภาพจากเกม Arma 3 เกมวางแผนการรบชื่อดัง

หรือในช่วงที่การรบเกิดขึ้นตามแนวชายแดนและสื่อที่เป็นกลางเข้าถึงพื้นที่การรบได้อย่างจำกัด รัฐบาลและกองทัพคือคนผูกขาดในการให้ข้อมูล ทำให้ยากตรวจสอบได้ว่าอะไรคือความจริง เว้นแต่จะได้เห็นหลังการรบจบลง อย่างเช่นจรวดพีแอล-15 ของจีนที่อ้างว่าสอยเครื่องบินอินเดียได้ กลับพบเป็นซากจรวดตกในเขตอินเดีย ในสภาพที่สมบูรณ์เหมือนเชื้อเพลิงขับเคลื่อนหมดกลางทาง กล่าวได้ว่าจรวดไม่ได้มีสรรพคุณอย่างที่คุยไว้

หรือการนำภาพเหตุการณ์อื่นที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ทำให้เชื่อว่าเป็นเหตุการณ์การรบจริง เสียหายจริงทั้งโรงจอดเครื่องบินหรือฐานทัพอากาศ ค่ายทหารของอีกฝ่ายถูกโจมตี ทั้งที่บางภาพเป็นการนำภาพเก่ามาบิดเบือนให้เข้าใจผิด

อีกเรื่องที่ต้องบันทึกไว้คือ เชื้อไฟที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมในพาฮัลกัม ย้อนกลับไปเมื่อ 16 เมษายน นายพลอาซิม มูนีร์ ผู้บัญชาการทหารบกปากีสถานและเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุด ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ปลุกความเกลียดชังว่าชาวมุสลิมไม่เหมือนกับชาวฮินดู และเน้นย้ำว่าแผ่นดินแคชเมียร์คือเส้นเลือดใหญ่ของเรา “เราจะไม่มีวันลืม”

แม้ทางปากีสถานจะปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุกราดยิงดังกล่าว แต่หากพิจารณาความสัมพันธ์ของคำพูดและผลลัพธ์ ปากีสถานไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องเล่าของตนมีส่วนเป็นแรงจูงใจนำไปสู่การก่อเหตุ

นี่คือบางส่วนของสิ่งที่เรียกว่า “สงครามเรื่องเล่า” ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับสื่อ และประชาชนที่ไถฟีดรับข้อมูลแต่ละวัน ต้องใช้ทักษะรู้ทันและเตือนสติ คิด-วิเคราะห์-แยกแยะอยู่เสมอ

แม้ว่าตอนนี้เสียงของอาวุธจะเงียบลงแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ แนวโน้มต่อจากนี้ต่างหาก สงครามเรื่องเล่ายังคงดำเนินต่อในฐานะช่องทางสั่งสมแรงปลุกเร้าที่อาจนำไปสู่การความขัดแย้งรอบใหม่

ปากีสถานแม้จะได้สงครามกอบกู้ความนิยมของรัฐบาลแต่ก็แค่ชั่วคราว เพราะปัญหาเศรษฐกิจมีแต่ทวีความรุนแรงขึ้น

ส่วนอินเดียแม้จะเสียท่าเพราะถูกสงครามข่าวจากสื่อประเทศต่างๆ รุมยำ แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ กระนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า นโยบายชาตินิยมฮินดูมีส่วนที่ส่งผลกับหลายเรื่องรวมถึงการจัดการพื้นที่ในจัมมู-แคชเมียร์

แต่ประเทศที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งนี้คือ “จีน” ที่ได้สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทหาร และยังสามารถใช้ปากีสถานเป็นตัวแทนเพื่อสกัดอินเดียในการเป็นชาติมหาอำนาจในอนุทวีปด้วย

เราก็ได้แต่หวังว่า ทั้งสองประเทศจะมีหนทางที่ดีที่สุดกับประเทศและประชาชน ดีกว่าใช้อาวุธห้ำหั่นหรือโหมกระพือความเกลียดชังใส่กัน จนเกิดการปะทะกันครั้งใหม่

และครั้งนี้อาจพาโลกนับถอยหลังสู่วิกฤตการณ์นิวเคลียร์

สําหรับประเทศไทย เรื่องสงครามข้อมูลข่าวสารอาจไม่ต้องบรรยายอะไรมากมาย เพราะประชาชนประเทศนี้อยู่กับการเจอไอโอรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งไอโอของฝั่งรัฐทำสงครามทางความคิดกับประชาชนที่ตั้งคำถามและวิจารณ์ ควบคุมไม่ให้มีใครแสดงออกเกินเลยแบบปี 2563

แต่ไม่แน่ใจว่า พร้อมแค่ไหนกับการทำสงครามเรื่องเล่า กับอีกฝ่ายที่มีเทคโนโลยีการข่าวและนวัตกรรมสงครามไซเบอร์ที่เหนือกว่าหลายขุม (อย่าลืมว่า ไอโอรัฐไทยสั่งซื้อเครื่องมือในการสอดแนม เจาะระบบจากต่างประเทศมาทั้งนั้น ไม่มีผลิตขึ้นเอง)

จึงอาจกล่าวได้ว่า รัฐไทยมีความพร้อมระดับหนึ่งในการทำสงครามตามรูปแบบ (Conventional Warfare) และสงครามจิตวิทยายุคสงครามเย็น แต่กับสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ที่ไม่จำกัดรูปแบบ จากค่าเงิน สินค้าเกษตร ไมโครชิพ แร่แรร์เอิร์ธ อินฟลูเอนเซอร์ แฮ็กเกอร์ พลเรือนติดอาวุธ ไปจนถึงคำพูดและความเชื่อสุดโต่งที่แทรกซึมต่างชุมชนอย่างเงียบๆ ทุกอย่างสามารถเป็นอาวุธได้หมด

รัฐไทยยังไม่พร้อมจริงๆ

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศึกชายแดนอินเดีย-ปากีสถานจบแล้ว? แต่โลกออนไลน์ยังซัดกันนัว

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...