ภาคตะวันออกมาแรง! ททท. ชูแคมเปญเที่ยวฟินตลอดปีไม่มีซ้ำ

หากจะบอกว่าภาคตะวันออก “เนื้อหอม” ก็คงไม่เกินจริงนัก สะท้อนได้จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 และมีแนวโน้มสดใสตลอดปี พ.ศ. 2568 นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักยังคงเป็นตลาดในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว (Family) และกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Y)

คุณเกด-กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ G&C ถึงแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการจัดเทศกาล งานประเพณี รวมถึงแคมเปญการตลาดที่มอบสิทธิพิเศษ ส่วนลด และโปรโมชันทั้งในช่วง High Season และ Green Season โดยออกแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปัจจุบันที่นิยมเดินทางระยะใกล้ ใช้เวลาสั้นลง แต่สามารถเดินทางได้บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของภาคตะวันออก อีกทั้งยังมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย และเทรนด์ที่กำลังมาแรงคือการท่องเที่ยวแบบ Workation ที่นิยมเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและกลุ่ม Digital Nomad จากต่างประเทศ “แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. จะนำเสนอสินค้าและกิจกรรมในธีม ‘สีสันตะวันออก’ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งทะเล ภูเขา รวมถึงกิจกรรมและเทศกาลต่างๆ เช่น การดำน้ำ การผจญภัยแบบ Soft Adventure สินค้าและบริการด้านสุขภาพ เช่น Spa & Wellness โรงแรมและที่พักชวนผ่อนคลายอย่าง Pool Villa หรือประสบการณ์สุดพิเศษบนเรือยอชต์ และที่สำคัญคือเป็นแหล่งรวมอาหารการกินขึ้นชื่อ มีทั้งอาหารทะเล ผักสด ผลไม้ตามฤดูกาล รวมถึงวัตถุดิบท้องถิ่นที่เป็นหัวใจของการปรุงอาหาร ล้วนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว” คุณเกดกล่าว คุณเกดยกตัวอย่างแคมเปญน่าสนใจ อาทิ “สุดทุกฟีล ชิลล์ทุกวัน” ร่วมกับอมรินทร์ทีวีและยามาฮ่า ประเทศไทย ชวนนักท่องเที่ยวขับรถเที่ยวด้วยรถมอเตอร์ไซค์ YAMAHA X MAX จัดโปรโมชันส่วนลด โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยว 9 จังหวัดในภาคตะวันออก ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Traveloka เป็นต้น เริ่ม 5 เมษายน-31 กรกฎาคม 2568 โครงการ “Eastern Secret ตามหา (ความลับ) เมืองน่าเที่ยวในภาคตะวันออก 5 จังหวัดที่น่าจับตามอง” ได้แก่ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด โดยร่วมกับบริษัท วิริยะธุรกิจ จำกัด ภาคตะวันออก ชวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปจุดหมายที่กำหนดเพื่อเก็บไอเทมแลกรับส่วนลดโรงแรม/ที่พักและร้านอาหาร ของรางวัลต่างๆ และ Art Toy ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ พร้อมจัดกิจกรรมตลาด Art Toy และประชาสัมพันธ์เมืองน่าเที่ยวในช่วง Green Season โครงการเปลี่ยนวันธรรมดาให้กลับมาคึกคัก โดยร่วมกับบริษัท กอล์ฟดิกก์ จำกัด จัดโปรโมชัน/แพ็กเกจตีกอล์ฟวันจันทร์-ศุกร์ผ่านเว็บไซต์ และ Application Golfdigg กว่า 45 สนาม มอบส่วนลด On Top 200 บาท ให้กับผู้ซื้อแพ็กเกจวันธรรมดา ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์-31 พฤษภาคม 2568 เฉพาะลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% คุณเกดย้ำว่า “ทุกกิจกรรมจะสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมเก็บขยะที่ชุมชนบางกอบัว จังหวัดสมุทรปราการ หรือสนับสนุนให้เดินทางด้วยรถพลังงานไฟฟ้า (EV) รณรงค์ให้พกถุงผ้าและกระบอกน้ำส่วนตัวเพื่อลดการใช้พลาสติก และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมอบรมด้านการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน และผลักดันให้เข้าประกวดในเวที Thailand Tourism Awards หรือรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” นอกจากจุดเด่นด้านสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมสนุกๆ ที่จูงใจนักท่องเที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นยังเป็นสิ่งห้ามพลาด อาทิ ปูไข่ตะกายดาว เนื้อปูไข่กินกับน้ำพริกเกลือหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด เครื่องปรุงสูตรเด็ดของเมืองตราด หรือจะเป็นแกงหมูชะมวง อาหารขึ้นชื่อเมืองจันทบุรีที่นำใบชะมวงมาช่วยชูรสให้อาหารกลมกล่อมมีเสน่ห์เฉพาะตัวยิ่งขึ้น ข้าวเกรียบอ่อนน้ำจิ้ม ของกินเล่นจังหวัดจันทบุรี ทำจากแป้งข้าวเจ้า จิ้มกับน้ำจิ้มพริกตำใส่กุ้งแห้งป่น รสชาติออกเปรี้ยว เค็ม และหวาน แกงไก่กะลา เมนูของชุมชนตะเคียนเตี้ย จังหวัดชลบุรี ใช้วัตถุดิบในชุมชนอย่างกะลาอ่อนมาผัดกับเนื้อไก่และพริกแกงรสแซ่บ และขนมควยลิง ขนมโบราณอายุกว่า 100 ปี ที่นำข้าวเหนียวดำผสมกับข้าวเหนียวขาวปั้นเป็นแท่งต้มในน้ำเดือด ก่อนนำมาคลุกมะพร้าว น้ำตาล และงา เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มหอมกลิ่นงา นอกจากอาหารถิ่น เทรนด์อาหารในภาคตะวันออกยังมีรูปแบบ Gastronomy Tourism, Fine Dining และ Café Hopping ที่เปิดมุมมองใหม่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านรสชาติอาหารที่มีความโมเดิร์นมากขึ้น อาทิ ผัดกะเพราทุเรียน ทุเรียนโทสต์

“ททท. ยังมีแผนดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมุ่งเจาะตลาดใกล้ๆ ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลี และญี่ปุ่น ไม่เพียงชูจุดขายด้านแหล่งท่องเที่ยวและอาหาร ยังมีคอนเสิร์ตและอีเวนต์นานาชาติภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 สิ่งต้องทำเมื่อมาเยือน ได้แก่ Must Taste อาหารไทยและวิถีการกินของภูมิภาค Must Try มวยไทยและศิลปะการต่อสู้ Must Buy แฟชั่น ผ้าไทย งานฝีมือ Must Seek สถานที่เที่ยวใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ และ Must See เทศกาลและประเพณี” คุณเกดกล่าวปิดท้าย แคมเปญแน่นขนาดนี้ จัดรูทเที่ยวทั้งปีไม่มีซ้ำ