โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

‘ธปท.’ ชี้ผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’ ไม่รุนแรงแต่ลากยาว ย้ำจุดยืนการเงินผ่อนคลาย

The Bangkok Insight

อัพเดต 09 ก.ค. เวลา 09.39 น. • เผยแพร่ 09 ก.ค. เวลา 09.39 น. • The Bangkok Insight

"ธปท." ชี้ผลกระทบ "ภาษีทรัมป์" ไม่รุนแรงเท่าวิกฤตการเงินโลก-โควิด แต่ลากยาว ย้ำจุดยืนการเงินผ่อนคลาย เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพนโยบาย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มุมมองของ ธปท. เห็นว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐต่อเศรษฐกิจไทยจะไม่รุนแรงเท่ากับผลกระทบจากช่วงวิกฤติการเงินโลก หรือช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าผลกระทบจากแต่ละเหตุการณ์เป็นช็อกใหญ่ของโลกเหมือนกัน แต่มีมิติของระยะเวลาความรุนแรงแตกต่างกัน กล่าวคือ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากนโยบายภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐจะมีนัยระยะยาวต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก

ภาษีทรัมป์

ทั้งนี้ หากพิจารณามิติความรุนแรงและมิติระยะเวลาจะเห็นว่าช็อกจาก Tariffs แตกต่างกันกับช็อกในรอบการระบาดของโควิด-19 และวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ที่มีความรุนแรงระยะสั้น และเป็นหลุมดิ่งลง ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจทุกอย่างชะงักงั้น แต่ช็อกจากเรื่องภาษีสหรัฐครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที เพราะมีการพูดถึงและรับรู้มาสักระยะแล้ว แต่ช็อกนี้จะมีระยะเวลาทอดยาวไปถึงปี 2569

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้าภายใต้สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจจะเกิดช็อกได้ ดังนั้น จุดยืนนโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง สามารถรองรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง แต่มองไปข้างหน้า ธปท.พร้อมจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่การทำนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นและทนทานสามารถรองรับช็อกที่จะเกิดขึ้นยาวนานได้

นายปิติ ดิษยทัต

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย คือ เศรษฐกิจต้องติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ในอดีตเคยเกิดขึ้น 4 ครั้ง คือ ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ช่วงวิกฤติการเงินโลก ช่วงการชุมนุมประท้วงใหญ่ปี 2553 และช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด ซึ่งการจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคได้นั้น จะต้องเกิดแรงกระแทกใหญ่จากปัจจัยภายนอก เป็น crisis หรือจากปัจจัยในประเทศที่รุนแรงมาก ๆ จะทำให้เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส

แต่ทั้งนี้ ถ้าดูจากประมาณการในปี 68 และทอดยาวไปปี 69 การขยายตัวเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสที่ 0.1% อยู่แล้ว โตค่อนข้างต่ำ โอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคได้หรือไม่นั้น มี แต่เราไม่ได้เอาเข้าไว้ใน base line เพราะโอกาสจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยจะต้องเป็นช็อกที่รุนแรงและมีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะจากข้างนอก เช่น วิกฤติการเงิน ซึ่ง base line ที่เรามอง และ house ต่าง ๆ ที่มองก็ไม่ได้คิดว่าจะมี Global recession

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล

ส่วนประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองนั้น ธปท. ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาปัจจัยทางการเมืองมีผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ จึงเป็นหนึ่งในความเสี่ยง

"แรงกระแทก Tariffs ไม่กระทบรุนแรง และตกแรง ๆ เหมือนวิกฤตโควิด-19 แต่แรงกระแทกนี้ จะทอดยาวไปยังภาคที่ส่งออกไปสหรัฐและผลจะทอดยาวไป เราจะไม่เห็นช็อกแบบสั้น ๆ ซึ่งเราได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการ 700-800 ราย พบว่าอุปสรรคการทำธุรกิจ คือ ต้นทุน ความสามารถในการแข่งขัน และความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เขาจะชะลอลงทุนมากกว่า" นายสักกะภพ ระบุ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...