โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หมดยุคลงทุน GenAI ? เมื่อ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ จัดระเบียบ Data

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 01 มิ.ย. เวลา 09.11 น. • เผยแพร่ 01 มิ.ย. เวลา 07.30 น.
สินิสา นิโกลิก-อมา บาบู

ตั้งแต่การเปิดตัว Generative AI ของ OpenAI อย่าง ChatGPT ปลายปี 2565 ทั้งโลกเรียกได้ว่าตกอยู่ในอาการคลั่งไคล้ Hype บ้างก็วาดฉากทัศน์ในอนาคตเรื่องการงาน อาชีพ และวัฒนธรรม เมื่อ GenAI เข้ามีส่วน บ้างก็ถึงขั้น “กลัว” ว่าจะตกขบวนเทคโนโลยีใหม่ที่จะเข้ามาทำให้เกิดการลงทุนมหาศาลทั้งในส่วนซอฟต์แวร์ และการนำไปปรับใช้ในองค์กร รวมถึงฝั่งฮาร์ดแวร์ชิปประมวลผล และศูนย์กลางข้อมูลระดับสูง (Hyper Scaler Datacenter)

การลงทุนมหาศาลเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปี โดยที่หลายฝ่ายยังมองไม่เห็นปลายทางว่าจะ “คืนทุนเมื่อไร” แต่แน่นอนว่าในฝั่งผู้พัฒนา และผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เอไอมองว่าผู้ลงทุนจะลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น

ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจลงทุนด้านไอทีในองค์กรต่างคาดหวังว่าจะสามารถนำ GenAI มาปรับใช้ในองค์กร

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนเอไอเปลี่ยนไปแล้ว จากรายงาน CIO Playbook 2025 ล่าสุด ซึ่งจัดทำขึ้นโดย Lenovo และข้อมูลจาก IDC ครั้งที่ 3 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกกว่า 2,900 คน รวมถึงเหล่าผู้บริหาร และผู้มีอำนาจตัดสินใจ ด้านไอทีกว่า 900 คน ใน 12 ตลาดทั่วในเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ได้แก่ อินเดีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และอาเซียนพลัส (ไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง,ไต้หวัน ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย)

โลกกลับสู่การจัดการ Data

“สินิสา นิโกลิก” ผู้อำนวยการ PC, AI & CSP ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก “เลอโนโว” อธิบายว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า AI เป็นเรื่องจริง และเป็นเส้นทางที่โลกต้องไป ทำให้หลายคนเกิดอาการ FOMO หรือกลัวตกขบวน แต่ปีนี้แนวโน้มหลายอย่างเปลี่ยนไป

“การสำรวจของ CIO Playbook ตั้งแต่ปี 2566 พบว่าสิ่งที่องค์กรทั่วเอเชีย-แปซิฟิกให้ความสำคัญอันดับแรก คือการปรับใช้ AI ในองค์กร โดยเฉพาะ GenAI แต่ปีนี้ความต้องการดังกล่าวตกไปอยู่อันดับที่ 6 ขณะที่ความสำคัญอันดับแรกคือ เรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ Data Ragulatory Compliance จากที่เคยสำคัญอันดับที่ 12 ในปี 2567”

สอดคล้องกับสถานการณ์การพัฒนาด้านกฎระเบียบ ความปลอดภัยในข้อมูล และการรักษาข้อมูลของตัวผู้ใช้งานเองที่เกิดการตระหนักรู้ไปทั่วโลก องค์กรหลายองค์กรเริ่มเล็งเห็นแล้วว่า ข้อมูลสำคัญขององค์กรไม่ควรนำไปประมวลผลบนคลาวด์ หรือโมเดลเอไอสาธารณะทั้งหมด จึงหันมาพิจารณาการจัดระเบียบข้อมูลภายในองค์กร มีการลงทุนในคลาวด์และเซิร์ฟเวอร์ ก่อนที่จะลงทุนเอไอ

ทั้งการบังคับใช้กฎระเบียบความปลอดภัยข้อมูล และการจัดการข้อมูลขององค์กรจะส่งผลไปยังการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ และดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย

“เมื่อก่อนใคร ๆ ก็อยากไปคลาวด์ แต่ตอนนี้ดาต้าหลายส่วนต้องเคลื่อนย้ายกลับสู่เซิร์ฟเวอร์ภายในแบบ On Premis แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แนวโน้มที่ไปแน่ ๆ คือ องค์กรจะหันมาใช้ Hybridge Cloud ไปจนถึง Hybridge AI ในส่วนที่ต้องใช้การประมวลผลภายนอกจากโมเดลเอไอสาธารณะต้องใช้คลาวด์ ส่วนการประมวลผลเฉพาะทางจะใช้โมเดลเอไอภายในที่เล็กลง”

องค์กรหวังคืนทุนเร็วขึ้น

นอกจากนี้ ความสำคัญอันดับสองที่องค์กรสนใจในปี 2567-2568 คือ การเพิ่มผลิตภาพให้พนักงานองค์กรด้วย “เอไอ” ซึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ในลำดับที่ 7 แต่ปีนี้ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หมายความว่าองค์กรต่าง ๆ คิดเรื่องประสิทธิภาพ เพื่อ “คืนทุน” จากการลงทุน

“การลงทุนด้าน AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากพิจารณาเทียบกับการลงทุนด้านไอทีทั่วไป องค์กรใน APAC ลงทุนมากกว่างบประมาณไอที 3.3 เท่า หากแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนเอไอมากที่สุด คือ Health Care สูงถึง 5.3 เท่ารองลงมาเป็นโทรคมนาคม 3.6 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกลงทุนเอไออยู่ที่ 2.8 เท่า”

คีย์สำคัญเน้นลงทุน 2 ส่วน คือ 1.เทคโนโลยี ได้แก่ ดาต้า โครงสร้างพื้นฐาน เอดจ์ เอไอแอปพลิเคชั่น 2.ใช้งานด้านธุรกิจ ได้แก่ ITOps ความปลอดภัยไซเบอร์ ซอฟต์แวร์เดฟ และการจัดการซัพพลายเชน เป็นต้น

“ในขณะที่การประยุกต์ใช้ AI ของธุรกิจในกลุ่มอาเซียนพลัสยังอยู่ในสถานะเริ่มต้น จากผลสำรวจพบว่า 47% ของธุรกิจในอาเซียนพลัสอยู่ในขั้นตอนการประเมิน หรือวางแผนการนำ AI มาใช้ทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้า ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (56%) และทั่วโลก (49%)”

อุปสรรคสำคัญของการนำ AI มาใช้ คือ อัตราการคืนทุน หรือ ROI จากผลสำรวจพบว่า สิงคโปร์ เป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียนพลัส โดยเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้วยความพร้อมด้าน AI ที่ล้ำหน้า และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดอื่นในกลุ่มอาเซียนพลัสยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI มาใช้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านทรัพยากร และความเชี่ยวชาญ

การทำให้ AI นำมาซึ่ง ROI ต้องอาศัยความสมดุลระหว่างการทดลองใช้งาน AI กับการมีโครงการที่ขยายผลได้ โดยประเด็นที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ และองค์กรในเอเชีย-แปซิฟิก คาดหวังที่จะได้รับ ROI ถึง 3.6 เท่าโดยเฉลี่ย จากการลงทุนในโปรเจ็กต์ AI ต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงได้ต้องอาศัยความรอบคอบในการขยายการใช้งาน AI และการพัฒนาศักยภาพในองค์กรไปพร้อมกัน

ส่อง 3 ความท้าทาย

ความท้าทายที่เพิ่งเริ่มใช้งาน AI คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบซัพพลายเชน, การพัฒนาข้อปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบส่วนกลาง และการเสริมประสิทธิภาพให้การทำงานของพนักงาน เป็นตัวช่วยเพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจ แบ่งเป็น 3 ส่วน อย่างแรก คือการบริหารจัดการข้อมูลภายใน และภายนอก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงที่สุด และเป็นไปตามกฎระเบียบที่สุด ตามแนวโน้มของโลกที่จะโฟกัสตรงนี้

“เพราะอย่างที่หลายคนเปรียบเทียบกันว่า ข้อมูลเป็นเงินตราใหม่ เป็นทองคำ เป็นน้ำมัน เป็นทุกสิ่ง การจัดการข้อมูลที่ดีตั้งแต่เริ่มแรก ก่อนจะนำไปพัฒนาโมเดลเอไอของตน กลับมาเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ”

อย่างที่สอง คือ ความท้าทายด้าน IT Infastructure และ Network Costs โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้าน GPU และการประมวลผลที่เพิ่มสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ทำให้หลายคนพิจารณาทางเลือกที่หลากหลายอย่างการใช้โครงข่ายแบบไฮบริด, เอดจ์ คลาวด์ และออนพริมิส

สุดท้ายคือเรื่องจุดสิ้นสุดของการพัฒนา การปรับดาต้าและเอไอมาใช้จะนำไปใช้ตรงไหนอย่างไรให้เกิดประโยชน์สุด

ช่วย SMEs เข้าถึงเอไอ

ด้าน “อมา บาบู” ประธานเลอโนโว ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวด้วยว่า เอเชีย-แปซิฟิกเป็นตลาดที่โตโดดเด่นที่สุดในโลก โดยเลอโนโวมีรายได้จากภูมิภาคนี้ 19% การลงทุนด้านเอไอมีความสำคัญ บริษัทจึงเปลี่ยนตนเองสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ที่กำลังสร้าง Smarter Technology for All

“เราลงทุนปีละ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการวิจัยและพัฒนาเอไอ แต่จะไม่เหมือนเอไอสาธารณะที่มีใช้กันอยู่แล้ว เรามีฮาร์ดแวร์ตั้งแต่ระดับพ็อกเกต จนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ มีบริการตั้งแต่ดีไวซ์ โซลูชั่น จนถึงเอไอโมเดล ดังนั้น เรื่องข้อมูลที่ทุกคนหวงแหนจะต้องกลายเป็นเอไอในทุกระบบ ตั้งแต่เอไอเฉพาะบุคคล เอไอองค์กร และเอไอสาธารณะ โรงงานเอไอ ของเรามีการพัฒนาเพื่อแยกไปตามเซ็กเตอร์ แต่ละเซ็กเตอร์จะมีเอไอเอเย่นต์ที่ต่างกัน ทั้งภาคสาธารณสุข โรงงาน หรือรีเทล”

ผู้บริหาร “เลอโนโว” ย้ำว่า เอไอเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่แนวคิดทางธุรกิจ แต่เป็นแนวทางจริงในการทำธุรกิจ ปัญหาวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องการลงทุนขององค์กรขนาดใหญ่ เพราะมีเงินทุน มีคน แต่จะทำอย่างไรให้องค์กรเล็ก และธุรกิจรายย่อยเข้าถึงเอไอได้ เพื่อให้พวกเขามีศักยภาพในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเลอโนโวสนใจที่จะเข้าไปหาทางในการนำเอไอไปถึงรายเล็กให้ได้

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หมดยุคลงทุน GenAI ? เมื่อ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ จัดระเบียบ Data

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...