โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เกิดเป็น ‘หญิง’ แท้จริงแสนลำบาก ต้องทุกข์ยากแม้ ‘ยามว่าง’ ตั้งหลายเท่า ว่าด้วยเวลาว่างที่ไม่มีจริง และภาระที่มองไม่เห็นของผู้หญิงหลังเลิกงาน (TH/EN)

นิตยสารคิด

อัพเดต 16 มิ.ย. เวลา 21.06 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. เวลา 21.06 น.
gender-and-leisure-cover

ช่วงเวลาหลังเลิกงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าใครก็อยากจะเอนหลังพักสบาย ๆ นอนดูสื่อบันเทิงที่ชอบ กินอาหารที่ใจอยาก ออกไปทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ ใช้เวลากับเพื่อนหรือคนรู้ใจ เพื่อให้ได้ใช้ “ยามว่าง” หย่อนใจจากงานที่สร้างรายได้ให้แก่เรา ทว่าในสมการของ “เวลาหลังเลิกงาน = เวลาว่าง” นั้น เมื่อพิจารณาในมุมมองบทบาททางเพศ เราจะเห็นถึงบุคคลผู้ที่แม้ดูเหมือนจะมีเวลาว่างเหมือน ๆ คนอื่น แต่เอาเข้าจริงกลับ “ไม่ว่าง” อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งบุคคลนั้นก็คือ “ผู้หญิง”

เวลาว่าง : พัฒนาการของความหมายที่แปรเปลี่ยนในโลกสมัยใหม่
ก่อนที่จะลงไปเข้าใจถึง “ยาม(ไม่)ว่าง” ของผู้หญิง สิ่งที่อยากอธิบายในเบื้องต้นคือนิยามความหมายทางวัฒนธรรมของ “เวลาว่าง” โดยในหนังสือว่าง ยัง วุ่น : ชนชั้น เพศสภาพ และเวลาว่างของผู้หญิง ของสมสุข หินวิมาน ได้สรุปงานศึกษาด้านสังคมวิทยาเกี่ยวกับเวลาว่างไว้ว่า เดิมทีการเข้าใจเรื่องเวลาของมนุษย์นั้นไม่ได้มีเส้นแบ่งอะไรที่ชัดเจน จนกระทั่งเกิดสิ่งที่เรียกว่า “นาฬิกา” อันเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาเปลี่ยนอารยธรรมของมนุษย์ กล่าวคือ เป็นการทำสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างเวลาให้กลายเป็นรูปธรรมที่มนุษย์สามารถนำไปจัดการใช้ในกิจวัตรได้

ว่าง ยัง วุ่น : ชนชั้น เพศสภาพ และเวลาว่างของผู้หญิง โดย สมสุข หินวิมาน
(https://www.sac.or.th/portal/th/article/detail/214)

การนิยามถึงเวลาว่างนั้น ก็ต้องย่อมอาศัยความหมายที่เป็นคู่ตรงข้ามกับ “เวลางาน” สรุปอย่างย่นย่อคือ เวลาว่างนั้นเป็นเวลาที่คนเราปลอดจากความต้องการแห่งงาน เป็นเวลาที่มีอิสระจากภารกิจใด ๆ แห่งอาชีพ และเป็นเวลาที่ไม่มีรายรับ อย่างไรก็ดี มโนทัศน์เกี่ยวกับเวลาว่างในอดีตนั้นมีความพร่าเลือน โดยหากพิจารณาเฉพาะในบริบทสังคมไทย ก็จะเห็นตัวอย่าง เช่น วัฒนธรรมการลงแขกเกี่ยวข้าวของไทยที่มี “เพลงเกี่ยวข้าว” ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมอันเป็นเรื่องงานและสิ่งที่เป็นเรื่องหย่อนใจสามารถเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กันได้ หรือหากพิจารณาร่องรอยของภาษา คำที่ใช้เรียก “งานรื่นเริง” อย่างงานแต่ง งานบวช ฯลฯ ก็สะท้อนว่างานและเรื่องบันเทิงใจอยู่ร่วมกันเสมอ นั่นก็เพราะสังคมสมัยก่อนเป็นการทำงานเพียงเพื่อยังชีพ มิได้ต้องการการแข่งขันทางสังคมที่สูง จึงเกิดปรากฏการณ์ “งานเป็นเล่น เล่นเป็นงาน” ได้นั่นเอง

ช่องว่างระหว่างเวลางานกับเวลาว่าง เริ่มแบ่งแยกชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อทุนนิยมเจริญเติบโต ความมั่งคั่งหรืออำนาจจากเงินกลายเป็นมาตรวัดฐานะและชนชั้นในยุคสมัยใหม่ คำพูดทำนอง “งานคือเงิน เงินคืองาน” หรือ “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” กลายเป็นสิ่งที่ขับเคี่ยวให้เวลางานมีความชัดเจนมากขึ้น เช่นเดียวกับการจัดสรรเวลาอื่น ๆ คือ เวลาว่างและเวลาพัก (นอน) ระบบเศรษฐกิจเช่นนี้ทำให้ “งานเป็นงาน เล่นเป็นเล่น” ชัดเจนมากขึ้น เพราะในฐานะนายจ้างในเวลางานก็ย่อมอยากให้ลูกจ้างทำงานอย่างขันแข็งเพื่อสร้างผลประกอบการและผลผลิตออกมาให้มากที่สุด

ทีนี้คำถามคือ แล้วเวลางานและเวลาว่างจะสัมพันธ์กับบทบาททางเพศอย่างไร ผู้หญิงมีเวลาว่างน้อยกว่าผู้ชายจริงหรือ สิ่งเหล่านี้สามารถตอบกลับจากมิติของ “พื้นที่” อันเป็นอีกมิติหนึ่งที่แบ่งแยกเวลางานกับเวลาว่างออกจากกัน

มายาคติของบทบาททางเพศ กับเวลาว่างที่ถูกฉกฉวยไปของผู้หญิง
แน่นอนว่า “พื้นที่สาธารณะ” หรือ “พื้นที่นอกบ้าน” ย่อมเป็นอาณาบริเวณที่จะเกิดกิจกรรมของ “เวลางาน” มากกว่า และเกิดกิจกรรมทางการผลิตอันนำมาซึ่งรายได้ กลับกัน “พื้นที่ส่วนตัว” หรือ “พื้นที่ในบ้าน” ก็ย่อมเกิดกิจกรรมที่ไม่สร้างรายได้และรังแต่จะเกิดการบริโภคของสมาชิกในครอบครัวอย่างมหาศาล

หากเชื่อมโยงมิติพื้นที่ข้างต้นกับมายาคติทางเพศซึ่งก็แทบจะเป็นค่านิยมของสังคมที่เราพบเจอมาตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบัน นั่นคือการที่ผู้ชายถูกคาดหวังให้เป็น “ช้างเท้าหน้า” เป็นผู้ที่ออกไปทำงานหารายได้หรือหาทรัพยากรอื่น ๆ มาจุนเจือครอบครัว ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของผู้ชายอยู่ในพื้นที่สาธารณะโดยปริยาย ส่วนผู้หญิงก็ต้องเป็น “ช้างเท้าหลัง” ยิ่งในสังคมแบบขนบจะเห็นว่า ผู้หญิงถูกคาดหวังบทบาทของ “การเป็นเมีย” และ “การเป็นแม่” นำมาซึ่งบทบาทของผู้จัดการงานบ้านและความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว

ทว่าในโลกทุนนิยม คุณค่าของมนุษย์ถูกวาดหวังจากบทบาทของการเป็นผู้ผลิตและการสร้างรายได้ ผู้หญิงในระบบเศรษฐกิจนี้เองจำต้องมีบทบาทที่เพิ่มขึ้นมา คือการออกมาทำงานในพื้นที่สาธารณะ สร้างรายได้เพื่อมาจุนเจือครอบครัวอีกแรง กระนั้นก็ตาม ความคาดหวังในบทบาทของ “เมีย” และ “แม่” ไม่ได้แปรผันตามภาระที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วย

เราจึงมักเห็นภาพอันเคยคุ้นที่แม่ของเรา ผู้ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านตอนกลางวัน แต่เมื่อกลับมาแล้ว ก็ยังคงต้องทำงานครัวและงานบ้านอื่น ๆ ไปด้วย สิ่งนี้ก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ภาระสองเท่า” (Double Burden) นั่นคือการออกไปทำงานอันสร้างรายได้ (Paid Work) และกลับมาทำงาน(บ้าน)ที่ไม่สร้างรายได้ (Unpaid Work)

(Nationaal Archief / Unsplash)

คำถามคือ ผู้ชายเองก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน แต่อะไรที่ทำให้ผู้ชายไม่ต้องเผชิญกับภาระสองเท่า และถึงเหมือนจะตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ตาม แต่นั่นก็เพราะมายาคติเกี่ยวกับบทบาททางเพศข้างต้นที่หล่อหลอมให้ความคิดของผู้ชายมองว่า “พื้นที่ในบ้าน” เป็นพื้นที่สำหรับเวลาว่างและเวลาพักจากการตรากตรำทำงานข้างนอก ส่วนในฝั่งผู้หญิงที่ถูกปลูกฝังจากค่านิยมและการบ่มเพาะของครอบครัว หรือสื่อที่ผลิตซ้ำบทบาทของผู้หญิงให้เป็นผู้สร้างความสุขให้แก่สามีและลูก เป็นผู้จัดการความเรียบร้อยของบ้าน ภาระเหล่านี้ทำให้เกิดความพร่าเลือนระหว่างเวลางานกับเวลาว่างที่แท้จริงที่พวกเธอควรได้รับ

หนทางทวงคืนเวลาว่างของสตรี (ให้มีมากขึ้น)
แน่นอน ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะวุ่นทั้งวันจนไม่ว่างเลย แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราทุกคนสามารถมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจที่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยลดการเบิร์นเอาต์จากการทำงานและทำให้สุขภาพทั้งกายและใจแข็งแรงขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี จากต้นตอของมายาคติอันฝังรากลึกในสังคม แนวทางที่พอจะช่วยเหลือก็ย่อมมาจากการเคลื่อนไหวของสังคมด้วย

เริ่มจากการสร้างความเข้าใจด้านความเท่าเทียมพื้นฐานให้แก่คนในสังคม สร้างความตระหนักรู้ว่าบทบาททางเพศตามแบบขนบนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติทางเพศ โดยในขั้นพื้นฐานอาจเริ่มจากหลักสูตรในชั้นเรียน ตลอดจนการใช้พลังของสื่อกระตุ้นให้เกิดความเท่าทันมายาคติดังกล่าว ว่างานบ้านไม่ใช่สิ่งที่ผูกติดอยู่กับผู้หญิงเท่านั้น เช่นเดียวกับการเป็นผู้นำหรือการมีอิสระนอกบ้าน ก็ไม่ได้เป็นอภิสิทธิ์ที่มีแต่ในผู้ชาย

การสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยจากบทความเรื่อง “Does gender inequality persist also in our leisure time?” ได้นำเสนอว่า ความแตกต่างด้านการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณภาพระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมีน้อยกว่ามากในประเทศที่ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนสถาบันครอบครัว เช่น การมีพื้นที่สาธารณะสำหรับเด็ก การให้วันหยุดงานสำหรับคุณพ่อมือใหม่ในช่วงแรกเกิดของเด็ก ซึ่งก็จะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ว่า บทบาทหน้าที่การดูแลเด็กมิใช่สิ่งที่ยึดโยงกับผู้หญิงเท่านั้น นโยบายเช่นนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ชายที่เข้าสู่สถานะพ่อ ได้เรียนรู้บทบาทการเป็นผู้ดูแลซึ่งก็จะบ่มเพาะให้เกิดความตระหนักรู้ในระยะยาวเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางหน้าที่ในครัวเรือนด้วย

หากแนวนโยบายเหล่านี้สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ ก็ย่อมสร้างเวลาว่างที่มีคุณภาพให้แก่ผู้หญิงได้มากขึ้น มากไปกว่านั้น การเพิ่มสัดส่วนเพศหญิงในองค์กรของรัฐหรือสภาผู้แทนราษฎรเองก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะนำเสนอเสียงของผู้หญิงต่อข้อปัญหาดังกล่าวได้อย่างตรงไปตรงมาและหาทางแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

(Örebro Kuriren / Örebro läns museum, Sweden)

ต้องยอมรับว่า ด้วยโครงสร้างความคิดและวัฒนธรรมกระแสหลัก ผู้หญิงเป็นเพศที่ถูกมายาคติข้างต้นสร้างกรอบของตัวตนทั้งโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม บางคนอาจไม่เคยหวนคิดถึงสิ่งเหล่านี้มาก่อน หรือบางคนอาจตระหนักรู้แต่ก็ยังโอบรับหน้าที่ดังกล่าวตามค่านิยม ทำให้พวกเธอต้อง “ว่างยังวุ่น” อยู่ ข้อความคิดที่เสนอนี้อาจพอเป็นแนวทางในเชิงรูปธรรมที่สามารถทวงคืนความ “ว่างไม่วุ่น” กลับมาได้

ท้ายที่สุด การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตส่วนตัว ควรเป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ไม่ว่าเพศใดก็ตามควรจะมี ด้วยหากเรามีเวลาว่างที่แท้จริง เราก็จะสามารถพัฒนาทักษะส่วนตัวหรือหาความสุขให้ชีวิตได้ ถึงแม้ “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” แต่หากเราทำงานจนไม่มีเวลาว่างอย่างแท้จริงมากพอจะไปใช้ชีวิต “ความสุข” ที่ว่าก็อาจไม่เคยมาถึงเลย

ที่มา : หนังสือ ว่าง ยัง วุ่น : ชนชั้น เพศสภาพ และเวลาว่างของผู้หญิง โดย สมสุข หินวิมาน
บทความ “Does gender inequality persist also in our leisure time?” จาก people.acciona.com
บทความ “Redefining Work-Life Balance: How Modern Women Are Shaping New Norms” โดย Kashaf Iman

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ไลฟ์สไตล์ อื่น ๆ

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันจันทร์ที่ 29 ธ.ค. 68

PostToday

อย่าหาว่าตลก! นอนน้ำลายไหล สัญญาณอันตรายจากโรคร้ายที่ซ่อนอยู่

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

"สะเดา" สรรพคุณดั่งตู้ยา ต้านเบาหวาน บำรุงเลือด คุมกำเนิดแบบธรรมชาติ

sanook.com

"มะละกอ" ผลไม้เทวดา! กินดิบ-กินสุก ประโยชน์ครบจบในลูกเดียว

sanook.com

ยลศิลปะล้านนา “วัดสันป่ายางหลวง” วัดงามแห่งเมืองลำพูน

Manager Online

ซื้อกุ้งดูให้เป็น! เปิดคัมภีร์เลือก "กุ้งสด" vs "กุ้งฉีดสาร" จำไว้ใช้ได้ตลอดชีวิต ไม่โดนหลอกขาย

sanook.com
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...