โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จับทิศทางราคาทองคำปี 2026 ยังมีโอกาสแรงทะยานสร้างสถิติใหม่ได้อีกหรือไม่ ? หลังช่วงสิ้นปี 2025 เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของนักลงทุนทอง

BTimes

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

ตลอดช่วงปี 2025 ราคาทองคำ นับว่า ขึ้นแรงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีช่วงที่ผันผวน ทำให้นักลงทุนได้ใจหายใจคว่ำ หรือใจฟูช่วงราครทะยานเร้าใจ ด้วยปัจจัยความเสี่ยงรอบโลกที่ซ้อนกัน ทั้ง สงครามการค้า ที่กดดันเศรษฐกิจโลก สงครามความขัดแย้ง ในหลายภูมิภาค ทำให้นักลงทุนและธนาคารกลางหลายประเทศกลับมาแห่ตุนทองคำ เพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเมื่อราคาขึ้นเร็ว คนที่ถือกำไรมากจึงทยอยขายทำกำไร ทำให้ราคาผันผวนในช่วงปลายปีอย่างที่เห็นกัน

สถานการณ์ทองคำในปี 2025

ในบทวิเคราะห์ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตลอดปี 2025 ราคาทองคำปรับขึ้นแรงและเร็ว โดยเป็นการขึ้นที่นำหน้าปัจจัยพื้นฐาน แรงหนุนหลักไม่ได้มาจากการใช้ทองคำในภาคอุตสาหกรรมหรือเครื่องประดับ แต่เกิดจากความต้องการถือครองในเชิงการเงินและการป้องกันความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินในระยะยาว

โดยทองคำได้แรงหนุนจากหลายปัจจัยพร้อมกัน ทั้งทิศทางดอกเบี้ยที่เริ่มเข้าสู่ช่วงผ่อนคลาย ความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ ระดับหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายของหลายประเทศ รวมถึงบทบาทของธนาคารกลางที่ยังคงสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงจากเงินสกุลหลัก ปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากมองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบของพอร์ต มากกว่าจะถือเพื่อป้องกันเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว

ขณะเดียวกัน การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางในหลายประเทศมีส่วนช่วยพยุงอุปสงค์ในเชิงโครงสร้าง แม้ในช่วงที่ราคาผันผวนแรงจากแรงขายของนักลงทุนระยะสั้น ส่งผลให้ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ได้ในบางช่วงของปี และทำให้แรงขายไม่สามารถกดราคาได้ต่อเนื่องในระยะยาว

และเมื่อราคาปรับขึ้นเร็วเกินไป นักลงทุนที่ถือกำไรอยู่เริ่มทยอยขายทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าซื้อมาตั้งแต่ต้นทาง ประกอบกับปัจจัยบวกหลายเรื่องถูกสะท้อนเข้ามาในราคาแล้ว ทำให้ตลาดขาดแรงหนุนใหม่ในระยะสั้น และนำไปสู่การปรับฐานและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี

ทำให้ในภาพรวม ปีนี้สะท้อนว่าทองคำยังไม่ได้อ่อนแอในเชิงโครงสร้าง ทั้งจากบทบาทของนักลงทุนและธนาคารกลาง แต่กำลังอยู่ในช่วงพักฐานหลังจากการปรับขึ้นแรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสการลงทุนและความเชื่อมั่นของตลาดเป็นหลัก

ทิศทางทองในปี 2026

เชื่อว่าบรรดาสายลงทุนทองคำจะยังมั่นใจในศักยภาพของทอง ถึงแม้ว่าปีหน้าบรรดาปัจจัยหลายๆอย่างที่ยังคงมีอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวกระตุ้นราคาทองได้ดีเท่ากับปีนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยความตึงเครียดจากสงครามการค้าและความขัดแย้งแม้จะยังไม่หายไป แต่ตลาดรับรู้ความเสี่ยงเหล่านี้ไปมากแล้ว โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นแรงเหมือนปีนี้จึงเริ่มจำกัด ทองคำยังเหมาะใช้เป็นตัวกระจายความเสี่ยงของพอร์ตมากกว่าตัวสร้างผลตอบแทนแต่ถึงอย่างนั้น ทองคำยังมีบทบาทสำคัญในฐานะสินทรัพย์กระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะสำหรับพอร์ตระยะยาวที่ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และเสถียรภาพทางการเงิน อย่างไรก็ดี หากมองในเชิงการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นแรงต่อเนื่องเหมือนปีนี้เริ่มลดลงอย่างชัดเจน

สาเหตุหลักคือปัจจัยบวกสำคัญจำนวนมากถูกสะท้อนเข้ามาในราคาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือความต้องการถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ ขณะเดียวกัน หากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น หรือความเชื่อมั่นต่อการเติบโตฟื้นตัวเป็นช่วง ๆ ความจำเป็นในการถือทองคำในระดับสูงอาจลดลง ทำให้ราคามีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ และเคลื่อนไหวตามข่าวและจังหวะเศรษฐกิจมากกว่าการเป็นขาขึ้นชัดเจน ดังนั้น ปีหน้า ทองคำควรถูกมองเป็น “ตัวช่วยกันความผันผวนของพอร์ต” มากกว่าการเป็นสินทรัพย์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทน มุมมองการลงทุนจึงเหมาะสมที่ Neutral

ด้าน บทวิเคราะห์ของ ฮั่วเซ่งเฮง ระบุว่าในช่วงสิ้นปี 2025 กลายเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของนักลงทุนทองคำ ซึ่งภาพรวมของราคาทองคำในช่วงปลายปี 2025 ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นปีของการลงทุนทองคำอย่างแท้จริง โดยมีปัจจัยหนุนหลัก ๆ มาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก การสะสมทองคำของธนาคารกลางอย่างต่อเนื่อง และสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

เทรนด์ยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก?

ฮั่วเซ่งเฮง มองว่าราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว (Structurally Bullish) โดยมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time Highs) อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะสั้นราคาทองอาจยังมีความผันผวนสูง (Short-Term Volatility) โดยขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายของ Federal Reserve ซึ่งอาจทำให้เกิดการ “พักตัว” หรือแกว่งตัวอย่างรวดเร็วได้

ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า บรรดานักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำต่าง ๆ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาในช่วงปลายปี 2025 และต้นปี 2026 โดยมี 2 ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญ คือ

1.ระดับเป้าหมายเฉลี่ย : การคาดการณ์ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 3,600 – 3,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งสะท้อนมุมมองเชิงบวกในการซื้อทองเก็บเพื่อการลงทุน ตัวอย่างเช่น J.P. Morgan คาดการณ์ว่าราคาทองจะขึ้นไปถึง 3,675 ดอลลาร์ ด้าน Goldman Sachs คาดว่าจะไปอยู่ที่ 3,700 ดอลลาร์ ส่วน ANZ Group คาดว่าจะถึง 3,800 ดอลลาร์ ในช่วงสิ้นปี 2025

2.ระดับเป้าหมายสูงสุด : มีการคาดการณ์กันว่า ราคาทองคำมีโอกาสพุ่งไปแตะที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสูงกว่านั้นในระยะยาว โดยคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2025 จนถึงช่วง ไตรมาส 2 ของปี 2026 ภายใต้เงื่อนไขด้านแรงซื้อจากธนาคารกลางและนักลงทุนที่เกี่ยวข้อง

คาดการณ์ราคาทองคำในประเทศ

ราคาทองคำไทย มีการคาดการณ์ว่าราคาทองคำแท่ง 96.5% และ 99.99% จะผันผวนตามราคาตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยน หรือค่าเงินบาท เนื่องจากเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่าทำให้ราคาทองในประเทศยังคง “ขยับขึ้น” อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขเป้าหมายในไทยอย่างเป็นทางการจากสถาบันการเงินไทย แต่โดยปรากฏการณ์ทั่วไป นักลงทุนคาดการณ์ว่า ในช่วงที่ทองโลกปรับราคาขึ้น เราอาจได้เห็นราคาทองคำในประเทศอยู่ในช่วง 52,000 – 56,000 บาทโดยประมาณ หรือสูงกว่าในช่วงขาขึ้นก็เป้นได้

ซื้อทองเก็บดีไหม ?

ในช่วงที่ราคาพุ่งแรงๆ เกิดคำถามขึ้นว่า ควรจะซื้อทองเก็บไว้ดีไหม? ถ้าแนวโน้มทองยังขาขึ้นแบบนี้ แม้ราคาทองในปัจจุบันจะมีความผันผวน แต่หากพิจารณาถึงจุดแข็งของการลงทุนในระยะยาว ทองยังคงเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedge) ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน เงินเฟ้อสูง หรือเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน การซื้อทองเก็บแบบทยอย (Dollar‐Cost Averaging) สร้างพอร์ตระยะยาวเพื่อรอรับแนวโน้มขาขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงกับภาวะผันผวนของราคาทองคำ รวมทั้ง ช่องทางออมทองออนไลน์ (Online Gold Saving) ทำให้การลงทุนทองง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน

ดังนั้น คำถามที่ว่า ควรซื้อทองดีไหมในช่วงนี้ ? อาจต้องมาดูถึงเป้าหมายของตนเอง เพราะถ้าหากต้องการซื้อ “เพื่อลงทุนระยะยาว” และเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ หรือเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลาย การซื้อทองเก็บไว้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์อีกวิธีหนึ่ง

ซื้อทองเก็บควรซื้อแบบไหน ในช่วงตลาดขาขึ้น ?

หากต้องการซื้อทองเก็บเพื่อการลงทุนระยะยาวและมีเงินก้อนใหญ่ ทองแท่งถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าทองรูปพรรณ เพราะมีค่ากำเหน็จน้อยกว่ามาก และราคาขายคืนจะอิงตามราคาตลาดอย่างชัดเจน แนะนำให้เลือกทองความบริสุทธิ์สูง เช่น ทอง 96.5 (มาตรฐานไทย) หรือทอง 99.99 (มาตรฐานสากล)

ส่วนบริการออมทองออนไลน์เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่น ทั้งยังซื้อขายคล่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องเก็บรักษา และสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินจำนวนไม่มาก

ขณะที่ทอง ETF นั้น สำหรับนักลงทุนที่อยากกระจายความเสี่ยง (Diversify) พอร์ตการลงทุน และต้องการลงทุนทองคำที่อ้างอิงราคาตลาดโลกโดยไม่ต้องซื้อทองคำจริง

แบงก์ชาติคุมเข้มธุรกรรมทองคำ สงสัยทำบาทแข็งค่าผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม จากค่าเงินบาทที่กำลังแข็งค่าในช่วงนี้ สวนทางกันกับราคาทองที่สูง ทำให้ธุรกรรมการซื้อขายทองคำกระดาษ หรือออนไลน์ จึงเป็นที่จับตา ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติก็มีมาตรการเข้ามาคุมเข้มการซื้อขายทองคำมากขึ้น เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกใหม่ พบว่า แรงกดดันสำคัญมาจากการขายทองคำผ่านแอปพลิเคชันเป็นเงินบาท เนื่องจากผู้ลงทุนขายทองผ่านแอปฯ ร้านทองจะต้องนำทองไปขายต่อในตลาดต่างประเทศ เพื่อปิดความเสี่ยง ทำให้ได้รับเงินดอลลาร์ จากนั้นจึงนำดอลลาร์มาขายเพื่อซื้อเงินบาท ส่งผลให้เกิดแรงขายดอลลาร์จำนวนมาก ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว อีกทั้งตัวเลขธุรกรรมเทรดทองคำออนไลน์สัดส่วนถึง 40-50% โดยเฉพาะในเดือนส.ค. ที่สูงถึง 60% ของธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ทั้งหมด สะท้อนชัดว่าเป็นแรงกดดันค่าเงินบาท

"แม้เทรนด์ของราคาทองคำจะน่าสนใจ แต่การลงทุนในทุกสินทรัพย์ หรือแม้แต่ทองคำก็มีความเสี่ยง แต่ในอีกมุมมองหากต้องการซื้อเก็บ หรือใช้เป็นสินสอด ทองหมั้นในยุคเศรษฐกิจ หนี้ท่วมของคนไทย หากไม่มีวินัยในการเก็บออมแบบจริงจัง ทองคำ อาจกลายเป็นสินทรัพย์ที่เอื้อมถึงได้ยากแล้วต่อจากนี้"**

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...