โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ดาวโจนส์ปิดลบเกือบ 250 จุด หลังหุ้นเทคฯ ร่วงฉุดตลาด - นลท.ยังมองบวกปีหน้า

efinanceThai

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดาวโจนส์ปิดลบเกือบ 250 จุด หลังหุ้นเทคฯ ร่วงฉุดตลาด - นลท.ยังมองบวกปีหน้า

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -30 ธ.ค. 68 6:48: น.

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนลบในวันจันทร์ (29 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ย่อตัวลงหลังปรับขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายบางเบาในสัปดาห์สุดท้ายของปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 48,461.93 จุด ลดลง 249.04 จุด หรือ 0.51% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,905.74 จุด ลดลง 24.20 จุด หรือ 0.35% และดัชนีแนสแดค ปิดที่ 23,474.35 จุด ลดลง 118.75 จุด หรือ 0.05%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดลดลง 0.45% และถ่วงดัชนี S&P 500 เนื่องจากหุ้นเทคฯ และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดย Nvidia ลดลง 1.2% และ Palantir Technologies ลดลง 2.4%

แฮงก์ สมิธ ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Haverford Trust กล่าวว่า นี่ไม่ใช่การเริ่มต้นของจุดจบในการครองตลาดของหุ้นเทคโนโลยี แต่น่าจะกลายเป็นโอกาสเข้าซื้อ เหตุผลสำคัญคือ หุ้นเทคฯ ชั้นนำ ยกเว้น Tesla ไม่ได้มีมูลค่าที่แพงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต ความได้เปรียบที่ยั่งยืนทางธุรกิจ และความแข็งแกร่งทางการเงิน ซึ่งยากที่จะหากลุ่มอื่นมาเทียบ

ข้อมูลจาก Stock Traders Almanac บ่งชี้ว่า นักลงทุนบางส่วนคาดว่าจะเห็นปรากฏการณ์ Santa Claus rally ซึ่งดัชนี S&P 500 มักปรับขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีและ 2 วันแรกของเดือนม.ค. โดยดัชนีทั้งสามมีแนวโน้มทำกำไรประจำเดือนอย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 มีแนวโน้มปรับขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8

ขณะที่ทิศทางของตลาดกระทิง ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนต.ค. 2022 ยังคงอยู่ แม้ตลาดจะกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยีและความผันผวนของตลาด โดยนักลงทุนยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อปัญญาประดิษฐ์ (AI), การลดดอกเบี้ย และเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ดัชนีหลักทั้งสามมีแนวโน้มทำกำไรต่อเนื่องเป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยนักกลยุทธ์ส่วนใหญ่ยังคาดว่าตลาดจะปรับขึ้นต่อในปี 2026

ปีเตอร์ ออพเพนไฮเมอร์ (Peter Oppenheimer) หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดหุ้นโลกของ Goldman Sachs มองว่า การที่หลายฝ่ายหวังว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและธนาคารกลางสหรัฐฯ จะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม หากตลาดเกิดการปรับฐานที่รุนแรงหรือเข้าสู่ภาวะตลาดหมีโดยไม่มีภาวะ Recession นั้น คงไม่ใช่เรื่องปกติ

หุ้น DigitalBridge บริษัทโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลพุ่งขึ้น 9.6% หลัง SoftBank Group ของญี่ปุ่นเตรียมเข้าซื้อกิจการ เป็นมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หุ้น Tesla ลดลง 3.3% หลังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกดดันหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปิดลดลง 0.45%

ขณะที่หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลดลง 0.96% หลังหุ้นกลุ่มเหมืองโลหะมีค่าร่วงลงเนื่องจากราคาโลหะเงินลดลงอย่างมากหลังพุ่งแตะ 80 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก ขณะที่ราคาทองคำปรับลดลงเช่นกันหลังทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นเกือบ 1% ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 2%

หุ้นกลุ่มธนาคารปิดลบ 1.25% หลังบวกแรงตลอดทั้งปีนี้ โดย Citigroup ปิดลดลง 1.9% อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปี หุ้นของ Citigroup เพิ่มขึ้นเกือบ 68% และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเด่นของปี สืบเนื่องจากความคืบหน้าในการแก้ปัญหาด้านการกำกับดูแล

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นราว 17% นับตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากกระแสการลงทุนใน AI ซึ่งช่วยให้ตลาดสหรัฐฯ แซงหน้าดัชนี STOXX 600 ของยุโรป ที่บวกราว 16% แม้นักลงทุนจะกระจายการลงทุนออกจากหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงต้นปีก็ตาม

นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเฟด และรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในสัปดาห์นี้ซึ่งมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเบาบาง

ที่มา Reuters

รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...