ไม่เอาคนเนรคุณ
แยกข้างแบ่งขั้วกันตั้งแต่หัววัน…
วานนี้ (๒๕ ธันวาคม) นายกฯ อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.๑๑๒
“…ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ยกเว้นพรรคประชาชน…”
"…การแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ คงไม่สามารถพูดคุยกันได้ เนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน เว้นแต่พรรคประชาชนจะประกาศชัดเจนว่าไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ก็อาจทำงานร่วมกันได้…"
พรรคส้มบอกว่ามีเราไม่มีเทา
พรรคน้ำเงินก็ชัดเจน ไม่เอาพรรคแก้ ม.๑๑๒
แบบนี้เพื่อไทยคือตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล
แม้จะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้พรรคส้มยุติการกระทำ และห้ามดำเนินการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา ๑๑๒ ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบอีกต่อไป
ศาลมองว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
"…สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงมีความสำคัญต่อความมั่นคงต่อประเทศ เพราะพระมหากษัตริย์ กับประเทศไทย หรือชาติไทย ดำรงอยู่คู่กัน เป็นเนื้อเดียวกัน เป็นศูนย์รวมจิตใจในชาติ และธำรงความเป็นปึกแผ่นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในประเทศ การกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงของประเทศด้วย…"
แต่หากพรรคส้มยังจะมีนโยบายแก้ไข ม.๑๑๒ ก็ไม่สามารถเสนอแก้ไขแบบเดิมได้
จะต้องมาในรูปแบบใหม่
ไม่ใช่แก้เพื่อบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
ต้องแก้เพื่อเชิดชู!
ปัญหาคือ พรรคส้มมีทัศนคติอย่างไรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมครับ เพราะที่ผ่านมารับรู้โดยทั่วกันอยู่แล้วว่า "แซะกร่อน บ่อนทำลาย"
ล่าสุด "หัวหน้าเท้ง" ก็ยังยืนยันแนวคิดเดิม
“ไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพราะคำพูด”
ความหมายก็คือ ไม่ควรมีใครติดคุกเพราะวิจารณ์ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
หากพรรคส้มจะชูนโยบายแก้ ม.๑๑๒ ขึ้นมาอีกครั้ง กรอบวิธีคิดก็ไม่ต่างจากเดิม คือ "แซะกร่อน บ่อนทำลาย"
มีโอกาสที่จะถูกยุบพรรคซ้ำเป็นครั้งที่ ๓
ฉะนั้นนโยบายที่พรรคส้มพอจะนำไปใช้ในการเสียงได้ก็คือ นิรโทษกรรมผู้ต้องหา จำเลย นักโทษ คดี ม.๑๑๒
เกินกว่านี้เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง
ม.๑๑๒ เป็นเหมือนเชือกที่รัดคอพรรคส้ม
ยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่น
เลือกตั้งคราวนี้จึงพยายามชิงสร้างกระแสกลบจุดอ่อนตัวเอง และสร้างความได้เปรียบคู่แข่งในเวลาเดียวกัน
ก็…"มีเราไม่มีเทา" นั่นแหละครับ
หลังจากนายกฯ อนุทินแสดงจุดยืน "หัวหน้าเท้ง" ไม่ปล่อยให้กระแสต่อต้านแก้ ม.๑๑๒ ติดลมบน
สวนทันที
"…ผมก็ขอย้ำอีกครั้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกัน ระหว่างรัฐบาลประชาชน กับรัฐบาลภูมิใจไทย
ผมยืนยันอีกครั้ง ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่อง ๑๑๒ ตามที่คุณอนุทินอ้างทั้งสิ้น พอได้แล้วกับนิทานหลอกลวงประชาชนเพื่อกักขังประเทศให้อยู่กับอดีต
เราต้องการประเทศไทยที่ไม่เทา เท่ากัน และทันโลก พรรคประชาชนจะพยายามชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงของประชาชน ชนะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคอันดับ ๒ ได้จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคอันดับ ๑ อีก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาสสุดท้ายที่จะพาประเทศไทยพ้นจากวิกฤตที่เผชิญอยู่รอบด้าน
พรรคประชาชน พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน เพื่อต่อสู้กับเครือข่ายทุนเทา ไม่ให้เข้ายึดครองประเทศอันเป็นที่รักของเราครับ…"
เหมือนจะดี…แต่ปิดโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลของตัวเอง
พูดแบบนี้ ก็หมายความว่า หากพรรคส้มได้ลำดับที่ ๒ จะไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคภูมิใจไทย
หากพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคลำดับที่ ๑ จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะรวมเสียงได้ไม่พอ พรรคส้มก็ไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่งใช่หรือไม่
ถ้าใช่ก็เท่ากับยอมให้พรรคลำดับที่ ๓ จัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีมาจากพรรคลำดับที่ ๓ ใช่หรือไม่
ที่มองมุมนี้ก็เพราะการเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูง บางอย่างคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ มันก็ดันเป็นไปได้ เหมือนที่พรรคส้มมี สส.มากที่สุด กลับไม่ได้เป็นรัฐบาลเพราะสะดุดหัวแม่ตีนตัวเอง
เรื่อง "เทา" ก็เหมือนกัน ดูให้ดีๆ ว่าในพรรคส้มไม่มีเทาในความหมายของพรรคส้มจริงหรือไม่
เท่าที่เห็นพ่อผู้สมัคร สส.เขตบางเขต ในภาคอีสานของพรรคส้ม เป็นพวกเทา ที่โดนคดีคอร์รัป ชันกินงบหลวงมาก่อน
และพ่อคนที่ว่านี้ยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองกับลูกอย่างมาก
ก็พวกบ้านใหญ่นั่นแหละครับ
หรือพรรคเรามีเทา เราไม่แคร์
สุดท้ายเรื่อง ม.๑๑๒
ทัศนคติของ "หัวหน้าเท้ง" ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
"พอได้แล้วกับนิทานหลอกลวงประชาชนเพื่อกักขังประเทศให้อยู่กับอดีต" ประโยคนี้หมายความว่าไง
อะไรเกิดขึ้นในอดีต
"หัวหน้าเท้ง" กลับไปอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีล้มล้างการปกครองอีกรอบสิครับ
“…พระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ เป็นการผดุงไว้ซึ่งเกียรติยศของประเทศ จึงมีความชอบธรรมที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองมิให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของรัฐ หรือสถานะตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้…”
"…แสดงให้เห็นทัศนคติของนายพิธา ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่พร้อมจะยกเลิกมาตรา ๑๑๒ ทำให้บทบัญญัติที่คุ้มครองกษัตริย์หมดสิ้นไป เพราะหากแก้ในสภาไม่ได้ ก็พร้อมที่จะดำเนินการโดยอาศัยใช้วิถีทางอื่น นอกเหนือจากกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เซาะกร่อนบ่อนทำลาย…"
นี่หรือคือนิทานหลอกประชาชน
คำพูดที่ว่า "กักขังให้ประเทศอยู่กับอดีต" มันก็สะท้อนว่าต้องการสื่ออะไร
ประเทศต้องมีอดีต ปัจจุบัน อนาคต การละทิ้งอดีต ไม่สนใจความเป็นมาของชาติตัวเอง เรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยครับ
นอกจาก…
คนเนรคุณ.