โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โซเชียลมีเดียนำเทรนด์ ดันธุรกิจเอเชียโตก้าวกระโดด ปี 2020

Businesstoday

เผยแพร่ 28 ธ.ค. 2562 เวลา 07.00 น. • Businesstoday

ปี 2020 ถือเป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ได้พลิกโฉมการประกอบธุรกิจแบบดั้งเดิมทั่วโลกไปโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ การตลาด ไปจนถึงการสร้างธุรกิจให้เติบโต ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเด่นชัดในเอเชีย เนื่องจากทุกประเทศล้วนมีอัตราการเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้เศรษฐกิจในแถบนี้เติบโตเร็วมากที่สุดอีกภูมิภาคหนึ่งในโลก

McKinsey คาดการณ์ว่าเอเชียจะเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีโลก เนื่องจากทิศทางการค้าการลงทุนข้ามพรมแดนทั่วโลกจะเคลื่อนย้ายมาทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

-“สร้างแบรนด์ผ่านวิดีโอ-เอาใจใส่ลูกค้า” เคล็ดลับเพิ่มยอดขายบน Facebook และ Instagram
-Facebook มองการสร้างโลกดิจิทัลที่ดีกว่า เริ่มต้นได้ที่ตัวเรา

รายงานนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจอาจเปลี่ยนกระแสโลกาภิวัตน์ไปสู่กระแสภูมิภาคนิยมได้ โดย

60% ของการซื้อขายสินค้าที่ผลิตโดยประเทศในเอเชียนั้นเกิดขึ้นภายในภูมิภาค
71% ของการลงทุนในสตาร์ทอัพในเอเชียยังถือเป็นการลงทุนระหว่างภูมิภาค
74% ของนักท่องเที่ยวชาวเอเชียนั้นนิยมเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนเปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก่อนภาคธุรกิจ ซึ่งพฤติกรรมนี้ส่งผลต่อวิธีการค้นหา การศึกษาข้อมูล และการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในท้ายที่สุดเช่นกัน

ช่วงต้นปี 2019 Facebook ได้เผยถึง 3 เทรนด์ที่กำลังมาแรงบนแพลตฟอร์มทั้ง

-การแชร์คอนเทนต์แบบชั่วคราว
-คอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ
-การส่งข้อความทางแชท

จอห์น แวกเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2020 เทรนด์เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในเอเชีย สรุปง่าย ๆ คือ ในเอเชียเราจะเห็นพฤติกรรมที่มุ่งไปสู่การใช้แพลตฟอร์ผ่านมือถือที่เพิ่มขึ้น มีคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น มีการใช้ Stories มากขึ้น ไปจนถึงการสนทนาและการทำธุรกิจผ่านการทักแชทที่จะเพิ่มมากขึ้น

เอเชียครองตลาดของผู้ใช้งานมือถือรายใหม่มากที่สุดในโลกซึ่งมีถึง 61% เมื่อเทียบกับโซนยุโรปตะวันออกกลาง-แอฟริกา (25%) และสหรัฐอเมริกา (14%) นอกจากนี้ยังมีจำนวนผู้ชมวิดีโอในเอเชียเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ในปี 2019 กว่า 54% ของผู้ชมวิดีโอสตรีมมิ่งทั่วโลกมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Video on Mobile หรือวิดีโอที่รับชมบนมือถือจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม และแปรเปลี่ยนไปตามปัจจัยอีกมากมาย จากการศึกษาวิจัยและประสบการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นประสบการณ์การรับชมวิดีโอที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

-กลุ่มที่รับชมวิดีโอระหว่างเดินทาง “on-the-go”
-กลุ่มที่ชื่นชอบการดูและตั้งใจเข้ามารับชมวิดีโอ “captivated viewing”

ในยุคที่พฤติกรรมการรับชมเปลี่ยนไป กุญแจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้มากที่สุดก็คือ การค้นหาและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนบนคอมมูนิตี้ออนไลน์ หรือการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง

ขณะที่ธุรกิจบริการสตรีมมิ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ชมจะมองหาแบรนด์ที่สื่อสารข้อเสนอต่างๆ ได้อย่างชัดเจนมากที่สุด รวมไปถึงแบรนด์ที่สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับชมได้ตามความต้องการของแต่ละคน

แนวโน้มของผู้ใช้งานที่หันมาแชร์ประสบการณ์แบบชั่วคราวกันอย่างรวดเร็ว โดยมียอดผู้ใช้งานฟีเจอร์ Stories มากกว่า 500 ล้านรายต่อวัน ทั้งบน Facebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp

การส่งข้อความก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เมื่อต้นปี 2018 เราได้เปิดเผยสถิติว่ามีการส่งข้อความมากกว่า 8 พันล้านข้อความระหว่างผู้คนกับธุรกิจบน Messenger ทุก ๆ เดือน และเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 2 หมื่นล้านข้อความในปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้คนคาดหวังที่จะสื่อสารกับธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับที่พวกเขาส่งข้อความให้กับเพื่อน ๆ เมื่อผู้คนใช้แอปพลิเคชันส่งข้อความกันมากขึ้น

ปัจจุบันมีธุรกิจที่ใช้ Messenger เป็นประจำทุกเดือนมากกว่า 40 ล้านราย (เช่น การส่งหรือรับข้อความทาง Messenger) รายงานยังระบุว่า ผู้คนในกลุ่มประเทศซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ในเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะส่งข้อความหาผู้ประกอบธุรกิจเฉลี่ยมากกว่าทั่วโลก โดย 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิกได้ส่งข้อความไปให้กับธุรกิจในช่วงวันหยุดปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันมีธุรกิจกว่า 5 ล้านรายที่ใช้แอปพลิเคชัน WhatsApp Business ทุกเดือน

จากรายงานการศึกษาระดับโลกซึ่งจัดทำโดย Boston Consulting Group ร่วมกับ Facebook ใน 9 ประเทศ พบว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นนำเทรนด์การซื้อขายสินค้าผ่านแชทออนไลน์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ทั้งในแง่การรับรู้และการใช้แชทออนไลน์เพื่อการซื้อสินค้า จากกลุ่มสำรวจตัวอย่างทั้งหมด 9 ประเทศ พบว่า ประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมจากการซื้อขายผ่านแชทออนไลน์สูงที่สุด

ไทย (40%)
เวียดนาม (36%)
อินโดนีเซีย (29%)
มาเลเซีย (26%)
ฟิลิปปินส์ (23%)

ในขณะที่สัดส่วนการซื้อขายผ่านแชทออนไลน์ในประเทศอื่นยังอยู่ในระยะเริ่มต้น อาทิ

สหรัฐอเมริกา (5%)
เม็กซิโก (6%)
อินเดีย (10%)
บราซิล (11%)

การพัฒนาทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าภูมิทัศน์การค้าจะยังคงเปลี่ยนแปลงต่อไป ตามพฤติกรรมและวิธีที่ผู้คนเลือกจะโต้ตอบกับธุรกิจ ผ่านประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพวกเขา โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างไร้รอยต่อ

ด้วยอิทธิพลของแพลตฟอร์มและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ทำให้วิธีที่ผู้คนค้นพบสินค้าใหม่ในทุกวันนี้กลายเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ผู้คนเชื่อมโยงได้มากขึ้น การสร้างธุรกิจและแบรนด์ให้ปรากฏบนแพลตฟอร์มและค้นหาได้ จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะให้ธุรกิจคว้าชัยชนะในศึกการค้ายุคใหม่ได้สำเร็จ

ธุรกิจจะทำอะไรได้บ้างเพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการค้าในยุคใหม่นี้

ธุรกิจต่าง ๆ สามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้ด้วยการออกแบบเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือ แอปพลิเคชัน การตลาด และการสื่อสารแบบเรียลไทม์ เพื่อลดช่องโหว่และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

ประการที่สอง ธุรกิจจะต้องพิจารณาว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทีมทั้งหมดนั้นมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันอย่างไร เพื่อที่จะมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นตามความคาดหวังของลูกค้า

ประการที่สาม การสร้างความสัมพันธ์จะต้องอาศัยแนวความคิดเชิงสร้างสรรค์ ยินดีที่จะทดลองปฏิสัมพันธ์และเชื่อมต่อในรูปแบบใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยี AR/VR การทำวิดีโอแนวตั้ง ไปจนถึงการสร้างช่องทางและแพลตฟอร์มขึ้นมาใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่างไปจากธุรกิจอื่น

สุดท้ายแล้ว ธุรกิจควรเลือกวัดผลเฉพาะสิ่งที่สำคัญ แบรนด์ต้องใช้พื้นที่ของตัวเองในการรังสรรค์ไอเดียให้เป็นจริง เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจและรักษาความสนใจจากผู้คนให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยการขยายพื้นที่ให้ใหญ่มากขึ้น น่าสนใจมากขึ้น หรือเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น

ที่สำคัญธุรกิจต้องกำหนดวัตถุประสงค์ได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับการวัดผลลัพธ์ ซึ่งจะช่วยในการวางแผนธุรกิจใหม่และสร้างประสบการณ์ที่มอบทางเลือกการตอบโจทย์เฉพาะบุคคล มีการโต้ตอบ และมีความเกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...