โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทะเลรอบฮอกไกโดอุ่นขึ้น หายนะอาหารทะเลญี่ปุ่น

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 07 ส.ค. เวลา 04.30 น.
อุณหภูมิน้ำทะเลรอบฮอกไกโดเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ส่งผลให้ผลผลิต “สาหร่ายคอมบุ” ลดลงอย่างหนักในรอบ 30 ปี ภาวะโลกร้อนยังลดปริมาณธารน้ำแข็ง ส่งผลต่อระบบนิเวศและสัตว์ทะเล เช่น หอยเชลล์และปลาต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงใต้น้ำจากโลกร้อนกำลังคุกคามอาหารทะเลของญี่ปุ่นในระยะยาวอย่างน่ากังวล

เมืองราอุสุ ซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรชิเระโตโกะ ทางตะวันออกของเกาะฮอกไกโด เป็นแหล่งผลิต “สาหร่ายคอมบุ” คุณภาพสูงซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารญี่ปุ่น ทว่าผู้ผลิตในพื้นที่เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่ผิดปกติและแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ลดลงอย่างชัดเจน ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 อุณหภูมิผิวน้ำทะเลใกล้ชายฝั่งราอุสุพุ่งสูงถึง 25 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้ชาวประมงท้องถิ่นถึงกับตกตะลึง เพราะเป็นอุณหภูมิที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สาหร่ายคอมบุเป็นพืชทะเลที่เจริญเติบโตได้ดีในน้ำเย็น หากอุณหภูมิสูงเกินไป รากจะอ่อนแอจนทำให้หลุดลอยจากที่ยึดเกาะ และการเจริญเติบโตลดลงอย่างมาก สาหร่ายคอมบุที่ราอุสุแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ แบบธรรมชาติที่เติบโตจากพื้นทะเล และแบบเพาะเลี้ยงที่ผูกติดไว้กับเชือกลอยในทะเล ปี 2023 คอมบุแบบเพาะเลี้ยงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยผู้ผลิตบางรายสูญเสียผลผลิตถึง 50–80%

ในปี 2023 คอมบุธรรมชาติคิดเป็น 69.5% ของคอมบุที่เก็บเกี่ยวในญี่ปุ่น ขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นแบบเพาะเลี้ยง โดยฮอกไกโดเป็นแหล่งผลิตคอมบุใหญ่ที่สุดในประเทศ คิดเป็นประมาณ 95% ของผลผลิตทั้งหมด แม้คอมบุจะสามารถเจริญเติบโตได้ถึงน่านน้ำทางใต้ของจังหวัดอิบารากิฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และจังหวัดอาโอโมริฝั่งทะเลญี่ปุ่น แต่พื้นที่หลักก็ยังคงเป็นฮอกไกโด

คุณภาพและปริมาณของสาหร่ายคอมบุในญี่ปุ่นจึงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในฮอกไกโดเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ปริมาณการเก็บเกี่ยวคอมบุที่นี่ลดลงถึงสองในสามในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์นี้ไม่จำกัดแค่ที่ราอุสุ แต่เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ข้อมูลจากองค์กรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางทะเลฮอกไกโดในเดือนเมษายน 2025 ระบุว่าในปีงบประมาณ 2024 มีการเก็บเกี่ยวคอมบุเพียง 8,213 ตัน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 10,000 ตัน การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลจากภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลผลิตลดลง

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮอกไกโดได้ทำการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อสายพันธุ์คอมบุ 11 ชนิด โดยใช้สถานการณ์จำลอง ซึ่งเป็นระดับกลางในรายงานการประเมินของ IPCC หากอุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.1–2.6°C ภายในสิ้นศตวรรษนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่คอมบุ 4 สายพันธุ์ (เช่น Saccharina longissima, Saccharina coriacea) จะหายไปจากทะเลญี่ปุ่น และหากเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ซึ่งอุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นถึง 4.8°C จะทำให้สูญเสียถึง 6 สายพันธุ์จากน่านน้ำญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ในฤดูหนาวของทุกปี จะมีธารน้ำแข็ง (drift ice) จากทะเลโอค็อตสค์ที่ลอยลงมาถึงชายฝั่งฮอกไกโด ซึ่งก่อตัวจากน้ำทะเลเย็นจัดบริเวณไซบีเรียและเกาะซาคาลิน แล้วถูกพัดพาลงใต้โดยกระแสลมและน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม ธารน้ำแข็งก็กำลังลดลงเช่นกัน จากข้อมูลของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น พบว่าพื้นที่สูงสุดของน้ำแข็งในทะเลโอค็อตสค์ลดลงถึง 56,000 ตารางกิโลเมตรทุก 10 ปี หรือเฉลี่ย 3.5% ต่อทศวรรษ

การจำลองยังระบุว่า หากภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป พื้นที่น้ำแข็งทางตอนใต้ของเส้นรุ้งที่ 46 ใกล้ฮอกไกโด จะลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามภายในปี 2050 (แม้เป็นสถานการณ์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด) หากอยู่ในระดับกลางจะเหลือเพียงหนึ่งในสี่ และในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจเหลือเพียงหนึ่งในห้า บางการคาดการณ์ถึงขั้นระบุว่าในอนาคตอาจไม่มีธารน้ำแข็งมาถึงฮอกไกโดเลยในบางปี

ธารน้ำแข็งในฮอกไกโดไม่ได้มีค่าแค่เชิงท่องเที่ยวเท่านั้น เมื่อน้ำแข็งละลายในฤดูใบไม้ผลิ จะปล่อยธาตุเหล็กจากแม่น้ำอามูร์ลงสู่ทะเล ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตของแพลงก์ตอนพืชซึ่งเป็นฐานของห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศทางทะเล โดยหอยเชลล์ของฮอกไกโดที่มีชื่อเสียงก็ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ หากธารน้ำแข็งลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลกระทบต่อหอยเชลล์และสัตว์ทะเลอื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อุณหภูมิน้ำทะเลใกล้ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.33°C ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึงสองเท่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่อุณหภูมิพื้นดินเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลต่อทะเลญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ทวีป นอกจากนี้ กระแสน้ำคุโรชิโอยังได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์นี้

อุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นยังก่อให้เกิด “คลื่นความร้อนทางทะเล” หรือช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงผิดปกติติดต่อกันเกิน 5 วัน ซึ่งแม้เพียงหนึ่งองศา ก็สามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น ปริมาณปลาดาบ (scabbard fish) ลดลงในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก แต่กลับเพิ่มขึ้น 25 เท่าในรอบสิบปีในจังหวัดทางเหนือ เช่น อิวาเตะ มิยางิ และฟุกุชิมะ

ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนบก แต่กำลังเปลี่ยนแปลงใต้ผิวน้ำทะเลอย่างเงียบงัน สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในทะเลมักถูกมองข้าม หากไม่มีการรับมือและเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ อนาคตของอาหารทะเลญี่ปุ่นอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร มาตรการรับมือ เช่น การประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากคลื่นความร้อนและฝนตกหนัก แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องอาหารทะเลที่หล่อเลี้ยงวัฒนธรรมญี่ปุ่นมายาวนาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...