คุยกับ "เจนนี่ รัชนก" แกะสูตรไลฟ์ยอดขายร้อยล้าน แบรนด์ต่อคิวยาวถึงสิ้นปี
ผู้เขียน : วิชญาพร วงศ์ษา
ปรากฏการณ์ไลฟ์สดของ “เจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ” ศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่สร้างสถิติใหม่ให้กับติ๊กต๊อก (TikTok) ด้วยยอดผู้เข้าชมไลฟ์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.2 ล้านวิว สะท้อนถึงอุตสาหกรรม “ไลฟ์คอมเมิร์ซ” ของไทยที่ขยับไปไกล โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ช่วยเร่งการเติบโต
การไลฟ์ต่อเนื่อง 10 กว่าวันของ “เจนนี่” ทำให้ผู้ประกอบการไทยเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้ถึง 270 แบรนด์ เช่น Kathy Cosmetics, BioActive+, Madame Fin, LYO, Cho Cosmetics, CHAME Thailand, Taokaenoi และ PROMTHONG
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ “เจนนี่” ในเรื่องราวของ “เทศกาลเจนนี่” มีหลายมุมที่น่าสนใจ
กลยุทธ์มัดใจคนดู
“เจนนี่” เล่าว่า สิ่งที่ทำให้ไลฟ์กลายเป็นไวรัล และสร้างเอ็นเกจเมนต์ได้มาก คือ การสร้าง “คอมมิวนิตี้” และ “ความบันเทิง” ทำให้ไลฟ์สนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ถ้าพูดขายของแบบเดิมไปเรื่อย ๆ เป็นชั่วโมง คนก็ไม่อยู่กับเรา กลยุทธ์สำคัญคือการเชิญ “ดารา” มาร่วมดึงคน เป็นการสร้างเซอร์ไพรส์
“ปกติเราดีลคิวดาราแบบด่วน ๆ ได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเคสที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน พี่ ๆ มาด้วยใจ ไม่มีค่าจ้าง แต่ในอนาคตถ้ากระแสซาลง เจนนี่อาจจ้างทุกคนมาร่วมไลฟ์ด้วยกันอีกครั้ง”
ส่วนฐานผู้ติดตามมีทุกช่วงอายุ แต่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมีรายได้ไม่สูงมาก เข้าใจสตอรี่คนสู้ชีวิต เพราะติดตามกันมาตั้งแต่วันที่ตนยังไม่มีอะไร
“ขายของแบบเจนนี่ต้องเน้นจริงใจ ตรวจสอบได้ ไม่มีความลับปิดบังกัน ทำอะไรต้องนึกถึงคนดูระยะยาว”
แบรนด์ต่อคิวยาวถึงสิ้นปี
ตั้งแต่เริ่ม “เทศกาลเจนนี่” แต่ละวันไลฟ์ได้ประมาณ 100 แบรนด์ สตาร์ต 16.00 น. เป็นต้นไป ช่วงแรกยิงยาววันละ 18 ชม. หลัง ๆ รู้สึกว่าไม่คุ้มกับแบรนด์ที่ได้คิวช่วงดึก หรือไม่ใช่ช่วงไพรมไทม์ เช่น หลัง 19.00 น. ที่คนเลิกงาน หรือตรงกับคิวดารา จึงปรับเวลา 16.00 น. จบเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง
“มีแบรนด์ที่ติดต่อมาให้ไลฟ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟในกลุ่มสินค้าเดียวกัน แต่ปฏิเสธไป เพราะความตั้งใจของเจนนี่ต้องการช่วยทุกแบรนด์ไลฟ์อย่างเท่าเทียม”
“เจนนี่” เล่าว่า วันที่พี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) มาไลฟ์ สร้างยอดขายได้สูงสุด 160 ล้านบาท ส่วนแบรนด์ที่เข้าร่วมเทศกาลเจนนี่ และสร้างยอดขายได้มากสุดทำสถิติที่ 77 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดหมู่อาหารเสริม สกินแคร์ และอาหาร ส่วนของใช้เริ่มเข้ามามากขึ้น ตอนนี้มีคิวแบรนด์ใน Waiting List ที่รอขึ้นไลฟ์ยาวไปถึงสิ้นปีนี้แล้ว
“ถ้าแบรนด์ติดต่อมาให้ช่วยไลฟ์ต้องพร้อมให้ราคาพิเศษเฉพาะช่องเรา เซ็นสัญญา และเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ตรงไปตรงมา เจนนี่จะไม่ไลฟ์ให้กับแบรนด์ที่สินค้าไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ปลอดภัยกับผู้บริโภค จากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องสินค้าและออร์เดอร์ ก็ได้เพิ่มคนเข้ามาช่วยอุดรอยรั่ว ทั้งทีมกฎหมาย บัญชี และการบริหารจัดการต่าง ๆ ในทีมตอนนี้มี 30 คนแล้ว จากแรกเริ่มทำกันเองแค่ 3 คน”
อัพเดตเรตราคา
เรตราคาปักตะกร้า (อัพเดต ณ วันที่ 21 ต.ค. 2568) อยู่ที่ 50,000 บาท ต่อ 5 นาที ต่อ 1,000 ออร์เดอร์ แบรนด์ที่เจ้าของต้องการมาไลฟ์ด้วยต้องจ่ายเพิ่ม 30,000 บาท จะมีทีมงานช่วยคัดกรองแบรนด์ เพื่อจัดสรรคิวและทราฟฟิกที่ลงตัว ส่วนการนำคอนเทนต์ไปต่อยอดเป็นวิดีโอสั้น หรืออื่น ๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกเดือนละ 20,000 บาท
“หลังมีทีมกฎหมาย การคิดเรตราคารัดกุมมากขึ้น เพราะมีผลกับเรื่องลิขสิทธิ์ และกฎของ TikTok ส่วนวิธีคิดเรตที่เหมาะสมจะดูจากเพอร์ฟอร์แมนซ์ หรือยอดขายที่ทำได้จริง ไม่ใช่คิดเรต 50,000 บาท แต่ขายได้ร้อยเดียว ยึดหลักเราได้ประโยชน์ แบรนด์ก็ต้องได้ประโยชน์”
ส่วนดราม่าที่บอกว่าไลฟ์แล้ว “ขาดทุน” เธอยืนยันว่าแบรนด์ที่ไลฟ์ในเทศกาลเจนนี่ ส่วนใหญ่ได้ “กำไร” เพียงแต่เสียงของคนที่ “ขาดทุน” ดังกว่า อยากให้มองว่าการลงทุนจ้างตนไม่ได้สร้างผลประโยชน์ในเชิง “ตัวเลข” อย่างเดียว แต่ทำให้แบรนด์ได้เรียนรู้อินไซต์เชิงลึกเกี่ยวกับการขายสินค้าบน TikTok ที่บางคอร์สต้องจ่ายเป็นแสนบาท
“ก่อนมีเทศกาลเจนนี่ เรตไลฟ์อยู่ที่ 1 ชั่วโมง 2 แสนบาท แต่มีคนจ้างเพื่อแลกกับคนดูแค่หลักพัน เพราะเขามองถึงความคุ้มค่า สำหรับเรตที่ตั้งไว้ขณะนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ทั้งการสร้างยอดขาย การต่อยอด และมีดารามาช่วยหยิบจับสินค้า ภายใต้เรตหลักหมื่น ซึ่งการจ้างมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ไม่ได้เรตนี้แน่นอน”
ต่อยอดสู่ “เจนนี่เฟส”
“เจนนี่” ย้ำว่า จะไม่หยุดความสำเร็จที่เทศกาลเจนนี่ แต่จะต่อยอดเป็น “เจนนี่เฟส” หรือ Market Festival แบบออนไซต์ช่วงกลางเดือน ม.ค. 2569 เริ่มที่แรกในกรุงเทพฯ และยังอยู่ในช่วงจัดหาสถานที่ ก่อนจะค่อย ๆ เดินสาย 5 ภาคทั่วไทย
ภายในงานจะมีแบรนด์ต่าง ๆ มาร่วมเปิดบูททั้งร้านดารา และแบรนด์ดัง คิดค่าบูทละ 1 ล้านบาท ต่อ 12 วัน มีตนและอินฟลูเอนเซอร์ผู้ติดตามหลักแสนถึงหลักล้านมาช่วยไลฟ์ พร้อมจัดโซนสำหรับสินค้าชาวบ้านที่ไม่ค่อยมีทุนในการออกบูทอีก 100 บูท
“เจนนี่พยายามรับฟังแบรนด์และคนดูอยู่ตลอด เพื่อดูว่าทุกคนต้องการอะไร แล้วเอามาปรับ ซึ่งงานเฟสติวัลเป็นหนึ่งในนั้น รวมถึงช่วง 11.11 ที่กำลังจะมาถึงก็จะมีการไลฟ์แบบจัดเต็มที่สตูดิโอ ไม่ใช่ที่บ้านเหมือนที่ผ่านมา”
สิ่งที่อยากฝากถึงมือใหม่
“เจนนี่” ฝากแนะนำถึงครีเอเตอร์ และนักไลฟ์มือใหม่ที่ต้องการสร้างรายได้ผ่าน TikTok ว่า ให้เริ่มจากการปักตะกร้า ทำคอนเทนต์ Affiliate เพราะการเป็นนายหน้าช่วยแบรนด์ขายสินค้า ครีเอเตอร์ไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงเรื่องสต๊อก หรือการบริหารจัดการออร์เดอร์
ครีเอเตอร์ต้องกล้าปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ มอร์นิเตอร์สิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าทุก “โมเมนต์” สร้างเอ็นเกจเมนต์ หรือการสนทนาในไลฟ์ได้ อย่างจังหวะที่แอบหลับในไลฟ์ คนก็จะเข้ามาถามว่า เจนนี่เป็นอะไรหรือเปล่า พร้อมส่งความห่วงใยมาให้ เป็นต้น
“ปรากฏการณ์ไลฟ์สดครั้งนี้ เกิดจากการทำซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ตั้งแต่ TikTok Shop ให้บริการใหม่ ๆ เจนนี่ไลฟ์ทุกวัน วันละ 4-8 ชั่วโมงตลอด 3 ปี จนรู้ว่าต้องแต่งหน้าแต่งตัว ทำผมแบบไหน คนถึงจะชอบ ทุกอย่างต้องเริ่มจากความขยัน ไม่มีทางลัดในความสำเร็จ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : คุยกับ “เจนนี่ รัชนก” แกะสูตรไลฟ์ยอดขายร้อยล้าน แบรนด์ต่อคิวยาวถึงสิ้นปี
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net