การเกิดใหม่ของนักฆ่าแรงค์เอส(s)
ข้อมูลเบื้องต้น
การเกิดใหม่ของนักฆ่าแรงค์เอส(S)
'ซีหยาง' นักฆ่าแรงค์เอส ทุ่มเททุกอย่างเพื่อองค์กร สุดท้ายกลับพบว่าตนเป็นเพียงหมากไร้ค่าตัวหนึ่ง เมื่อได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เขาจึงตั้งใจว่าจะไม่ยอมถวายหัวให้ใครอีกแล้ว
Prologue
Prologue
สกอร์เปี้ยน เป็นองค์กรนักฆ่าอิสระซึ่งไม่ขึ้นตรงต่อกระกูลใด พวกเขาสามารถรับค่าจ้างจากใครก็ตามที่พร้อมจ่ายให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เพื่อแลกกับภารกิจปลิดชีพ
หนึ่งชีวิต หนึ่งนักฆ่า ต่อหนึ่งภารกิจ
ไม่มีใครรู้ว่าผู้นำสูงสุดขององค์กรคือใคร แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชนมาก่อน ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสกอร์เปี้ยนล้วนถูกปิดเป็นความลับ ไม่เว้นแม้แต่กับคนขององค์กรก็ตาม
ในสายตาของคนภายนอก สกอร์เปี้ยนนับว่าเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่ง มากด้วยคนมีฝีมือ แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะได้นักฆ่าที่เก่งกาจและภักดีต่อองค์กรมาซักคน พวกเขาต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรไปตั้งเท่าไหร่
ซีหยาง เป็นเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่ก้าวเข้ามาในองค์กรด้วยความเต็มใจ เขาทุ่มเทแรงกายฝึกฝนไปพร้อมกับคนอื่นๆ แตกต่างแค่คนพวกนั้นจำต้องฝึกเพราะกลัวตายและไร้ทางเลือก ส่วนซีหยางนั้น เขามีปณิธานแน่วแน่คือเพื่อต้องการแข็งแกร่งขึ้น
'ซีหยางเด็กดี นายทำได้ดีกว่านี้'
ซีหยางจดจำสัมผัสอ่อนโยนที่ลูบลงบนศีรษะจากชายคนหนึ่ง แววตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเทิดทูนและกระหายความภาคภูมิใจจากดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้น
มีทางเดียวที่เขาจะได้รับมัน นั่นคือเขาต้องแข็งแกร่งขึ้น
ซีหยางทุ่มเทฝึกฝนตัวเองจนได้ไต่ขึ้นมาอยู่ในแรงค์เอส เขาได้เห็นความภาคภูมิใจจากแววตาสีรัตติกาลคู่นั้นสมใจ รวมถึงคำชมที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
เรื่องฝีมือนั้นซีหยางนับว่าเก่งกาจหาตัวจับยาก ในรุ่นของเด็กฝึกที่เข้ามาพร้อมกันเขานับว่าโดดเด่นกว่าใครเพื่อน และเป็นเพียงคนเดียวที่ก้าวขึ้นสู่แรงค์เอสในระยะเวลาไม่ถึงสิบปี
ทว่าเรื่องของจิตใจคนนั้นเขาช่างอ่อนเดียงสานัก เมื่อเป็นเรื่องของชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลคู่นี้ทีไร ซีหยางก็พร้อมจะกระโจนเข้าใส่โดยไม่คิด แม้ว่าหนทางที่รออยู่ข้างหน้าจะเป็นบ่อโคลนก็ตาม
'ทำเพื่อฉันได้ไหมซีหยาง'
ถ้อยคำขอร้องพร้อมกับสัมผัสอุ่นที่จงใจแต่งแต้มลงบนผิวแก้มทำให้ซีหยางแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ต่อให้ประเมินแล้วความสำเร็จมีไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นเขาก็พร้อมทำ เพียงแค่ใครคนหนึ่งร้องขอ
สุดท้ายซีหยางทำพลาด ภารกิจล้มเหลว ตัวเขาถูกจับได้และถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศองค์กร โดยที่ใครคนนั้นกลับไร้ซึ่งความผิด
'นายเป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์มากซีหยาง เคราะห์กรรมครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเพราะนายยังแข็งแกร่งไม่พอเถอะนะ'
ซีหยางยังจดจำใบหน้าเย็นชานั้นได้ขึ้นใจ แววตาคู่นั้นปราศจากความรู้สึกผิด จนถึงตอนที่เขาตาย ก็ได้รับเพียงสายตาเย็นชาจากคนผู้นั้น
ซีหยางโง่งม ทุ่มเทจนตัวตายสุดท้ายเป็นเพียงแค่สุนัขไร้ค่าตัวหนึ่ง
เอาล่ะ มาถึงตอนนี้ทุกคนก็คงพอจะเดาได้แล้วใช่ไหม ว่าไอ้คนที่เล่าเรื่องมาตั้งแต่ต้นมันตายไปแล้วน่ะ
แต่เสียใจด้วย บังเอิญสุนัขไร้ค่าตัวนั้นยังอยู่ว่ะ
จะพูดให้ถูกก็คือ ซีหยางอดีตนักฆ่าแรงค์เอสคนนั้นได้ตายไปแล้วจริงๆ เพียงแต่หลังจากตายแล้วเขาก็พบว่าวิญญาณของตัวเองได้เข้ามาอยู่ในร่างของคุณชายน้อยคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อซีหยางเหมือนกันกับเขา แต่คนละแซ่
ลั่ว ซีหยาง หรือคุณชายน้อยตระกูลลั่ว เป็นบุตรชายคนเล็กที่เกิดจาก ลั่วเป่ยเหอกับภรรยาเอก แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่พอเขาเกิดมามารดาก็เสียชีวิต
ด้วยความสงสารบุตรชายคนเล็กที่ต้องสูญเสียมารดา และความรักที่มีต่อภรรยาเอก ทำให้นายท่านลั่วเลี้ยงดูเด็กน้อยด้วยความถนุถนอม อยากได้อะไรก็ไม่คิดขัด
ซึ่งการที่ถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม และไม่เคยถูกขัดใจ ทำให้คุณชายน้อยกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็โวยวายซ้ำยังชอบทำลายข้าวของ จนบ่าวไพร่ขวัญกระเจิงกันหมด
นายท่านลั่วนั้นเริ่มระอากับพฤติกรรมของบุตรชายมานานแล้ว ลั่วซีหยางยิ่งโตยิ่งเอาแต่ใจ พฤติกรรมก้าวร้าว ไม่ยอมฟังแม้แต่ผู้เป็นบิดา ทั้งที่โตจนถึงวัยทำงานแล้วกลับยังทำตัวเกียจคร้าน วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น จนใครๆ ต่างเรียกเขาลับหลังว่าคุณชายจอมเสเพล
แต่เรื่องไม่ทำงานทำการก็ช่าง ตระกูลลั่วนั้นร่ำรวยย่อมมีปัญญาเลี้ยงดูบุตรชายคนหนึ่งได้ไม่มีปัญหา ทว่าคนกลับขยันหาเรื่องมาให้บิดาปวดหัวไม่เว้นวัน
กระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่ลั่วซีหยางดื่มจนเมามาย เขาดึงดันขับรถกลับเองให้ได้ สุดท้ายเกิดวูบระหว่างทางทำให้รถประสานงาเข้ากับเกาะกลางถนน เกิดเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โต
และนั่นก็เป็นคืนสุดท้ายที่ลั่วซีหยางมีชีวิตอยู่
TBC
ฝากพี่ซีหยางไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะต้ะ
Episode One
Episode One
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นายท่านลั่วโมโหจนลมจับ แต่ความห่วงใยที่มีต่อบุตรชายคนเล็กก็มากเกินกว่าจะทำใจตัดขาดได้ จึงมีเพียงคำสั่งกักบริเวณให้คุณชายน้อยสำนึกผิดอยู่แต่ในบ้านเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น
ฟังดูแล้วก็น่าฉงนว่าเพียงเท่านั้นนับเป็นบทลงโทษได้หรือ ทว่าสำหรับลั่วซีหยางเจ้าของร่างเก่าที่ชื่นชอบการเข้าสังคมและเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนภายนอกเป็นชีวิตจิตใจแล้ว นั่นนับเป็นบทลงโทษที่ถือว่าร้ายแรงมาก
แต่ความรู้สึกคนตายไปแล้วจะนับเป็นอะไรอีก
สำหรับอดีตนักฆ่าอย่างซีหยางแล้ว นี่นับเป็นช่วงเวลาพักผ่อนอันยอดเยี่ยม ชาติที่แล้วเขามุ่งมั่นฝึกฝนและทำเพื่อนคนคนหนึ่งโดยไม่เสียดายชีวิต แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนคือความตายเยี่ยงสุนัขไร้ค่า เมื่อได้รับโอกาสให้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ซีหยางจึงตั้งใจว่าจะไม่หน้ามืดตามัว ยอมถวายหัวให้ใครจนตัวตายอีกแล้ว
ตั้งแต่ได้เกิดใหม่เขาก็มีปณิธานแน่วแน่
คนตายแล้วก็แล้วไป แต่ในเมื่อตายแล้วได้เกิดใหม่ในตระกูลร่ำรวยทั้งที เขาก็จะใช้ชีวิตบนกองเงินให้สุขสบายที่สุด จะรักชีวิต ไม่หาเรื่องใส่ตัว จะอยู่เป็นคุณชายน้อยผู้รักสงบและเกาะบิดากินไปวันๆ เท่านั้น!
อดีตนักฆ่าที่บัดนี้กลายเป็นคุณชายน้อยตระกูลลั่ว กำลังนอนกระดิกเท้าอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ ถึงจะบอกว่านี่เป็นการลงโทษ แต่ก็ไม่ได้เฉียดใกล้กับคำว่าลำบากเลยซักนิด
ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่บนทีวีจอใหญ่ยักษ์ที่มีความคมชัดระดับเอชดี ซึ่งกำลังฉายละครที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ มือก็หยิบขนมที่สาวใช้เพิ่งนำมาเพิ่มให้ใส่ปากเคี้ยวหยุบหยับ คอแห้งก็มีน้ำชาหอมๆ ให้จิบ
คุณหนูลั่วหนอคุณหนูลั่ว ชีวิตสุขสบายปานนี้ยังจะไล่ไขว่คว้าหาอะไรอีก
ซีหยางกินขนมไปตาก็ไม่ยอมละจากละครที่กำลังดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์เข้มข้น ชาติที่แล้วเขาไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้ จึงเพิ่งรู้ว่าการดูละครนั้นสนุกกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้มาก
"เพ่ย! ไอ้เวรนี่มันจับฉลากได้บทพระเอกมารึไงวะ"
เสียงสบถดังลั่นห้องนั่งเล่นเป็นพักๆ ทำเอาสาวใช้ที่อยู่ในบริเวณนั้นเหลือบมองกันไปมา
คุณชายน้อยตั้งแต่ถูกกักบริเวณ วันๆ ก็เอาแต่กินกับนอนดูละคร นั่นนับว่าผิดวิสัย โดยปกติคนต้องลุกมาโวยวายขว้างปาข้าวของแล้ว แต่นี่พอได้รับคำสั่งจากนายท่านกลับก้มหน้ายอมรับอย่างว่าง่าย พวกเธอที่เตรียมใจมาเพื่อรองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดของคุณชายโดยเฉพาะจึงนึกฉงนยิ่ง
"อ้าวเฮ้ย! ยืนโง่ให้มันยิงฝ่ายเดียวได้ไงวะ! สวนดิ๊เฮ้ย!"
ถึงจะขัดใจกับบทและความกากของพระเอกแต่ซีหยางกลับไม่คิดเปลี่ยนช่อง ด่าเสร็จก็หยิบขนมใส่ปาก เสร็จแล้วก็ด่าอีก เป็นอยู่อย่างนั้นวนไป จนสาวใช้ทั้งสองคนเริ่มชินชา
หรือบางที นี่อาจจะเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้น?
แน่นอนว่าคุณชายที่ไม่ขว้างปาข้าวของและทุบตีคนนั้นดียิ่ง เพียงแต่อาเพ่ยกับอาเฉียวก็อดเป็นห่วงคุณชายน้อยไม่ได้ หากคนได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองจริงก็ไม่แน่ว่าจะมีผลร้ายตามมา
ทางด้านซีหยางนั้นรู้ดีว่าพฤติกรรมของตนนั้นผิดแปลกจากร่างเดิมอยู่มาก แต่จะให้เขาคีพคาร์แล้วลุกขึ้นมาทุบตีคนก็ออกจะฝืนใจกันเกินไปหน่อย คนอยากสงสัยก็ปล่อยให้สงสัยไป ยังไงทั่วร่างนี้ก็เป็นดีเอ็นเอของลั่วซีหยาง ต่อให้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาก็ยังนับว่าเป็นคุณชายน้อยตระกูลลั่วอยู่ดี
"คุณชายถึงเวลาทานมื้อเย็นแล้ว จะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ"
ไม่ทันไรก็ถึงมื้อเย็นอีกแล้วหรือนี่ ซีหยางผุดลุกขึ้นนั่งพลางยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้าน ตลอดสัปดาห์มานี้เขาเอาแต่กินๆ นอนๆ ราวกับหมูรอวันเชือดตัวหนึ่ง ถึงจะสบาย แต่ก็น่าเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก
จะว่าไปตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเขาก็ยังไม่เคยก้าวขาออกจากตัวบ้านแม้แต่ครึ่งก้าว ถ้าจำไม่ผิดเหมือนข้างนอกนั่นจะมีสวนดอกไม้ที่เจ้าของร่างเดิมให้คนปลูกเอาไว้ ไม่สู้เข้าออกไปเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อย
"ผมเห็นข้างนอกมีสวนดอกไม้ เราไปกินที่นั่นได้หรือเปล่าครับ" ซีหยางพูดโดยที่สายตายังจับจ้องทีวี จึงไม่เห็นว่าสาวใช้ตื่นตะลึงกับคำพูดของเขาไปแล้ว
"..!?" นี่ฟ้าถล่มลงตระกูลลั่วแล้วใช่หรือไม่ เหตุใดจู่ๆ คุณชายถึงพูดจาสุภาพเช่นนี้ออกมา!
"อาเพ่ย?"
"ดะ ได้ค่ะ คุณชายโปรดรอสักครู่" อาเพ่ยรับตำแล้วรีบเดินสาวเท้าเร็วๆ ออกไป
ในใจพลันคิดว่าคุณชายเลอะเลือนแล้ว ต้องรีบแจ้งนายท่าน!
เท่าที่จำความได้ซีหยางคิดว่านี่คงเป็นมื้ออาหารที่เขาชื่นชอบที่สุด การได้นั่งละเลียดอาหารเลิศรสอย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณชวนเจริญหูเจริญตา ไม่มีเรื่องชวนปวดหัว ไม่มีภารกิจ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล ยังจะมีอะไรรื่นรมย์ไปมากกว่านี้อีก
ถึงเขาจะไร้ซึ่งความรู้เรื่องไม้ดอกไม้ประดับแต่รสนิยมด้านการจัดสวนของคุณหนูน้อยลั่วก็นับว่าไม่เลวเลย ซีหยางชื่นชมดอกไม้ไปได้ครู่หนึ่งหางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตรงรูปปั้นมังกรพ่นน้ำเข้า เรียกให้ถูกก็คือแสงมันแยงเข้ามาที่ตาของเขาจนต้องหันไปมอง
ไม่จริงน่า นั่นคงไม่ใช่เพชรจริงหรอกใช่ไหม? เม็ดใหญ่ขนาดนั้นใครมันจะกล้าเอามาแปะตาให้รูปปั้นมังกรในสวน
ทว่าในระหว่างที่อดีตนักฆ่ากำลังวิเคราะห์ข้อสงสัยของตัวเองอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
"ทำเรื่องฉาวโฉ่จนขายขี้หน้าไปทั้งตระกูลขนาดนั้นแล้ว คุณชายน้อยลั่วยังมีแก่ในมานั่งกินลมชมวิวอยู่อีก นี่นายยังมีสามัญสำนึกหลงเหลืออยู่หรือเปล่า"
ซีหยางหันไปมองทางต้นเสียง กระทั่งเจ้าของประโยคยาวเหยียดนั้นพาตัวเองเข้ามาหยุดยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าสะสวยแสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง
เอาล่ะ ดูเหมือนมื้ออาหารอันสงบสุขนี้จะถูกก่อนกวนเสียแล้ว ซีหยางเหลือบมองผู้มาใหม่เล็กน้อย ก่อนจะบรรจงจับมีดและซ้อมขึ้นมาหั่นสเต็กเนื้อความสุกแบบมีเดียมแรร์ให้เป็นชิ้นพอดีคำ
ตรงหน้าเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของร่างเดิม ดูเหมือนเธอจะเป็นคุณหนูรองตระกูลลั่ว ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลั่วซีหยางมาแต่ไหนแต่ไร
หากพูดถึงทายาทของตระกูลลั่วแล้ว นับว่านายท่านลั่วมีความสามารถมากจริงๆ ลั่วเป่ยเหอมีภรรยาด้วยกันถึงสามคน หนึ่งคืออดีตภรรยาเอก ซึ่งก็คือมารดาของลั่วซีหยางกับคุณชายใหญ่ลั่วซีเหยียน
ภรรยาเอกคนที่สองก็คือมารดาของลั่วซีเย่วคนนี้ กับน้องชายของเธอลั่วซีหยุนซึ่งอายุห่างกับลั่วซีหยางราวสองปี
ส่วนภรรยาคนที่สามนั้นมีบุตรชายอายุไล่เลี่ยกันกับลั่วซีหยางเพียงคนเดียว คือลั่วซีเหยา
นี่ยังไม่นับทายาทสายรองอีกตั้งเท่าไหร่ ซีหยางที่ชาติก่อนเกิดมาตัวคนเดียวไร้ญาติพี่น้อง ถึงกับรู้สึกอบอุ่นราวกับกำลังวิ่งเล่นบนกองไฟเชียวล่ะ
"เอ๋.. นี่ผมก็กำลังสำนึกผิดอยู่นะครับ ดูสิเมื่อกี้เผลอบี้มดน้อยตัวหนึ่งตายคามือ ก็เลยกำลังไว้อาลัยให้มันอยู่ พี่รองอยากมาร่วมไว้อาลัยด้วยกันไหมครับ" ซีหยางเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายพลางยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะจิ้มเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำเข้าปากเคี้ยวหยุบหยับสบายอารมณ์
สำหรับคุณชายน้อยลั่วแล้วเธอคนนี้นับว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง เห็นหน้ากันทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้กระทบกระเทียบ
เดิมทีลั่วซีเยว่ก็เกลียดขี้หน้าลั่วซีหยางมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านแต่ใครต่อใครต่างก็ไปรุมเอาใจลั่วซีหยางกันหมด เด็กนั่นแย่งความโปรดปรานจากบิดาไปจากเธอไม่พอ โตขึ้นถึงกับกล้าแย่งคนรักของเธอไปอีก ถึงจะเป็นพี่น้องร่วมบิดา แต่การกระทำของลั่วซีหยางตลอดเวลาที่ผ่านนั้น นับว่าหยามกันจนไม่มีทางญาติดีแล้ว!
"แก! ไว้อาลัยบ้าบออะไร ทำผิดแล้วยังไม่สำนึก ไร้ยางอาย!"
ซีหยางตาโต แสร้งยกมือทาบอก นี่เหตุการณ์มันชักจะเหมือนในละคร ตอนที่นางเอกถูกพี่สาวตัวร้ายเข้ามาหาเรื่องเข้าไปทุกที แล้วเขาควรจะสวมบทนางเอกหรือไม่?
ไม่เอาน่า ถึงยังไงเขาก็เป็นชายอกสามศอก จะให้มาหาเรื่องตบตีกับสตรีนางหนึ่งมันก็.. ไม่ได้ๆ นับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
"โอ๊ะย่ะๆ ต้องเป็นสตรีที่เที่ยวมาหาเรื่องคนถึงในบ้านเช่นนี้ จึงนับว่ามียางอายสินะพี่รอง ซีหยางด้อยปัญญาแล้ว แม้แต่เรื่องเช่นนี้ยังต้องให้พี่สาวแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง รบกวนแล้วๆ"
ไอ่หยา! นี่ต้องเป็นเพราะความทรงจำของคุณชายน้อยลั่วเป็นแน่ สุภาพบุรุษเช่นเขาไหนเลยจะมีคำพูดเสียดสีเช่นนั้นกับสตรีออกมาได้
นี่ล้วนเป็นเพราะจิตวิญญาณของคุณหนูลั่วและบทละครที่เพิ่งดูมาทั้งสิ้น!
"นี่แก! หึ หน้าด้าน! ทำให้ป๊าเดือดร้อนมาตั้งเท่าไหร่ยังไม่สำนึกอีก แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ตัวกาลกิณีที่เกิดมาก็ทำให้แม่ตัวเองตาย ยังจะทำอะไรดีๆ ได้อีก คนอย่างแกอยู่ไปก็รังแต่จะทำให้ตระกูลลั่วต้องอับอายขายขี้หน้า ไม่สู้รีบๆ ตายตามแม่ของแกไปซะ ตระกูลลั่วจะได้สูงขึ้น"
คุณหนูรองก็ช่างปากคอเราะร้ายไม่เบา หากเป็นคุณหนูลั่วคนเก่านี่นับว่าเป็นคำพูดที่สะเทือนอารมณ์ของเขาเป็นที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณหนูรองผู้นี้ นับว่าเป็นพี่น้องที่พร้อมมอบแต่ความเกลียดชังให้กันโดยแท้
แต่ไม่เป็นไร หากนับแล้วคุณหนูน้อยลั่วก็เท่ากับคนที่มีบุญคุณให้ชีวิต การปกป้องร่างกายและจิตใจบิดเบี้ยวดวงนี้ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ซีหยางเถอะ
"พี่รองชมกันเกินไปแล้ว เสี่ยวหยางไหนเลยจะกล้ารับ ไม่สู้พี่รองรีบๆ ตายไปก่อน พอถึงตอนนั้นเสี่ยวหยางอาจจะคิดได้แล้วกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ถึงตอนนั้นตระกูลลั่วก็คงสูงขึ้นแล้วพี่รองคงได้ตายตาหลับ" ซีหยางพูดแล้วก็ยิ้มหวานไปหนึ่งกรุบ
การเป็นนักฆ่าใช่ว่าเก่งกาจเรื่องต่อสู้อย่างเดียวก็เป็นได้ การใช้วาจาตลบตะแลงเพื่อเอาตัวรอดนั้นก็นับเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง ถึงเขาจะไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
"แก! ไอ้ตัวผิดเพศน่ารังเกียจ! หึ! ฝากไว้ก่อนเถอะฉันไม่ยอมให้แกได้ลอยหน้าลอยตาอย่างสุขสบายในตระกูลต่อไปแน่!" เธอชี้หน้าคาดโทษก่อนจะหันหลังเดินกระแทกเท้าออกไป
"โอ้ว รีบๆ มาเอาคืนนะครับ ของที่ฝากมันร้อน เสี่ยวหยางไหนเลยจะกล้ารับฝากไว้นาน" ซีหยางพูดพลางเหยียดยิ้มให้คนที่ใบหน้ามืดครึ้มลงไปหลายส่วน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แม้แต่สาวใช้ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็ยังชินชากับการทะเลาะกันของพี่น้อง
ทว่าความเกลียดชังของคุณหนูรองที่มีต่อร่างนี้ดูท่าแล้วจะมีมากกว่าที่คิด เห็นทีชีวิตอันสงบสุขนี้เขาคงต้องใช้ให้ระมัดระวังหน่อยแล้ว
ช่างเถอะๆ นั่นก็ปล่อยให้เป้นเรื่องของวันข้างหน้า ในเมื่อตัวก่อกวนไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ควรมีความสุขกับมื้ออาหารถึงจะถูก
"อาเพ่ย ขอแบบนี้ให้ผมอีกจาน!"
TBC
Episode Two
Episode Two
ความเบื่อหน่ายของอดีตนักฆ่าเดินมาถึงขีดสุดเมื่อย่างเข้าวันที่เจ็ด ในเช้าของวันที่แปดเขาจึงลงมาข้างล่างด้วยชุดออกกำลังกายทะมัดทะแมง ซึ่งค้นมาได้อย่างยากเย็นจากก้นตู้เสื้อผ้า
พูดถึงรสนิยมการแต่งตัวของคุณหนูลั่ว เรื่องนี้นับว่าเป็นอีกเรื่องที่น่าหนักใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาคิดว่าคุณหนูน้อยนี่จะชื่นชอบของแวววาววิบวับเฉพาะพวกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน แต่นี่! แม้แต่กับเสื้อผ้าคนก็ยังไม่เว้น เสื้อผ้าแต่ละตัวล้วนปักเลื่อมลาย หนักเข้าก็ถึงขั้นฝังเพชร บางตัวก็เว้าทั้งหน้าทั้งหลังจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ซีหยางเห็นแล้วถึงกับไม่กล้าหยิบมาใส่
เป็นแฟชั่นที่ล้ำจนเขาเข้าไม่ถึงจริงๆ
ชีหยางเดินลงมาถึงข้างล่างก็เห็นอาเฉียวยืนคอยท่าอยู่
"คุณชายมื้อเช้ารับเป็นอะไรดีคะ"
"ข้าวต้มก็พอครับ แต่เดี๋ยวอีกซักชั่วโมงค่อยตั้งโต๊ะ ผมว่าจะออกไปวิ่งเรียกเหงื่อซักหน่อย" ซีหยางบอกพลางสะบัดไม้สะบัดมือเพื่อวอร์มร่างกายไปพลางๆ
พื้นที่รอบบ้านหลังนี้กว้างขวาง ถึงจะอยู่ภายใต้รั้วเดียวกันกับคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลั่ว แต่ก็แบ่งแยกสัดส่วนกันชัดเจน วันนี้เขาจึงคิดว่าจะออกไปสำรวจซักหน่อย
"ไปวิ่งหรือคะ!?" อาเฉียวตาโต
"อืม ผมไปแค่รอบตัวบ้าน อาเฉียวไม่ต้องห่วง มื้อเช้าวันนี้ก็จัดที่สวนเหมือนเดิมเถอะ" พูดจบก็ตั้งท่าวิ่งเหยาะๆ ออกไปหน้าบ้าน ไม่สนใจอะไรอีก
"คะ ค่ะคุณชาย"
เมื่อคุณชายน้อยออกไปแล้วอาเฉียวจึงรีบเดินสับเท้าเข้าไปหาอาเพ่ยที่กำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัวด้วยท่าทางร้อนใจ ในหัวของเธอมีแต่คำว่า แย่แล้ว แย่แล้ว
"อาเพ่ย! เกิดเรื่องใหญ่กับคุณชายแล้วจริงๆ"
"เกิดอะไรขึ้น คุณชายเป็นอะไร!?" อาเพ่ยที่เห็นพี่สาวหน้าตาตื่นเข้ามา พลอยตื่นตูมตามไปด้วย
อาเฉียวพุ่งเข้ามาเกาะแขนอาเพ่ย สีหน้าเหมือนคนเพิ่งพบเจออะไรร้ายแรงเข้า "เมื่อครู่นี้ เมื่อครู่คุณชายบอกว่าจะออกไปวิ่ง!"
"หาา!?" อาเพ่ยตาโตยกมือทาบอก
"จริงๆ นะ แถมช่วงนี้ยังพูดจาสุภาพกับพวกเราอีก นี่เห็นกันชัดๆ ว่าคุณชายไม่ปกติแล้ว!"
"เช่นนั้น เรื่องนี้ก็ต้องรีบรายงานนายท่าน!" อาเฉียวพยักหน้ารัวเห็นด้วย
คุณชายน้อยลั่วเกลียดการที่เนื้อตัวมีเหงื่อมากที่สุด แต่นี่คนเพิ่งบอกว่าจะไปออกกำลังกายเรียกเหงื่อ นับว่าผิดปกติยิ่ง!
ไม่ได้การ! เรื่องนี้ต้องรีบรายงานนายท่านให้เร็วที่สุด คุณชายเลอะเลือนถึงเพียงนี้ สมองต้องได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงแน่!
พวกเธอคุยกันอีกสองสามประโยค ก่อนที่อาเฉียวจะวิ่งหน้าตาตื่นออกไปทางคฤหาสน์หลังใหญ่..
ทางด้านซีหยางเมื่อออกมาถึงสวนหน้าบ้านก็ตรงดิ่งไปที่รูปปั้นมังกรตัวนั้นทันที เมื่อวานหลังจากคุณหนูรองกลับไปเขาก็ลืมเสียสนิท วันนี้จึงต้องมาไขข้อสงสัยให้ตัวเองหน่อย
"นะ นี่มันเพชรแท้ๆ เลยนี่หว่า" อดีตนักฆ่าถึงกับยกมือทาบอก
คุณหนูลั่วคนนี้ ทั้งทำตัวเกียจคร้าน เอาแต่เที่ยวเล่น งานการไม่ทำ ขี้โวยวายทำลายข้าวของ ขยันหาเรื่อง แล้วยังใช้เงินไปกับสิ่งของสิ้นเปลืองได้อย่างเก่งกาจ!
นี่มันจะครบสูตรคุณชายจอมเสเพลเกินไปแล้ว!
ซีหยางทำท่าขนลุกเมื่อมองไปที่เพชรเม็ดนั้น รสนิยมคุณหนูน้อยลั่วช่างน่ากลัวจริงๆ
เมื่อไขข้อกระจ่างให้แก่ตัวเองแล้ว ซีหยางก็ตัดใจจากมังกรตาเพชรตัวนั้น เขายืดวอร์มร่างกายอยู่ซักพัก ก่อนจะออกวิ่งเหยาะๆ ไปตามทางที่ถูกปูด้วยบล็อคคอนกรีตรอบบ้าน ซึ่งมีขนาดใช้สอยร่วมสองไร่
พื้นที่ใช้สอยในตระกูลลั่วนั้นนับว่ากว้างขวาง ภรรยาและลูกๆ ทุกคนล้วนมีบ้านแยกเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังอยู่ในรั้วเดียวกัน บ้านของลั่วซีหยางนั้นอยู่ใกล้กับบ้านใหญ่ที่สุด ดูก็รู้แล้วว่าเป็นลูกชายคนโปรด
น่าเสียดายที่คนทำตัวดื้อด้าน ไม่สมกับความโปรดปรานที่ได้รับ
ซีหยางวิ่งไปได้เกือบชั่วโมงจึงถือโอกาสที่เริ่มเหนื่อยแล้วเดินสำรวจรอบตัวบ้าน คุณหนูลั่วคนนี้คงจะชื่นชอบดอกไม้มาก เพราะไม่ว่าจุดไหนก็ล้วนมีไม้ดอกปลูกแซมเอาไว้ รวมถึงรูปปั้นสัตว์ต่างๆ โชคดีที่ตัวที่เหลืออยู่ไม่ได้มีดวงตาทำจากเพชรกล้าราคาหลายสิบล้านอย่างมังกรตัวนั้น
ก็นับว่าคนยังพอมีหัวคิดอยู่บ้าง ถึงรอบรั้วตระกูลลั่วจะปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น
จากที่ประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ แค่สองเม็ดนั้นรวมกันขั้นต่ำก็ปาเข้าไปตั้งสามสิบล้าน..หากเพชรเม็ดนั้นถูกขโมยไป แม้คุณหนูลั่วจะไม่รู้สึก แต่ซีหยางคนนี้คงปวดใจเป็นอย่างมาก
ซีหยางกลับเข้ามาในบ้านตามเวลาที่ได้บอกไว้กับอาเฉียว เนื้อตัวของชายหนุ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไรผมสีเงินที่มัดรวบไว้กลางศีรษะลู่ไปตามกรอบหน้าและลำคอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูดีเป็นอย่างมาก
พูดถึงรูปร่างหน้าตาของคุณชายน้อยลั่วนั้นนับว่างดงามไร้ที่ติ โดยเฉพาะเส้นผมสีเงินยวงยาวจรดบั้นเอว อันเป็นเอกลักษณ์ของคนในตระกูลลั่ว ติดก็แต่รูปร่างที่ดูผอมบางไปหน่อย ไม่แน่ว่าถ้าเขาออกกำลังกายทุกวัน ก็อาจจะพอสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาได้บ้าง
เอาล่ะ นอกจากจะหาวิธีอยู่อย่างสงบแล้ว ซีหยางยังต้องวางแผนเรื่องการกินและการออกกำลังกายให้ร่างนี้อย่างจริงจัง
ถึงโครงสร้างร่างกายของคุณหนูลั่วจะเล็กกว่าร่างเดิมของเขามาก แต่ก็ยังพอสร้างกล้ามเนื้อได้หากออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
ซีหยางคิดพลางพยักหน้าหวัดหงักกับตัวเอง "คุณหนูลั่วไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว ต่อไปเรื่องของร่างกายนี้ก็ปล่อยให้พี่ซีหยางจัดการเถอะ!"
เมื่ออาบน้ำและจัดการเมื้อเช้าเสร็จ กิจวัตรของซีหยางก็วนเข้าสู่วัฏจักรเดิม นั่นก็คือการติดตามละครตอนต่อไป
อดีตนักฆ่านอนกลิ้งอยู่บนพื้นพรม โดยพาดขาทั้งสองข้างไว้บนโซฟา รอบกายมีผ้าห่มหนานุ่ม และหมอนอีกสองสามใบที่สาวใช้นำลงมาให้
"อาเพ่ยอาเฉียว มานั่งดูด้วยกันสิ" ซีหยางเอ่ยชวน
ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากยืนเฝ้ารอให้เข้าเรียกใช้แล้ว ก็ไม่สู้มานั่งดูละครด้วยกันเพื่อสร้างความสนิทสนมซักหน่อย
ถึงนี่จะเป็นการกระทำที่ผิดแปลก แต่แล้วยังไงล่ะ? ในเมื่อเขาไม่ได้คิดจะคีพคาร์คุณหนูลั่วคนเก่ามาตั้งแต่ต้น
ทางด้านสาวใช้ทั้งสองคนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง มองหน้ากันเลิ่กลั่กไปแล้ว
อาเพ่ยที่ตั้งสติได้ก่อนกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะช่วยหยิกแขนพี่สาวเพื่อนเรียกสติด้วยอีกแรง
"คะ คุณชาย ขอบคุณที่เมตตาแต่อาเพ่ยกับอาเฉียวเป็นแค่สาวใช้ ทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่เหมาะสมค่ะ!"
ซีหยางพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เขาลุกขึ้นนั่งพลางขยับที่ทางให้ ราวกับคำพูดของสาวใช้ไม่ผ่านเข้าหู "ผมเป็นคนชวน ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มาเถอะ นั่งดูคนเดียวน่าเบื่อชะมัด"
"คะ คือ.."
"อาเพ่ย อาเฉียว นี่เป็นคำสั่ง"
น้ำเสียงกดต่ำ และแววตาที่เข้มขึ้นทำให้สาวใช้ทั้งสองคนไม่กล้าปฏิเสธอีก พวกเธอจึงเดินกอดแขนกันเข้าไป แล้วนั่งลงบนพื้นห่างจากคุณชายหลายช่วงแขน
อาเพ่ยอาเฉียว "…" ฟ้าผ่าลงตระกูลลั่วแล้ว คุณชายเปลี่ยนไปมากจริงๆ!
ซีหยางเห็นดังนั้นก็ไม่ได้บีบคั้นคนอีก การรุกคืบจนเกินไปไม่ใช่เรื่องดี อีกอย่างนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากคิดใช้ประโยชน์จากคน สิ่งแรกก็คือทำให้พวกเขาวางใจซะก่อน
ในชาตินี้เขาไม่คิดหาเรื่องใครก็จริง แต่หากมีคนที่สามารถไว้วางใจได้อยู่ข้างกายก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะดูท่าแล้ว ชีวิตของคุณชายน้อยตระกูลลั่วคงไม่ได้สุขสงบนัก
ครืดด
ในระหว่างที่ละครเริ่มฉายไปได้ซักพัก และกำลังจะเข้าสู่ช่วงคลายปมของเรื่อง เสียงโทรศัพท์ของคุณหนูลั่วก็ดังขึ้น
ซีหยางมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูครู่หนึ่ง ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ นี่นับว่าเป็นสายแรกที่ติดต่อเข้ามา
แถมยังไม่มีชื่อขึ้นโชว์อีก ใครกัน?
"ครับ?" ซีหยางกดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไป ทว่าสายตาก็ยังไม่ละไปจากภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนทีวีจอใหญ่ยักษ์
อาเพ่ยกับอาเฉียวเมื่อเห็นว่าเจ้านายต้องคุยโทรศัพท์ จึงพากันเลี่ยงออกไปจากบริเวณนั้นโดยที่ซีหยางไม่ต้องออกคำสั่ง
/โอ้คุณหนูลั่ว ในที่สุดผมก็ติดต่อคุณได้แล้ว ผมเพิ่งกลับจากดูงานที่อิตาลี พอได้ยินเรื่องอุบัติเหตุถึงได้รีบร้อนให้คนสืบหาเบอร์ของคุณให้ หวังว่าคุณจะไม่โกรธกันนะครับ/
ซีหยางขมวดคิ้ว หมอนี่ไม่ได้มีเบอร์ลั่วซีหยางอยู่แล้ว แต่เพิ่งให้คนสืบหามาให้ งั้นก็แสดงว่าไม่ใช่คนสนิทอะไรสินะ
"ครับ ว่าแต่คุณเป็นใครนะ"
/…./ ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า /ผมนี่แย่จริงๆ ลืมแนะนำตัวไปซะได้ เราเคยเจอกันที่คลับหลายครั้ง แล้วยังมีเรื่องที่โรงแรม ถ้าคุณยังจำได้../ น้ำเสียงที่ใช้นั้นแฝงไปด้วยความยั่วเย้าชวนให้คิดไปไกล ซีหยางฟังแล้วขมวดคิ้ว
"โทษทีผมจำไม่ได้ ว่าแต่คุณมีอะไรอีกหรือเปล่า" เขาตัดบท
คุณหนูลั่วออกเที่ยวแทบทุกวัน เแต่ละวันล้วนพบเจอคนตั้งมากมายเท่าไหร่ หากเป็นคนสำคัญ อย่างน้อยก็ต้องมีเบอร์ติดต่อสิ แต่นี่กลับถือวิสาสะให้คนสืบหาอย่างไร้มารยาท
ไม่สนิทไม่พอ เจตนายังนับว่าไม่ซื่อตรงอีก
/ผมแค่เป็นห่วงคุณน่ะครับ ได้ยินว่าคุณบาดเจ็บผมก็ไม่สบายใจ ตั้งแต่รู้เรื่องของคุณผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเข้าไปเยี่ยมคุณด้วยตัวเอง ถ้าคุณหนูลั่วไม่รังเกียจ../
"ผมไม่สะดวก ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ" ซีหยางกดตัดสายโดยที่ไม่รอฟังว่าฝั่งโน้นจะพูดอะไรอีก
โทรมาไม่รู้เวร่ำเวลาแล้วยังเอาแต่พล่ามอะไรไรสาระอยู่อีก เกือบทำเขาพลาดฉากเด็ดของละครวันนี้แล้ว
ซีหยางแอบกาหัวไว้ในใจ
TBC