เผยเหตุผล ทำไมซุปเปอร์คาร์รุ่นแรก Bugatti EB110 ถึงไม่ประสบความสำเร็จจนโรงงานถูกทิ้ง
ความสำเร็จในปัจจุบันของ Bugatti เรียกได้ว่ามีส่วนมาจากรถ Veyron และ Chiron อย่างปฏิเสธไม่ได้ ด้วยราคาและความแรงที่หาตัวจับได้ยาก
จึงทำให้จินตนาการได้ยากว่าซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของ Bugatti กลับไม่ได้รับความสำเร็จแบบปัจจุบัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นนะ?
ที่มาของ Bugatti EB110
การเปิดตัวของ Bugatti ใหม่ในปี 1991 หลังจากห่างหายไปเกือบ 40 ปี เป็นความคิดจากนักธุรกิจชาวอิตาเลี่ยน Romano Artioli ที่ทำการสร้างโรงงานไว้นอกเมือง Modena จากนั้นเขาได้รวบรวมทีมจากคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อคืนชีพแบรนด์รถสปอร์ตนี้กลับมาหลังจากปิดกิจการไปในปี 1950
ด้วยเป้าหมายที่อยากเป็นคู่แข่งกับแบรนด์ยุโรปอย่าง Ferrari และ Lamborghini, Artioli จึงทุ่มเงินไปมากเลยทีเดียวกับทั้งดีไซน์เนอร์และทีมวิศวะ
อ่านเพิ่มเติม Bugatti Chiron Profilee จบการประมูลในฐานะรถใหม่ที่แพงที่สุดในโลก
การออกแบบนั้นมาจาก Marcello Gandini ที่เคยออกแบบ Lamborghini Countach มาแล้ว แชสซีออกแบบโดย Mauro Forghieri ที่เคยออกแบบรถแข่ง F1
ได้วิศวกรจาก Ferrari, Lamborghini, และ Maserati นำโดย Paolo Stanzani จาก Lamborghini
เรียกได้ว่าเป็นทีม All Star เลยก็ว่าได้
ล้ำยุค
ด้วยผลจากการรวมตัวขนาดนี้ ก็ดูเหมือนว่าน่าจะได้ออกมาดีแน่นอน ตัวเครื่องยนต์มีขนาด 3.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 4 ลูก ซึ่งในรุ่น EB110 Super Sport สามารถให้กำลังได้สูงถึง 603 แรงม้า แรงบิด 637 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดที่ 355 กม/ชม.
ตัวรถใช้โครงสร้างโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีความลู่ลมและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ นี่คือรถที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความทรงพลัง ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถันและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยภายใน
โดยหนึ่งในทีมวิศวกรรมและการออกแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่คือความพยายามครั้งใหญ่ของ Artioli ในการสร้างแบรนด์ยานยนต์ที่ประสบความสำเร็จแบบ Ferrari, Jaguar หรือ Lamborghini
แล้วทำไมไม่ปัง
การเปิดตัวนั้นจัดขึ้นที่เมือง Versailles เพื่อเรียกความสนใจ และปรกาศว่าพวกเขาจะมาเป็นหนึ่งในยุคใหม่ของซุปเปอร์คาร์ ที่มีคู่แข่งคือ McLaren F1
อย่างไรก็ตาม จังหวะการเปิดตัวรถซูเปอร์คาร์ราคาแพงนั้นไม่ดีนัก เพราะช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจกำลังตกต่ำพอดี ทำให้ยอดขายซบเซาและการลงทุนหยุดชะงักไปอย่างน่าเสียดาย
ในตอนจบ มีรถ EB110 เพียง 139 คันที่ถูกผลิตในโรงงานออกมาวางขาย และโรงงานของ Bugatti Automobili ก็ถูกทิ้งร้างไว้ที่อิตาลีจนฝุ่นจับ
เคยมีการคาดเดากันว่า Bugatti จะเป็นเช่นไรในทุกวันนี้หาก EB110 ได้รับความนิยมถล่มทลาย เพราะมันให้คำมั่นมันสัญญาไว้มากมาย แต่ความฝันก็ไม่เป็นจริง ไม่เช่นนั้น Bugatti อาจกลายเป็นแบรนด์รถสปอร์ตที่มีความมั่นคงตามที่พวกเขาตั้งเป้าไว้
แต่เรื่องสมรรถนะต้องยอม
แม้ตัวรถจะมียอดขายไม่ดีนัก แต่ Bugatti EB110 ก็ได้รับชื่อเสียงในด้านที่ดีจากผู้ที่ชื่นชอบซุปเปอร์คาร์ ด้วยการนั่งอยู่บนจุดสูงสุดซูเปอร์คาร์เป็นอันดับที่ 7 ในยุค 1990
ด้วยระบบส่งกำลังเทอร์โบชาร์จสี่ลูกที่เป็นนวัตกรรมใหม่ คุณภาพการสร้างที่ไม่มีใครเทียบได้ และอัตราเร่งมหาศาลในขณะนั้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้รับการกล่าวขานถึงการยึดเกาะที่น่าทึ่ง
EB110 จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคซูเปอร์คาร์ทศวรรษ 1990 ที่สั้นเกินไปอย่างน่าเสียดาย