โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

BAM เตือนหนี้เสียจ่อทะลัก ไตรมาส 4 AMC รับมือไหวไม่ถึง 20%

PostToday

อัพเดต 07 มิ.ย. เวลา 02.12 น. • เผยแพร่ 07 มิ.ย. เวลา 09.09 น.

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยภายในงาน Thailand Investment Forum 2025: Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ "ปัญหาหนี้เสียลูกใหญ่" ที่อาจก่อตัวชัดเจนและรุนแรง โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 ถึงไตรมาส 1 ปี 2569

ปัจจุบันระบบสินเชื่อของไทยมีมูลค่ารวมราว 19 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบเท่าขนาดจีดีพีทั้งประเทศ แต่หนี้ที่เริ่มผิดนัดชำระหรือมีปัญหานั้น กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเปรียบเทียบระบบหนี้ของไทยเป็น “แม่น้ำ 3 สาย” ที่ไหลรวมกันเป็นมวลหนี้เสี่ยงรวมกว่า 2 ล้านล้านบาท คือ แบ่งเป็น หนี้เสีย หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากธนาคารพาณิชย์ราว 5 แสนล้านบาท, หนี้เสียจากธนาคารรัฐ เช่น ออมสิน ธกส. ราว 3.2 แสนล้านบาท และหนี้เสี่ยงหรือกลุ่ม “Special Mention” ที่ผ่อนบ้างขาดบ้าง ราว 1.2 ล้านล้านบาท

ทั้งหมดนี้จะไหลมารวมกันช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีหนี้ที่ต้องรับมือราว 1.2–1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งหากใช้โมเดลเดิมของบริษัทบริหารหนี้ (AMC) จะรับไม่ไหว

หากเศรษฐกิจไม่ฟื้น มวลหนี้ทั้งหมดจะไหลลงสู่บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อจัดการ โดยเตือนว่า AMC ทั้งระบบมีศักยภาพรองรับเพียงปีละไม่ถึง 20% ของหนี้ที่กำลังจะหลั่งไหลเข้ามา ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาสะสมต่อเศรษฐกิจในอนาคต

BAM ในฐานะ AMC รายใหญ่ที่สุดของประเทศครองมาร์เก็ตแชร์กว่า 50 เทียบตัวเองว่าเป็น “แก้มลิง” มีความพร้อม ในการบำบัดหนี้ เฉลี่ยปีละแค่ 1 แสนล้านบาท เท่านั้น ใกล้เคียงกับ AMC เอกชนอีกราว 88 รายรวมกันอีก 1 แสนล้านบาท รวมแล้วคือ 2 แสนล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ มองว่า หากเรายังใช้โมเดลธุรกิจเดิม เราจะไม่สามารถรีไซเคิลหนี้กลับมาเป็นสินทรัพย์ดีของประเทศได้เลย ดังนั้น BAM กำลังเร่งปรับโมเดลใหม่ผ่าน TDR Factory หรือ โครงการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้แ BAM สามารถช่วยลูกหนี้กลับมาได้ หรือมีอัตราแก้หนี้สำเร็จสูงถึง 25–30% เทียบกับโมเดลเก่าที่เฉลี่ยแค่ 10–20%

พร้อมกันนี้ ดร. รักษ์ยังชี้ว่า อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จาก BAM จะกลายเป็น “ทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดในยามวิกฤติ” ด้วยต้นทุนต่ำกว่าราคาประเมิน 10–16% และอัตราผลตอบแทนรวม (Total Return) ที่อาจสูงถึง 20–29% หากเลือกซื้อถูกที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...