ถอดบทเรียน KTC เมื่อกู้เงินมาเล่นหุ้น แต่ราคาดันดิ่งหนัก
ช่วงนี้ข่าวใหญ่คงหนี้ไม่พ้นเศรษฐีหุ้นไทยหมื่นล้านถูกบังคับขายหุ้น (Forced Sell) หุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) หลังราคาหุ้นปรับตัวลงทำจุดต่ำสุด 15% ตามเกณฑ์ Ceiling & Floor ชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีผลระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย.นี้ ติดกันสองวันรวด
สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ Forced Sell จะเกิดขึ้นต่อเมื่อนักลงทุนนำหุ้นไปค้ำประกันเงินกู้กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ แต่ราคาหุ้นตัวนั้นกลับปรับตัวลงจนถึงเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ ถ้าไม่หาเงินมาเป็นหลักประกันเพิ่ม โบรกเกอร์จะมีสิทธิบังคับขายหุ้นเหล่านั้นเพื่อใช้หนี้
พูดง่ายๆ คือ ซื้อหุ้นก่อนแล้วไม่โอนเงินเข้ามาให้ทันตามกำหนด โบรกฯ ก็เลยต้องขายหุ้นเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะงงว่า อ่าว เรากู้เงินโบรกฯ มาเล่นหุ้นได้ด้วยหรือ? คำตอบคือ ใช่ เราสามารถทำได้ ซึ่งการทำแบบนี้จะมีชื่อเรียกไม่เป็นทางการว่า ‘บัญชีมาร์จิ้น’
ในการซื้อขายหุ้น เราแบ่งการซื้อขายออกเป็น 3 บัญชี ได้แก่ 1. บัญชีวางเงินล่วงหน้า (Cash Balance) 2. บัญชีเงินสด (Cash Account) และ 3. บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้น (Credit Balace Account) ซึ่งหลายคนเรียกติดปากว่าบัญชีมาร์จิ้น โดยแต่ละบัญชีมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. บัญชีวางเงินล่วงหน้า (Cash Balance) เป็นบัญชีพื้นฐานสำหรับนักลงทุนมือใหม่ กล่าวคือ มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ก็ซื้อหุ้นได้เท่านั้น
2. บัญชีเงินสด (Cash Accout) หรือบัญชีวงเงิน โบรกฯ จะพิจารณาวงเงินให้จากหลักฐานทางการเงินที่เราส่งไป บัญชีประเภทนี้ นักลงทุนต้องวางหลักประกัน 20% ของวงเงินที่ต้องการจะเทรด เช่น ได้รับวงเงิน 100,000 บาท ก็ต้องวางหลักประกัน 20,000 บาท เป็นต้น
3. บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้น (Credit Balance Account) หรือบัญชีมาร์จิ้น อธิบายง่ายๆ คือ ยืมเงินโบรกฯ มาซื้อหุ้น แต่ต้องเป็นหุ้นที่โบรกฯ กำหนดไว้เท่าไหร่ เช่น หุ้นในดัชนี SET50 หรือหุ้นในดัชนี SET100 เป็นต้น แน่นอนว่าเมื่อยืมเงินโบรกฯ มา ก็มีภาระดอกเบี้ยที่ต้องเสียให้กับโบรกฯ ด้วย
ในกรณีที่หุ้นขึ้นก็ไม่มีปัญหา เราสามารถเอากำไรที่ได้จากการเทรดหุ้นมาใช้หนี้โบรกฯ ได้ แต่ปัญหาคือ เวลาหุ้นตก เราจะถูกเรียกให้โอนเงินประกันเพิ่มเติม หรือที่เรียกว่า (Margin Call) ถ้าวางเงินประกันไม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด สุดท้ายก็จะถูก Forced Sell เหมือนที่เห็นในหน้าข่าวนั่นเอง
ถึง Forced Sell จะเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย แต่ก็ส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นไม่น้อย ทั้งผลกระทบต่อราคาหุ้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และภาพลักษณ์ของบริษัท โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หากถือหุ้นที่โดน Forced Sell ราคาอาจร่วงหนักจนติดดอยได้
แล้วแบบนี้มีวิธีการป้องกันไม่ให้เจอหุ้นลักษณะที่เหมือน KTC ตอนนี้หรือไม่? คำตอบคือ มี ผ่านการสำรวจหุ้นที่มีมาร์จิ้นสูง หรือหุ้นที่ถูกใช้วางเป็นหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง เช่น สัดส่วนเกิน 20% เป็นต้น ซึ่งเราสามารถสำรวจเองง่ายๆ ได้ในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ…
ที่มา