โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

มอบเงินเยียวยาเหยื่อตึก สตง.ถล่ม อีก 40 ราย รายละ 1 ล้าน

สยามนิวส์

เผยแพร่ 15 มิ.ย. เวลา 12.58 น. • สยามนิวส์
มอบเงินเยียวยาเหยื่อตึก สตง.ถล่ม อีก 40 ราย รายละ 1 ล้าน

วันที่ 15 มิถุนายน 2568 ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีการจัดพิธีมอบเงินเยียวยาให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กำแพงอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังใหม่ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว

โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, สภาทนายความ รวมถึงตัวแทนจากกิจการร่วมค้า ITD-CREC ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร สตง. ได้แก่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

การมอบเงินเยียวยาและเจตนารมณ์ของผู้รับผิดชอบ ในพิธีวันนี้ มีตัวแทนครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 40 ครอบครัวเดินทางมารับมอบเงินเยียวยา ครอบครัวละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้มาจากกิจการร่วมค้า ITD-CREC

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงโศกนาฏกรรมครั้งนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตที่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ได้รวม 100 ราย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมและความปลอดภัยของประชาชน การช่วยเหลือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมนำสังคมและกฎหมาย แม้ว่ากรรมการบริษัทของกิจการร่วมค้าจะตกเป็นผู้ต้องหาและถูกคุมขังระหว่างฝากขัง แต่พวกเขากลับตกลงที่จะจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยความสมัครใจ และยืนยันว่าการจ่ายเงินนี้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ และจะไม่ส่งผลต่อรูปคดี ซึ่งไม่ใช่การต่อรองทางกฎหมาย และครอบครัวผู้เสียชีวิตยังมีสิทธิ์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในชั้นศาลได้ตามปกติ

พ.ต.อ.ทวียังเสริมว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและมนุษยธรรมของกลุ่มกรรมการบริษัทที่ถูกดำเนินคดี แม้จะถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพก็ตาม และให้คำมั่นว่าการดำเนินคดีกับผู้รับผิดชอบจะเป็นไปตามหลักนิติธรรมและพยานหลักฐาน เพื่อให้ประชาชนและครอบครัวผู้เสียชีวิตเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติและจะดำเนินคดีอย่างเสมอภาค

ด้าน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า สภาทนายความได้รับมอบหมายจากกระทรวงยุติธรรมให้เป็นผู้ประสานงานระหว่างครอบครัวผู้เสียหายและกิจการร่วมค้าในการรับเงินเยียวยา โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาในรอบแรกไปแล้ว 12 ครอบครัว รวม 12 ล้านบาท และในรอบที่สองนี้ได้จ่ายเงินให้ 40 ครอบครัว รวม 40 ล้านบาท ทำให้รวมแล้วมีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้วทั้งสิ้น 52 ครอบครัว และยังคงเหลืออีก 48 ครอบครัวที่จะดำเนินการรวบรวมเพื่อจ่ายในรอบที่สามต่อไป

สาเหตุที่การจ่ายเงินรอบที่สามอาจล่าช้า เนื่องจากเอกสารของบางครอบครัวยังไม่พร้อม โดยเฉพาะครอบครัวจากประเทศเมียนมาที่ต้องดำเนินการผ่านสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเงินจากผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งต้องใช้เวลาและเป็นไปตามกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์

สภาทนายความจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลและรายชื่อทายาทผู้เสียชีวิตเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดร่วมกับกิจการร่วมค้า เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นครอบครัวผู้เสียชีวิตจริง แม้จะยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการจ่ายเงินรอบที่สามที่ชัดเจน แต่จะเร่งประสานงานและตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อจ่ายเงินให้เร็วที่สุด

ดร.วิเชียรยังยืนยันว่า แม้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยาจากกิจการร่วมค้าแล้ว แต่ผู้เสียหายยังคงมีสิทธิ์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในชั้นศาลได้ตามกฎหมาย และสามารถประสานสภาทนายความเพื่อแต่งตั้งทนายความฟ้องร้องคดีได้

คำชี้แจงจากกิจการร่วมค้า ITD-CREC

นายศุภมิตร วัฒน์นพคุณ ผู้แทนกิจการร่วมค้า ITD-CREC ได้ชี้แจงในระหว่างแถลงข่าวว่า กิจการร่วมค้าเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถือว่าผู้เสียชีวิตทุกคนเป็นผู้ร่วมงานของกิจการร่วมค้า กิจการร่วมค้าเข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้สูญเสียกำลังหลักและได้รับผลกระทบทางจิตใจ นายศุภมิตรกล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ อาคารถล่ม กิจการร่วมค้าได้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์สำหรับภารกิจกู้ภัยจนแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของคดีความ ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แน่ชัดว่าอาคาร สตง. ถล่มด้วยสาเหตุใด จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครต้องรับผิดชอบ แต่กิจการร่วมค้ามีแนวคิดที่จะให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นการเบื้องต้น ระหว่างที่ครอบครัวเตรียมดำเนินคดีต่อศาล เพราะหากปล่อยให้รอรับเงินในชั้นศาล อาจทำให้ความเดือดร้อนบานปลายได้

นายศุภมิตรยังเสริมว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือนี้เป็นความประสงค์และเจตนาที่ดีของผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้าที่ถูกฝากขังในเรือนจำ โดยพวกเขายืนยันก่อนถูกควบคุมตัวว่าต้องจ่ายเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตก่อน เพราะพวกเขาเดินทางมาไกลเพื่อทำงาน แสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความห่วงใยครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างแท้จริง และได้ฝากข้อความออกมาจากเรือนจำว่าทุกคนไม่ต้องกังวล ทุกคนล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกันและจะได้รับความช่วยเหลือจนเสร็จสิ้นกระบวนการ สาเหตุที่กิจการร่วมค้ามาจ่ายเงินหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์มาสามเดือน ไม่ใช่เจตนาล่าช้า แต่เป็นเพราะต้องตรวจสอบความถูกต้องของทายาทผู้เสียชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่จ่ายจะถึงมือพวกเขาจริงๆ จึงต้องลงพื้นที่พูดคุยกับครอบครัวในต่างจังหวัด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและจ่ายเงินไม่ผิดมือ รวมถึงให้ความมั่นใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตว่าจะเร่งตรวจสอบข้อมูลและจ่ายเงินรอบที่สามให้เร็วที่สุด

เมื่อถูกถามถึงเรื่องคดีของกิจการร่วมค้า ทั้งคดีการก่อสร้างและคดีนอมินี นายศุภมิตรตอบว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่าอาคารถล่มด้วยสาเหตุใด แต่จากข่าวที่ปรากฏในสื่อที่ผ่านมา พบข้อบ่งชี้ว่าพนักงานในกิจการร่วมค้าไม่ได้ทำงานผิดพลาดจนเป็นเหตุให้อาคารถล่ม อย่างไรก็ตาม ขอให้รอการสรุปสาเหตุที่แท้จริงก่อน ส่วนเรื่องคดีนอมินี เนื่องจากคดียังอยู่ในชั้นศาล จึงขอไม่ให้ความเห็นใดๆ แต่ยืนยันว่ากิจการร่วมค้าพร้อมต่อสู้แก้ข้อกล่าวหาในคดีและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง การดำเนินการของ สตง. ในส่วนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นั้น สภาทนายความไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ได้ เนื่องจาก สตง. ยังไม่ได้ประสานงานเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาด้านมนุษยธรรม อย่างไรก็ตาม กิจการร่วมค้าได้รับปากแล้วว่าจะดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...