โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้จัก “ภูมะเขือ” ยุทธศาสตร์สำคัญใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร ที่ทหารไทยขึ้นไปปักธงไตรรงค์

Manager Online

อัพเดต 26 ก.ค. เวลา 16.06 น. • เผยแพร่ 26 ก.ค. เวลา 08.42 น. • MGR Online

พาไปรู้จักกับ “ภูมะเขือ” ยุทธศาสตร์สำคัญใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร ที่ทหารไทยสามารถยึดได้ และขึ้นไปปักธงไตรรงค์ ร้องเพลงชาติไทยกึกก้อง นอกจากนี้ยังพบร่างทหารเขมรดับ 10 ศพ ที่ภูแห่งนี้ด้วย

หลังกองทัพกัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่ประชาชนคนไทย ชุมชน บ้านเรือน รวมไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ทำให้กองทัพไทยต้องตอบโต้ตามหลักสากล ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา

สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันที่สาม (26 ก.ค. 2568) นั้นมีรายงานว่า ทหารไทยสามารถยึด “ภูมะเขือ” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แล้วขึ้นไปปักธงชาติไทยปลิวไสวบนนั้น

โดย เมื่อเวลา 08.40 น. ทางเพจ กองทัพบก ทันกระแส ได้โพสต์ขอ้ความว่า “ภูมะเขือ ยึดได้แล้ว “ปักธงชาติไทย” ร้องเพลงชาติให้กึกก้อง “เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่”

เวลา 09.20 น. – เพจ “กองทัพภาคที่ 2” โพสต์ข้อความ “ธงชาติไทย ปักบนยอดภูมะเขือเรียบร้อยแล้วสัญลักษณ์แห่งเอกราชและอธิปไตย ได้โบกสะบัดอีกครั้ง…เหนือแผ่นดินไทย ณ ยอด ภูมะเขือ – หนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดนไทย–กัมพูชา กองกำลังทหารไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้วทั้งหมดภาพแห่งเกียรติภูมิ — ธงไตรรงค์บนยอดภูมะเขือ“ตราบใดที่ธงยังโบกสะบัด — ศักดิ์ศรีของชาติไทยจะไม่มีวันตกพื้น”

ส่วน เวลา 12.00 น. ทางเพจ “กองทัพภาคที่ 2” ได้โพสต์ถึงสถานการณ์เพิ่มเติมว่า จากที่ฝ่ายไทยได้ “ยึดภูมะเขือ” ที่ผ่านมานั้น ฝ่ายกัมพูชาเตรียมการใช้กำลังทางทหารและอาวุธวิถีโค้งเป็นจำนวนมาก ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวัง ติดตามสถานการณ์ การแจ้งเตือนจากทางการ และเชื่อมั่นในทหารไทย

สำหรับภูมะเขือ เป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขา “พนมดงรัก” ตั้งอยู่บริเวณแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวปราสาทเขาพระวิหาร ระยะห่างประมาณ 2.8 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร

ภูมะเขือ ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ส่วนฝั่งตรงข้าม คือจังหวัดพระวิหารของกัมพูชา ภูแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์บนแนวสันปันน้ำ ใครที่ยึดได้จะสามารถ มองเห็นตัว “ปราสาทเขาพระวิหาร” และพื้นที่โดยรอบ ซึ่งสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวในบริเวณนี้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

บริเวณภูมะเขือยังเชื่อมโยงกับ “วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ” วัดที่กัมพูชาสร้างขึ้นมาใหม่บนแนวถนนส่งกำลังบำรุงจากฝั่งกัมพูชาสู่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งแม้ที่ผ่านมาไทยจะประท้วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โดยหากใครได้ครอบครองพื้นที่บริเวณวัดแก้วฯ จะสามารถควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ได้

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ว่า ปัจจุบันพื้นที่ภูมะเขือ เป็นพื้นที่ที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ โดยไทยยึดถือเส้นแนวสันปันน้ำ ตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ของกรมแผนที่ทหาร เป็นแนวเส้นปฏิบัติการใช้อ้างอิงในการปฏิบัติงาน ส่วนฝ่ายกัมพูชายึดถือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในห้วงเกิดข้อพิพาท

ทั้งสองฝ่ายได้เคลื่อนกำลังเข้าแย่งยึดพื้นที่กัน ทำให้ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวจึงมีทั้งฐานปฏิบัติการทางทหารของทั้งไทยและกัมพูชาวางกำลังเผชิญหน้ากัน ไม่ใช่มีเฉพาะทหารกัมพูชาฝ่ายเดียวที่อยู่ในบริเวณพื้นที่อย่างที่เป็นข่าว และที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชาก็ไม่ได้ล้ำเส้นปฏิบัติการตามแผนที่ 1:50,000 ของเราเข้ามาแต่อย่างใด

ในอดีต การเข้าถึงพื้นที่ด้านบนของภูมะเขือ ทางฝั่งกัมพูชา ใช้วิธีการสร้างกระเช้าและบันไดเป็นทางขึ้นสู่ยอดภูเขาเนื่องจากสภาพภูมิประเทศฝั่งกัมพูชามีลักษณะลาดชัน อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง ฝ่ายกัมพูชาได้สร้างถนนโดยลัดเลาะตามไหล่เขาในเขตกัมพูชาเพื่อใช้เป็นทางขึ้นสู่ด้านบนของภูมะเขือ

สำหรับกรณีการสร้างกระเช้าและถนนขึ้นสู่ยอดภูมะเขือดังกล่าว ฝ่ายไทยเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือภูมิประเทศในบริเวณใกล้เคียง กับพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์กันอยู่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ล้ำแนวเส้นปฏิบัติการของทหารไทยก็ตาม แต่ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงตาม MOU 2543 ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงได้ดำเนินการเก็บหลักฐานและทำการประท้วงผ่านกลไกความร่วมมือทางทหารในระดับพื้นที่มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในจุดยืนที่สำคัญได้แก่การไม่รุกรานใคร และยึดมั่นในการแก้ปัญหาด้วยหลักสันติวิธี แต่ยังพบเห็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่มักจะละเมิดในข้อตกลงที่มีระหว่างกันอย่างต่อเนื่องนั้น จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายไทยไม่อาจเพิกเฉยต่อความกังวลที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งได้

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมในการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน จึงเป็นภารกิจที่ทหารไทยต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจต่อมิตรประเทศ และสาธารณชนในทุกช่องทาง เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลถูกบิดเบือนโดยผู้ไม่หวังดีในอนาคต

สำหรับสถานการณ์สู้รบในวันที่ 3 นั้น ทหารไทยสามารถเคลียร์พื้นที่ยอดภูมะเขือได้ 90% และพร้อมตอบโต้ทันทีหากกำลังทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาอีก ส่วนที่เหลือ 10% จะดำเนินการช่วงเวลา 10.00-14.00 น. พร้อมทำลายฐานที่มั่น กระเช้า เสาเรดาร์ และบันไดเหล็กที่ทหารกัมพูชาทำขึ้นบนภูมะเขือให้หมด จากนั้นจะนำกำลังใหม่เป็นกองร้อยทหารราบตั้งกำลังหน้าแนว เพื่อให้กำลังชุดปฏิบัติการในช่วงเช้าได้พักผ่อน นอกจากนี้จะเสริมกำลังอาวุธหนักขึ้นสนับสนุน

ส่วนการทำลาย กระเช้า เสาเรดาร์ และบันไดเหล็ก จะดำเนินการเวลา 14.00 น เนื่องจากรอสนับสนุนวัตถุระเบิด

นอกจากนี้ที่ภูมะเขือยังพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นฝ่ายทหารกัมพูชา 10 ราย ฝ่ายไทยสามารถตรวจยึดยุทโธปกรณ์ได้จำนวนมาก

ด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น.ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ได้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาวางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ แต่ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย ก่อนที่ฝ่ายไทยจะยึดไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อเช้าวันที่ 26 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...