โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไม่ไว้ใจอีกต่อไป!เตือนUSกำลังสูญเสียความได้เปรียบจีน ผลจากนโยบายรีดภาษีพันธมิตร

Manager Online

เผยแพร่ 17 ก.ค. เวลา 23.21 น. • MGR Online

สหรัฐฯ กำลังสูญเสียความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ที่มีเหนือจีน สืบเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนอเมริกาออกจากเวทีโลกและแนวทางนโยบายต่างประเทศแบบแลกเปลี่ยน(transactional approach หรือ รูปแบบการบริหารที่เน้นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างผู้นำและผู้ตาม) จากคำเตือนของพรรคเดโมแครตที่ระบุในรายงานฉบับหนึ่ง

ในรายงานที่เขียนโดยเดโมแครต อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นในช่วงการดำรงตำแหน่ง 6 เดือนของทรัมป์ เตือนว่ายุคสมัยของผู้นำรายนี้ กำลังบ่อนทำลายศักยภาพของวอชิงตันในการแข่งขันกับจีน

รายงานได้เน้นย้ำถึงกรณีลดจำนวนเจ้าหน้าที่ ณ กระทรวงการต่างประเทศ และการล้างบางที่ก่อความปั่นป่วนในสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) และสำนักงานสื่อโลกแห่งสหรัฐอเมริกา (USAGM) ซึ่งกำดับดูแลวอยซ์ออฟอเมริกาและเรดิโอฟรีเอเชีย ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ก่อความอ่อนแอแก่อำนาจและอิทธิพลของสหรัฐฯ

ในรายงานที่เผยแพร่โดยสมาชิกพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ให้คำจำกัดความจีนว่าเป็น "ความท้าทายทางยุทธศาสตร์ที่ต่างจากประวัติศาสตร์เก่าๆใดๆของประเทศของเรา ด้วยที่มียุทธศาสตร์ระยะยาวโค่นสหรัฐฯ ลงจากอภิมหาอำนาจผู้นำโลก"

"ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอยห่างจากทั่วทุกมุมโลก โจมตีบรรดาพันธมิตร หั่นเครื่องมือทางการทูตของอเมริกาและอ้าแขนโอบกอดศัตรู จีนกำลังสร้างอิทธิพล แผ่ขยายความสัมพันธ์และเปลี่ยนโฉมระเบียบโลกไปสู่ความได้เปรียบของพวกเขา" จีน ชาฮีน วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง

เนื้อหาในรายงานระบุด้วยว่า จีน เคลื่อนไหวเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการที่ทรัมป์ถอนสหรัฐฯออกจากโครงการต่างๆระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นองค์การอนามัยโลกและความตกลงโลกร้อนปารีส ได้การเพิ่มเงินสนับสนุนในต่างแดนและยกระดับย่างก้าวทางการทูต

สงครามรีดภาษีของทรัมป์กับบรรดาคู่หูการค้าของสหรัฐฯ ก็บั่นทอนพันธมิตรและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจเช่นกัน รายงานระบุ โดยชี้ว่ามันถึงขั้นผลักให้เหล่าพันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกาหันหน้าเข้าหาจีน

เสียงเตือนจากเดโมแครต ซึ่งมีเสียงข้างน้อยทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มีขึ้นประจวบกับที่มีการเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งในวันอังคาร(15ก.ค.) ชี้ว่าโลกมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป หันไปชอบจีนมากขึ้น

ผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์วิจัยพิว ในสหรัฐฯ พบว่ามีประชาชนใน 15 จากทั้งหมด 25 ประเทศ ที่มีมุมมองต่อจีนดีขึ้น ในนั้นรวมถึงเม็กซิโก, แอฟริกาใต้, ตุรกี, เคนยา และ อินโดนีเซีย เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว

แม้โดยรวมแล้ว ส่วนใหญ่ของโลกยังคงมองจีนในแง่ลบ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามราว 54% ที่มีมุมมองไม่ชื่นชอบ แต่เวลานี้ จีน ถูกมองในฐานะมหาอำนาจสูงสุดของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหนือกว่าสหรัฐฯเล็กน้อย อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นของ

ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า 41% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มองจีนในฐานะชาติเศรษฐกิจอันดับท็อปของโลกในปี 2025 และมีเพียง 39% ที่มองว่ายังเป็นสหรัฐฯอยู่

พบเห็นมุมมองในเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงในหมู่ประเทศที่มีรายได้สูง 10 ชาติ ได้แก่แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, เกาหลีใต้, สเปน, สวีเดน และสหราชอาณาจักร โดยในกลุ่มนี้มีเพียงแค่ 35% ที่ยังมองสหรัฐฯในแง่บวก ลดลงจากระดับ 51% ในปี 2024

เอียน ชอง ศาสตราจารญ์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่าสงครามการค้าของทรัมป์ก่อความเคลือบแคลงใจอย่างรุนแรงและไม่ไว้วางใจสหรัฐฯทั่วเอเชีย ในทุกวันนี้ "สำหรับบางชาติ ความร่วมมือกับจีน ดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดึงดูดใจ"

เขากล่าวต่อว่า "อย่างไรก็ตาม การที่ไม่ตอบโต้อย่างหนักหน่วงต่อมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ สะท้อนข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคหรือไกลกว่านั้น ตระหนักดีว่าพกวเขาไม่สามาถอยู่รอดได้หากปราศจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ แม้ว่าพวกเขาอาจไม่ชื่นชอบเท่าไหร่ก็ตาม"

วิลเลียม หยาง นักวิเคราะห์ระดับสูงด้านเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ แห่งสถาบันวิจัย Crisis Group จีน กำลังถูกมองในฐานะคู่หูทางธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเดิม ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เล็ดลอดออกมาจากสหรัฐฯ

"ในขณะที่ประเทศต่างๆกำลังรับมือกับความไม่แน่นอนที่นำพามาโดยรัฐบาลทรัมป์ ในชาติต่างๆมากขึ้น ในนั้นรวมถึงบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกาในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กำลังหาทางรักษาเสถียรภาพในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับจีน ด้วยการเพิ่มการคบค้าติดต่อทวิภาคีในระดับสูง" หยางกล่าว

(ที่มา:อัลจาซีราห์)

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...