โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

EV จีนล้นตลาด สู่ไทยไร้ศูนย์ซ่อม ผู้บริโภคเสี่ยง! ซ้ำรอยเจ้าดัง

PPTV HD 36

อัพเดต 12 ก.ค. เวลา 09.33 น. • เผยแพร่ 12 ก.ค. เวลา 09.12 น.
สภาผู้บริโภค กังวล! EV จีนล้นตลาด สู่ไทยไร้ศูนย์ซ่อม ผู้บริโภคเสี่ยง! ซ้ำรอยเจ้าดัง

สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้นโยบายสนับสนุนจากรัฐ ทั้งการให้เงินอุดหนุนรถ EV ที่นำเข้า และการลดภาษีนำเข้าเพื่อเร่งให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการใช้รถพลังงานสะอาดในภูมิภาค แต่กระแสการเติบโตอย่างรวดเร็วกลับทำให้เกิดความกังวลถึง “ภาวะโอเวอร์ซัพพลาย”ที่อาจนำไปสู่ปัญหาในภาคปฏิบัติที่ผู้บริโภคต้องเผชิญ โดยเฉพาะกรณีศึกษาอย่าง NETA ที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง

EV จีนล้นตลาด ท้าทายทั่วโลก

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) ระบุว่าในปี 2024 จีนผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 9 ล้านคัน และยังผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 30% ต่อปี ขณะที่ตลาดภายในประเทศเริ่มอิ่มตัว และเกิดภาวะ “โอเวอร์ซัพพลาย” ทำให้ผู้ผลิต EV จีน เปิดศึกสงครามราคาอย่างรุนแรง จนบางรายต้องปิดกิจการ หรืออย่างกรณี Hozon New Energy Automobile บริษัทแม่ของ NETA ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

ขณะที่ผู้ผลิตจีนจำนวนมากได้หันมารุกตลาดต่างประเทศ ทั้งยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไทย จากรายงานจาก Nikkei Asia ยังเตือนถึงความเสี่ยงจาก “สงครามราคา” และ “การล้นตลาด” ที่ทำให้บางแบรนด์เร่งส่งออกโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมด้านบริการหลังการขาย รวมถึงการจัดหาอะไหล่และศูนย์ซ่อมบำรุง ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อคุณภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภค

ในประเทศไทยการเข้ามาของแบรนด์ EV จีนเป็นผลจากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ ทั้งมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 ที่รัฐให้เงินอุดหนุนต่อคันสูงสุดถึง 150,000 บาท รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษี นำไปสู่การหลั่งไหลของแบรนด์จีนที่เข้ามาทำตลาดอย่างคึกคัก และได้สิทธิพิเศษด้านภาษีในการนำเข้ารถยนต์มาจำหน่ายทั้งคันในช่วงแรก ขณะที่หลายรายตัดสินใจตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น BYD, MG, GWM (Ora), Changan และ Aion (ภายใต้กลุ่ม GAC Motor) เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนดว่าผู้นำเข้าต้องมีแผนตั้งโรงงานภายในระยะเวลาที่กำหนด

ไทยโตแรง แต่ยังไร้รากฐานบริการหลังบ้าน

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะสูงถึง 100,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา โดยแบรนด์จากจีนครองตลาดมากกว่า 80%

แต่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกลับไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยลดลงมาอยู่ที่ 70,000 คันในปี 2567 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นปัญหาของ EV ในประเทศไทย และเข้าสู่สงครามราคาเช่นเดียวกับประเทศจีน และเริ่มมีปัญหาจากไม่มีระบบบริการหลังการขายที่แข็งแรง ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบมากขึ้น เช่น ไม่มีอะไร รออะไหล่นาน หรือใช้เวลาในการซ่อมนาน

ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นแล้วในกรณีของ NETA ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง และอาจมีรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่น ๆ ที่มีการร้องเรียนเข้าที่สภาผู้บริโภค และอาจสร้างปัญหาซ้ำรอยให้กับผู้บริโภคได้อีก

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สภาผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญจากสภาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย ได้เสนอแนวทาง ให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ดังนี้

1. กำหนดหลักเกณฑ์การประกันคุณภาพและบริการหลังการขายให้ชัดเจนก่อนการอนุมัติเงินอุดหนุน เช่น กำหนดให้ต้องมีศูนย์บริการขั้นต่ำครอบคลุมพื้นที่หลักภายใน 1 ปี หรือมีอะไหล่สำรองขั้นต่ำในไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี

2. จัดตั้งศูนย์ร้องเรียนพิเศษเกี่ยวกับ EV ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้สามารถติดตามและแก้ปัญหาเฉพาะด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ให้ข้อมูลผู้บริโภคอย่างโปร่งใส ทั้งในเรื่องประวัติของแบรนด์ ความสามารถด้านบริการ และต้นทุนดูแลรักษาระยะยาว เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง

"ตลาด EV ไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่หากการสนับสนุนภาครัฐยังเน้นเฉพาะยอดขายโดยไม่ควบคุมคุณภาพและบริการหลังการขาย อาจนำไปสู่การซ้ำรอยในกรณีของ NETA ในอีกหลายแบรนด์ ผู้บริโภคจะกลายเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงแต่เพียงฝ่ายเดียว"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลงทุนซื้อรถใหม่ คันไหนยิ่งขับ ยิ่งคุ้ม ? เมื่อสงครามลดราคายังอยู่

บีโอไอ อนุมัติ "Chery" ค่ายรถยนต์รายใหญ่จีน ตั้งฐานผลิต EV ในไทย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : EV จีนล้นตลาด สู่ไทยไร้ศูนย์ซ่อม ผู้บริโภคเสี่ยง! ซ้ำรอยเจ้าดัง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

- Website : https://www.pptvhd36.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...