โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

Baby Shark Dance ตำนาน YouTube วิวสูงสุด ในโลกนี้จะมีคลิปไหนล้มสถิติได้

SpringNews

อัพเดต 11 ก.ค. เวลา 15.12 น. • เผยแพร่ 11 ก.ค. เวลา 15.00 น.

ณ เข็มนาฬิกาดิจิทัลเดินอยู่ตอนนี้ เพลงนี้ ครองบังลังก์สถิติ ยอดวิว สูงสุดตลอดกาล เพราะตอนนี้ อัลกอริทึ่มนับยอดวิวคลิปนี้ ยังเดินหน้าเต็มสูบแบบไม่มีพัก ล่าสุด อยู่ที่ ราว 16,067 ล้านวิว ( ข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.ค. 2025)
.
ดังนั้น History of tech จาก SPRiNGtech ขอใช้โอกาสนี้ ฉกฉวยเอาเรื่องราวของคลิปนี้ เพลงนี้ มาเล่าให้ฟังกัน
.
บทเพลง "Baby Shark Dance" ที่เด็กๆ ทั่วโลกรู้จักกันดี ได้เดินทางบนแพลตฟอร์มยูทูบมาครบ 9 ปีเต็มในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมครองบัลลังก์วิดีโอที่มียอดผู้ชมสูงสุดตลอดกาลอย่างไม่มีใครเทียบได้ แต่เบื้องหลังท่วงทำนองที่สดใสและภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรนี้ คือประวัติศาสตร์อันซับซ้อนและด้านมืดที่คาดไม่ถึง เมื่อเพลงนี้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทรมานนักโทษในเรือนจำ

ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกรกฎาคม 2025 วิดีโอ "Baby Shark Dance" ที่ผลิตโดยบริษัท Pinkfong ของเกาหลีใต้ มียอดเข้าชมสะสมกว่า 1.6 หมื่นล้านครั้ง และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำสถานะปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลกที่ยากจะหาใครมาล้มล้าง

จากเพลงรอบกองไฟสู่ปรากฏการณ์ระดับโลก

เส้นทางของ "Baby Shark" ไม่ได้เริ่มต้นจากสตูดิโอในเกาหลีใต้ แต่มีรากฐานย้อนกลับไปไกลกว่านั้น มันคือเพลงที่เล่าขานต่อกันมารุ่นสู่รุ่นในค่ายฤดูร้อนและกิจกรรมรอบกองไฟในโลกตะวันตก ซึ่งเวอร์ชันดั้งเดิมมีเนื้อหาที่น่ากลัวกว่าปัจจุบัน เกี่ยวกับเรื่องราวของฉลามที่ไล่กินคนในทะเล

ก่อนที่เวอร์ชันของ Pinkfong จะถือกำเนิดขึ้นในปี 2016 เพลงนี้เคยปรากฏในรูปแบบดิจิทัลมาแล้ว โดยเวอร์ชันที่โดดเด่นคือ "Kleiner Hai" (ฉลามน้อย) ของศิลปินชาวเยอรมัน Alemuel ในปี 2007 ซึ่งได้รับความนิยมจนติดชาร์ตเพลงในเยอรมนีและออสเตรีย

เบื้องหลังความสำเร็จที่ "ติดหู"

ความสำเร็จของ "Baby Shark" ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการออกแบบทางดนตรีที่สอดคล้องกับหลักจิตวิทยาอย่างแยบยล

ปัจจัยสำคัญประกอบด้วย:
ความเรียบง่ายเชิงโครงสร้าง (Simplicity): ทำนองเพลงใช้โน้ตเพียงไม่กี่ตัวในสเกลที่จำกัด ทำให้สมองของเด็กสามารถประมวลผลและจดจำได้อย่างรวดเร็ว

การใช้เทคนิคการซ้ำ (Repetition): ท่อนฮุค "doo doo doo doo doo doo" ที่ถูกเล่นซ้ำๆ คือหัวใจสำคัญที่สร้างปรากฏการณ์ "Earworm" หรือเพลงติดหู การซ้ำเติมนี้สร้างรูปแบบที่สมองคาดเดาได้ ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจและอยากฟังอีก

ด้านมืด Baby Shark ที่กลายเป็นเครื่องมือทรมาน

อย่างไรก็ตาม บทเพลงที่สร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ กลับถูกนำไปใช้ในบริบทที่น่าตกใจ มีรายงานจากรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ในปี 2019 ว่า ผู้คุมเรือนจำ 2 คน ถูกฟ้องร้องในข้อหาทารุณกรรมนักโทษ ด้วยการจับนักโทษใส่กุญแจมือ และบังคับให้ยืนฟังเพลง "Baby Shark" ที่เปิดเสียงดังวนซ้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน

แม้จะฟังดูแปลก แต่การใช้ดนตรีเพื่อสร้างความทุกข์ทรมานทางจิตใจ (Psychological Torture) ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประวัติศาสตร์ กองทัพนาซีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยใช้ดนตรีเพื่อทรมานชาวยิวในค่ายกักกัน ตั้งแต่เพลงมาร์ชชาตินิยม ไปจนถึงเพลงคลาสสิกที่ไพเราะอย่าง "Blue Danube" ของ Johann Strauss II

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า เพลงใดๆ ก็ตาม หากถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องและบีบบังคับ ก็สามารถเปลี่ยนจากความบันเทิงกลายเป็นอาวุธทางจิตวิทยาได้

ดังนั้น "Baby Shark Dance" จึงเป็นมากกว่าปรากฏการณ์เพลงเด็กที่ทำลายสถิติ แต่ยังเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เป็นวัฒนธรรมที่ดูไร้พิษสงที่สุดก็อาจมีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและถูกนำไปใช้ในทางที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน ส่วนเรื่องยอดวิวนั้น อีกไม่กี่ปี คลิปนี้ คงทะลุไปมากกว่า 2 หมื่นล้านวิว เป็นคลิปแรกของโลก!

ที่มา : theguardianforbescbc

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...