โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กต. ยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบเรียบร้อย ย้ำจุดยืนเจรจา JBC

The Bangkok Insight

อัพเดต 08 มิ.ย. เวลา 11.26 น. • เผยแพร่ 08 มิ.ย. เวลา 11.26 น. • The Bangkok Insight

"กระทรวงการต่างประเทศ" แถลงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันชายแดนยังคงสงบเรียบร้อย ยันไม่ทิ้งแผนเจรจา JBC แม้ยกระดับเปิด-ปิดด่านชายแดน

นายนิกรเดช พลางกูร อดีตกรมสารนิเทศและโฆษก กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่ได้รับรายงานล่าสุด ยังคงสงบดี ทั้งนี้ ตามที่ได้นำเรียนทุกท่านเมื่อวานนี้ ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ได้นำมาซึ่งการมอบอำนาจให้กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกคำสั่งกำหนดมาตรการควบคุมการปิด-เปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการออกคำสั่ง ในทุกจุดครบถ้วนแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งขณะนี้ สถานการณ์ชายแดนยังคงสงบเรียบร้อย

สถานการณ์ชายแดน

ตามที่ฝ่ายทหารได้ชี้แจงแล้ว ผมขอเรียนยืนยันว่า มาตรการเหล่านี้ ไม่ใช่คำสั่งปิดด่านทั้งหมด หรือในทันที นะครับ แต่เป็นแนวปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสมตามระดับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่

  • ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนโดยอนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย ขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่น ๆ โดยจำกัดและเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
  • ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด–ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน–เวลา เข้า–ออกอย่างชัดเจน
  • ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (Selective Closure)
  • ขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด

สำหรับจุดผ่านแดนตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการปรับเวลาปิด-เปิด เอกสารที่ต้องใช้ และข้อจำกัดต่าง ๆ ในระยะนี้ ซึ่งแต่ละจุดจะกำหนดมาตรการแตกต่างกันไป ดังนี้ครับ

  • กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา – เป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดสระแก้ว
  • กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี – เป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดอุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์
  • กองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดจันทบุรี และตราด
สถานการณ์ชายแดน

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจุดผ่านแดน ไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย จุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้า ที่มีการปรับเปลี่ยนเวลาปิด-เปิด และข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งผมขอยกหนึ่งตัวอย่าง คือ จุดผ่านแดนถาวร อรัญประเทศ - ปอยเปต จังหวัดสระแก้วที่ยังคงเปิดระหว่างเวลา 08.00-16.00 น. และห้ามเฉพาะคนไทยที่จะออกไปท่องเที่ยวหรือเล่นการพนัน ส่วนการจำกัดการผ่านของยานพาหนะ รถบรรทุกขนาด 6 ล้อขึ้นไป ก็สามารถเข้า-ออก ที่จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ได้ครับ ขอให้ทุกท่านตรวจสอบข้อมูลของแต่ละจุดผ่านแดนจากหน่วยงานทางการหรือทางเพจของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้อีกครั้ง (https://www.facebook.com/share/p/1AXewS5n8u/) เพื่อความสะดวกและทันต่อเหตุการณ์ของท่านครับ

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ตามที่ผมได้รับการสอบถามเรื่องการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียว (unilateral action) ผมขอย้ำว่า มาตรการเกี่ยวกับจุดผ่านแดนที่ฝ่ายไทยประกาศนั้น มีเป้าหมายเพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน และแน่นอนครับ เราจำเป็นต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ชีวิตความเป็นอยู่ และมนุษยธรรมควบคู่ไป จึงได้พยายามอย่างที่สุดไม่ให้มาตรการเหล่านี้กระทบถึงคนไทยและชาวกัมพูชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ และขอย้ำอีกครั้งครับ ว่านี่ไม่ใช่การปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด และจะพิจารณาจากความจำเป็นต่าง ๆ ในพื้นที่ ซึ่งการจำกัดเวลาปิด-เปิด เป็นไปเพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนได้อย่างเหมาะสม มาตรการต่าง ๆ ถูกกำหนดขึ้นตามลักษณะเฉพาะ และการใช้งานของแต่ละจุดผ่านแดน โดยเฉพาะการผ่านแดนที่เกิดขึ้นเป็นประจำและที่จำเป็น เพื่อเหตุผลทางการค้าขาย การศึกษา การเข้ามารับบริการทางการแพทย์ และอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ตามปกติ

สถานการณ์ชายแดน

ทั้งนี้ ดังที่ฝ่ายไทยยืนยันมาตลอด ตั้งแต่ต้นและในทุกระดับ เราปฏิบัติตาม และพร้อมใช้กลไกทวิภาคี โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดน ไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กำลังจะมาถึง และยังคงปฏิบัติตาม MOU ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ปี 2543 (ค.ศ. 2000) ที่เป็นเอกสารทางกฎหมาย เป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันและย่อมต้องยึดถือ

"รัฐบาลไทยขอยืนยันความเชื่อมั่นว่า การใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC ที่จะมาถึงนี้ มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อลดความตึงเครียดในสภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ และเพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ชายแดนของเรากลับสู่ภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัยครับ ดังนั้น ไทยจึงขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไกทวิภาคีให้เป็นประโยชน์สูงสุด เพื่อมิให้สถานการณ์ลุกลามออกไป" นายนิกรเดช ระบุ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...