โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กต. แจงทูตทั่วโลก ย้ำทุ่นระเบิดสังหารเป็นของกัมพูชา ละเมิดอธิปไตยไทย

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 23 ก.ค. เวลา 11.33 น. • เผยแพร่ 23 ก.ค. เวลา 11.29 น.
ภาพไฮไลต์

กต.เชิญทูตทั่วโลกประจำไทยชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำทุ่นระเบิดสังหารเป็นของกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทยขัดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมร่อนหนังสือประท้วงถึงสถานทูตกัมพูชาแล้ว

วันที่ 23 ก.ค. 2568 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ, พลเอกศักดิ์สิทธิ์ แสงชนินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC (ที-แมกซ์) และพลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก โดยมีเอกอัครราชทูต และผู้แทนจากสถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย จำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศเข้าร่วมรับฟัง โดยสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปในครั้งนี้ ทั้งที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกหนังสือเชิญไปแล้ว

ย้ำจุดยืนแก้ปัญหาสันติ

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยรายละเอียดการบรรยายสรุปในครั้งนี้ว่า กระทรวงฯ ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อชี้แจงท่าทีประเทศไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นการบรรยายต่อเนื่องจากการบรรยายของกองทัพบกต่อผู้ช่วยทูตทหาร ที่ได้มีการบรรยายไปเมื่อวานนี้ (22 ก.ค.) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกำลังพลกองทัพบก 3 นาย ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด หลังลาดตระเวนบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศูนย์ ศบ.ทก.ได้ยืนยันผลการตรวจสอบ และออกแถลงการณ์แล้วหลายฉบับ ซึ่งในช่วงต้น ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ เพื่อให้คณะทูต และผู้ช่วยทูตทหารฯ ได้รับทราบความคืบหน้าจากหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นทุ่นระเบิด เพื่อยืนยันจุดยืนไทย และการแก้ปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจาทวิภาคี

ยืนยันทุ่นระเบิดของกัมพูชา

ขณะที่ โฆษก ศบ.ทก.ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และการดำเนินการของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมย้ำว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในดินแดนอธิปไตยของไทย และผู้อำนวยการ TMAC (ที-แมกซ์) ได้ย้ำบทบาทของศูนย์ TMAC โดยเฉพาะตามอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ค.ศ. 1997 หรือ อนุสัญญาออตตาวา และการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยศูนย์ TMAC ในครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่า ทุ่นระเบิดเป็นของกัมพูชา และเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความร่วมมือเก็บกู้วัตถุระเบิด และสืบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ได้ย้ำพันธกรณีของไทย ตามอนุสัญญาออตตาวา ที่ไทยเป็นรัฐภาคี พร้อมแสดงการประท้วงของไทยต่อกัมพูชา หลังการรวบรวมหลักฐานในพื้นที่

ให้กัมพูชารับผิดชอบ เยียวยาผู้เสียหาย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ชี้แจง 5 ประเด็นหลักต่อคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย โดยไทยยืนยันว่า จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ทุ่นระเบิดไม่มีการใช้ และไม่มีในคลังอาวุธไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ โดยเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศร้ายแรง, รัฐบาลไทย มีแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตย และขัดหลักการกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน, และจากการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ในวันนี้ (23 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหนังสือประท้วงถึงเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถึงการละเมิดอธิปไตย ไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา และขอให้กัมพูชารับผิดชอบ และเยียวยาผู้เสียหาย รวมถึงเก็บกู้วัตถุระเบิดตามที่เคยมีการตกลงกันไว้, รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ โดยเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเจนีวา สหประชาชาติ ได้มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาแล้ว ซึ่งมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับหนังสือประท้วงที่ส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกรัฐภาคี ที่มีความรับผิดชอบต่อนานาประเทศ จึงต้องรายงานการละเมิดอนุสัญญาฯ ของกัมพูชา และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เน้นย้ำจุดยืนของไทยที่สอดคล้องสากล กฎหมายระหว่างประเทศ พันธกรณีต่าง ๆ ที่ประเทศไทย ยังคงพร้อมพูดคุยหาทางออกกับกัมพูชาอย่างสันติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่

ละเมิดข้อตกลง ต้องแก้ไข

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก และได้มีโอกาสพบผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ จึงได้ใช้โอกาสนี้ ยืนยันจุดยืนประเทศไทยต่อประชาคมโลกในการแก้ปัญหาอย่างสันติ และการเจรจาผ่านกรอบทวิภาคี ซึ่งในวันนี้ (23 ก.ค.) ได้พบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ประจำเดือนกรกฎาคม รวมถึงยังได้พบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประเทศปานามา ซึ่งจะเป็นประธาน UNSC ในเดือนสิงหาคม ซึ่งทั้งฝ่ายปากีสถาน และปานามา ก็เห็นพ้องในการแก้ปัญหาของไทย ที่จะใช้กลไกทวิภาคี และหากมีการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ก็จะต้องมีการแก้ไข

ไม่ถึงขั้นเรียกทูตกลับ

ส่วนไทยจะมีการพิจารณามาตรการตอบโต้ให้เข้มข้นขึ้นหลังมีการยั่วยุบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่าการออกเอกสารประท้วง เช่น การเชิญเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับไทย หรือการให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับไปหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งในการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ก็มีการสอบถามถึงการเชิญทูตกลับ แต่ยังไม่ถึงจุดนั้น เพราะประเทศไทย ยังย้ำการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ผ่านการเจรจาทวิภาคี และเอกอัครราชทูต ก็เป็นกลไกสำคัญในการเปิดช่องให้มีการเจรจาทวิภาคี ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงยังไม่มีการพิจารณาถึงจุดนั้น

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กต. แจงทูตทั่วโลก ย้ำทุ่นระเบิดสังหารเป็นของกัมพูชา ละเมิดอธิปไตยไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...