โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่ชี้แจงขั้นตอนเยียวยาปัญหาช้างป่า หลังสภาผ่านกฎหมายและมีผลตั้งแต่ 11 มิ.ย.68

77kaoded

อัพเดต 04 ก.ค. เวลา 18.01 น. • เผยแพร่ 04 ก.ค. เวลา 09.41 น. • 77Kaoded

สระแก้ว – คณะกรรมาธิการฯ สภาผู้แทนราษฏร ลงพื้นที่เปิดเวทีชี้แจงแนวทางเยียวยาความเสียหายจากปัญหาช้างป่า ตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาฯ ซึ่งกฎหมายมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยต้องใช้งบกลางปีละประมาณกว่า 700 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 4 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารโดมเอนกประสงค์ สมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มอบหมายให้ นายชาตรี ผดุงพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว เป็นประธาน เปิดเวทีประชุมชี้แจงแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า โดยได้รับเกียรติคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน สภาผู้แทนราษฎร , อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ,องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พื้นที่มีปัญหาช้างป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพูดคุยชี้แจง โดยมี นายมนตรี คำพล นายกสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา เป็นผู้รายงานข้อมูลสถานการณ์และปัญหาผลกระทบจากช้างป่า โดยเฉพาะชาวไร่อ้อย มีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และปราจีนบุรี ประมาณ 300 คน เข้าร่วม เพื่อสร้างความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์และแนวทางการเยียวยา ภายหลังกฏหมายระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าจากงบกลาง พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายเนย สุขประเสริฐ อุปนายกสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา เปิดเผยว่า ปี 66-67 ที่ผ่านมา เฉพาะไร่อ้อย มีมูลค่าความเสียหายจากปัญหาช้างป่า ประมาณ 80 ล้านบาท วันนี้ทางสมาคมฯ จึงได้ยกระดับเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ เกี่ยวกับปัญหาช้างป่า โดยเฉพาะในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอ่างฤๅไน ที่ช้างออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์มายังแปลงเกษตร ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรสร้างความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมา มีเกษตรกรจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา เนื่องจากความเสียหายจากช้างป่าบางส่วน ไม่ใช่เสียหายโดยสิ้นเชิง และไม่เข้าหลักเกณฑ์ภัยพิบัติตามที่กฎหมายเกษตรกำหนด ส่งผลให้การชดเชยล่าช้าและไม่ทั่วถึง ถึงแม้ระเบียบของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าจากงบกลาง จะผ่านการพิจารณาตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 11 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา แล้วก็ตาม จึงเป็นข้อกังวลใจของพี่น้องเกษตรกร ว่าลำดับขั้นตอนของการแจ้งและการรับเงิน จะต้องเป็นขั้นตอน ระเบียบอย่างไร ให้สามารถเบิกจ่ายงบกลางได้ทันเวลา

นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 3 พรรคประชาชน ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการศึกษาการปรับปรุงหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยช้างป่าดังกล่าว กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินงานตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายจากช้างป่า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2568 ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบใหม่ได้ เนื่องจากยังรอการอนุมัติงบกลางจากรัฐบาล ทั้งนี้ ทางกรมอุทยานฯ ได้ยื่นขอรับการจัดสรรงบกลางจากสำนักงบประมาณ รวมทั้งสิ้นประมาณ 700 ล้านบาท โดยมีงบส่วนหนึ่งราว 100 ล้านบาท เพื่อเป็นงบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านระยะเวลาปีงบประมาณ สำนักงบประมาณจึงขอให้กรมอุทยานฯ ทบทวนวงเงินและคำนวณเฉพาะความจำเป็นเร่งด่วนในระยะ 3-4 เดือนข้างหน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของสำนักงบประมาณ โดยอาจได้รับการจัดสรรเพียง 30 ล้านบาท ในเบื้องต้นก่อน

ขณะเดียวกัน นอกจากประเด็นการเยียวยาแล้ว นางสาวญาณธิชา ยังระบุด้วยว่า ทางกรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการเชิงรุกด้านการบริหารจัดการช้างป่า โดยมีแนวทางควบคุมอัตราการเกิดของช้าง ด้วยการใช้วัคซีนคุมกำเนิดชนิดชั่วคราว ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 7 ปี โดยไม่ใช่การทำหมันถาวร ทั้งนี้ เพื่อลดอัตราการเพิ่มจำนวนช้างในพื้นที่ที่มีปริมาณเกินศักยภาพในการรองรับ ดังนั้น ปัญหาช้างป่า จึงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ชายป่า รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องให้ความสำคัญ เข้าใจสถานการณ์อย่างลึกซึ้ง และเร่งรัดอนุมัติงบกลางให้ทันต่อการใช้งาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดความเสียหาย หลังวันที่ 28 เมษายน 2568 ซึ่งยังไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาตามระเบียบใหม่แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือฯ ได้รับการจัดทำและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา และพร้อมสำหรับการบังคับใช้ทันที ที่ได้รับงบกลางสนับสนุนจากรัฐบาล โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ จะยังคงผลักดันในทุกช่องทาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยตัวอย่างหลักเกณฑ์ ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า งบกลาง ปี 2568

อาทิ กรณีพืชผลทางการเกษตรเสียหาย พืชไร่หรือพืชสวน เช่น ข้าวโพด อัตราการชดเชยต่อไร่ 6,637บาท, อ้อย 13,402 บาท, สับปะรด 22,424 บาท เป็นต้น ขณะที่กรณีเสียชีวิต ชดเชยจำนวน 500,000 บาท(เดิม 100,000 บาท), กรณีบาดเจ็บทั่วไปเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท, กรณีทุพพลภาพ 500,000 บาท , ค่าขาดโอกาสในการประกอบการงานระหว่างพักรักษาตัวระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน จำนวน 100 บาทต่อวัน และกรณีทรัพย์สินเสียหาย เท่าที่เสียหายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นต้น

————————–

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...