‘กุหลาบดำ’ มั่นใจหาก ‘ปตท.’ โดนหมัดจัง ๆ มีหลับ
“ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย เตรียมลับกำปั้นรอทดสอบความอึดของ ปตท. อภิชาตฟาร์ม ในกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ในศึกใหญ่ส่งท้ายปี ONE ลุมพินี 137 วันที่ 19 ธันวาคมนี้
หลังจากเก็บชัยชนะมา 3 ไฟต์ติด ในไฟต์ล่าสุด กุหลาบดำ จึงถูกประกบให้มาวัดชั้นกับคู่ชกดีกรีอันดับ 3 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต อย่าง ฟิลิปเป โลโบ จาก บราซิล ในฐานะคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 123 เมื่อเดือนกันยายน
ทว่า ฟิลิปเป เลือกตั้งรับเน้นความรัดกุมแทบตลอดทั้งไฟต์ ปล่อยให้ กุหลาบดำ เดินไล่อัดอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนที่สุดท้ายจะเอาชนะคะแนนเอกฉันท์ ไปแบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าตัวเองมีดีพอที่จะกลับไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลก ONE อีกครั้ง
ไฟต์นี้ กุหลาบดำ จะต้องโคจรมาพบกับคู่ชกไทย รายแรกในรอบกว่า 1 ปี อย่าง ปตท. ที่ขึ้นสังเวียนบู๊แหลกในรายการนี้มาแล้ว 2 ไฟต์ โดยผลงานล่าสุดคือการเปิดหน้าแลกเดือดกับ อาเลสสิโอ มาลาเทสตา คู่ปรับเก่าจาก อิตาลี ในศึกภาค 2 ก่อนจะปลดล็อกแต้มชัยแรกในรายการนี้ได้สำเร็จด้วยการเบียดเข้าป้ายย้ำแค้นไปด้วยคะแนนไม่เอกฉันท์ ในศึก ONE ลุมพินี 126 เมื่อเดือนกันยายน
“ไฟต์นี้ผมมองว่าตัวเองเป็นรอง ปตท. พอสมควร ถ้าดูตามกระดูกมวยเขาเหนือกว่าผมชัดเจน ทั้งชื่อเสียงและประสบการณ์ที่ผ่านมวยเก่ง ๆ มามากมาย สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจคือประสบการณ์นวมเล็กที่มีมากกว่า และพลังหมัดที่ผมเชื่อว่าหนักไม่แพ้ใคร นอกนั้นเขาเหนือกว่าผมเยอะ”
“ปตท. เป็นมวยที่ชอบเดินบุก เพราะธรรมชาติเขาเป็นมวยเข่า ทำให้ต้องยอมเจ็บตัวเพื่อฝ่าเข้าไปเล่นวงใน แต่ตั้งแต่มาชกใน ONE ผมเห็นเขาปรับสไตล์มาใช้หมัดมากขึ้น โดยเฉพาะหมัดฮุกซ้ายที่อันตราย แน่นอนว่าจุดเด่นของเขาคือความอึด ถึก ทน แต่จุดอ่อนคือระบบป้องกันตัวที่ยังมีช่องให้โจมตีเยอะ ขึ้นอยู่กับผมว่าจะทำให้เขาร่วงได้ไหม”
“ผมเคยชกกับ เมืองไทย มาก่อน ซึ่งเป็นมวยเดินบู๊ออกอาวุธไม่หยุดเหมือน ปตท. ทำให้ผมมองว่ารูปเกมในไฟต์นี้น่าจะออกมาคล้ายกัน ถ้า ปตท. เดินไม่หยุด ผมก็จะต่อยไม่หยุด เขาออกอะไรมาผมก็จะโต้กลับให้หนักกว่า ต้องมาดูกันว่าเขาจะโดนอาวุธผมจนยอมถอย หรือสุดท้ายจะเป็นผมที่หมดแรงก่อน”
“ถ้าเขากล้าเปิดหน้า ผมก็พร้อมจัดให้แน่นอน อยากทดสอบดูเหมือนกันว่าเขาจะอึดขนาดไหน เพราะผมมั่นใจว่าหมัดผมถ้าใครโดนจัง ๆ ก็ต้องมีหล่นแน่”
“ไฟต์นี้ผมตั้งใจมาปิดเกม ปตท. ให้ได้ ถ้าเอาชนะได้แบบไม่ครบยก หรืออย่างน้อยชนะด้วยฟอร์มสวย ๆ ก็คงถึงเวลาแล้วที่ผมจะได้สัญญา ONE มาครอง เพราะที่ผ่านมาผมพิสูจน์ตัวเองกับคู่ชกแข็ง ๆ มาตลอดครับ”