“CPF Partner Day 2025”:CPF ผนึกกำลังคู่ค้า ชูนวัตกรรมและความยั่งยืน ดันอาหารไทยสู่ครัวโลก
อุตสาหกรรมอาหารที่มีห่วงโซ่การผลิตที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงหลายภาคส่วน ตั้งแต่ เกษตรกรผู้เพาะปลูกพืช ผู้ผลิตเครื่องปรุง บรรจุภัณฑ์สินค้า เป็นต้น ขีดความสามารถของคู่ค้าธุรกิจในแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงทางอาหาร การส่งมอบ นวัตกรรมอาหารปลอดภัย คุณภาพตอบโจทย์ตลาด และความคาดหวังของผู้บริโภคทั่วโลก การยกระดับขีดความสามารถของทุกคนที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานให้เติบโตไปพร้อมกันจึงเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้วยแนวคิดดังกล่าว บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF จัดงาน CPF Partner Day 2025 เพื่อตอกย้ำบทบาทของซัพพลายเออร์กว่า 5,000 ราย ตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SME) ไปจนถึงรายใหญ่ ในฐานะ “หุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์” ขององค์กร ในการเติบโตร่วมกันบนฐาน นวัตกรรม (Innovation) และ ความยั่งยืน (Sustainability) ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นของอุตสาหกรรมอาหารโลก
CPF Partner Day 2025 จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 การขับเคลื่อนห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำด้วย เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ ยกระดับการส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลแก่ผู้บริโภคในกว่า 50 ประเทศ เป็น “ครัวของโลก” ที่ยั่งยืน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการดำเนินงานด้วยบริษัทเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยการผนึกกำลังกับซัพพลายเออร์ทุกขนาด ตั้งแต่รายใหญ่ กลาง จนถึงเอสเอ็มอี โดย CPF ให้ความสำคัญกับการสื่อสารทิศทางธุรกิจในอนาคตกับคู่ค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถปรับตัวตามเทรนด์โลก และเติบโตไปพร้อมกัน
“ซีพีเอฟจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนก็ต่อเมื่อเราและซัพพลายเออร์ทั้งหมด พัฒนาเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน แล้วเราก็แชร์ทิศทางในอนาคตสม่ำเสมอถึงแนวทางในการทําธุรกิจ ทิศทางของกระแสต่างๆ ในโลก ตลอดจนแบ่งปันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน ผ่านโครงการ Partner to Grow เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน เพื่อซัพพลายเออร์ของเรามีขีดความสามารถสูงขึ้น เติบโตในตลาดประเทศไทย และตลาดทั่วโลกพร้อมไปกับซีพีเอฟ” นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์กล่าวว่า คู่ค้าคือหนึ่งในสามปัจจัยหลักของกลยุทธ์ซีพีเอฟ จัดเป็น Strategic Partner Stakeholder ที่สําคัญที่สุด โดยเฉพาะพันธมิตรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม จะเป็นคู่ค้าที่บริษัทต้องการทำงานร่วมกันในระยะยาว เนื่องจากโจทย์การแข่งขันในอนาคตไม่ได้วัดกันที่คุณภาพและต้นทุนเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความสามารถด้านเทคโนโลยี กระบวนการผลิต และมาตรฐานความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
แนวคิด สำคัญของโครงการ “Partner To Grow” คือ CPF สื่อสารและถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ตั้งแต่ คุณภาพและการส่งมอบสินค้า ขีดความสามารถทางด้านราคา นวัตกรรม ความยั่งยืน และธรรมาภิบาล โดยมีโครงการ SMEx ต้นทุน นำรักษ์โลก ซึ่งบริษัทได้นำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมและการปรับปรุงกระบวนการ (process improvement) โดยทีมวิศวกรกว่า 500 คน ที่มีความเชี่ยวชาญ ไปถ่ายทอดและลงไปทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ เพื่อปรับปรุง และพัฒนากระบวนการทำงาน ช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากร ตลอดจนช่วยเร่ง “ความเร็วของการพัฒนา” ของเอสเอ็มอี ให้สูงขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งการแบ่งปันองค์ความรู้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติเชิงลึกนี้จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของทั้งห่วงโซ่คุณค่า ไม่ใช่เพียงบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
“ลำพัง SME เอง การพัฒนาศักยภาพ (Capability) เองทำได้ค่อนข้างยากและต้องใช้เวลา แต่ CPF มีทีมวิศวกรที่มีความชำนาญไปช่วย จะช่วยให้ Speed of Improvement ของซัพพลายเออร์รายเล็กๆ ทำได้เร็วขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า สุดท้ายแล้วเมื่อเราทําร่วมกันอย่างนี้ competitiveness ร่วมกันจะมาแบบในสปีดที่เร็วขึ้น อีกทั้งโลกนี้เป็นโลกยุคใหม่ ต้องมีความสามารถทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน” นายประสิทธิ์ กล่าว
แนวทางของ SMEx มุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) และการประหยัดต้นทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งตัวคู่ค้าและ CPF ในระยะยาว ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ Value Chain ทั้งหมด ตลอดจนการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero ในปี 2050
“เราเชื่อว่าหากทำให้ Value Chain ทั้งหมดเก่งขึ้นได้ จะช่วยลดความยากในการแข่งขันและสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนร่วมกัน เหมือนที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เริ่มต้นจากผู้ประกอบการเล็กๆ และเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้” นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์กล่าวว่า ซีพีเอฟยืนยันความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับคู่ค้าทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ โดยเฉพาะคู่ค้าในประเทศไทย ในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญร่วมกันผลักดัน “อาหารไทย” ให้ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกนึกถึงเป็นอันดับแรก (Top of Mind) ผ่านการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และนวัตกรรมร่วมกันตลอดซัพพลายเชน
งาน Partner Day อยู่ภายใต้โครงการ Partner to Grow…เติบโด เคียงข้าง อย่างยั่งยืน ซีพีเอฟดำเนินต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซีพีเอฟ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของค์ค้าธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาอย่างยั่งยืน การจัดการทรัพยากรและพลังงาน ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน และสร้างสรรค์นวัดกรรมที่สนับสนุนธุรกิจในระยะยาว เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเดิบโตไปด้วยกัน ภายได้ กรอบ 3Ps : Planet – People – Profit
โครงการนี้สนับสนุนให้ “พันธมิตรคู่ค้า” ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในทุกมิติ เสริมสร้างพลังพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อส่งมอบสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและผู้บริโภค พร้อมเสริมสร้างโอกาส และการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน
กิจกรรมในการพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจมีด้วยกันหลากหลายครอบคลุมในทุกมิติ 5 ด้าน ตั้งแต่ คุณภาพสินค้า การส่งมอบและการบริการ ขีดความสามารถในการแข่งขั้นราคาและการบริหารต้นทุน นวัดกรรม และความยั่งยืน ผ่านการดำเนินโครงการที่หลากหลาย อาทิ
- โครงการ SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก ที่ร่วมมือกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุพา อบก.สสาว. ดีป้า มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดดันทุนบริหารจัดการทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- โครงการ Quality Day Together ที่ช่วยให้คู่ค้า SME สามารถผลิตวัตถุดิบปลอดภัย ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน
- ใครงการ CAC training for SME เพื่อสนับสนุนคู่ค้า SME มีความรู้และพัฒนาระบบการป้องกันความเสี่ยงในการคอร์รัปชัน
- โครงการบริหารจัดการต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน และโครงการให้ความรู้ด้านการผลิตสินค้าคาร์บอนต่ำ
ในงานมีการประกาศรางวัล ยกย่องคู่ค้าธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานดีเยี่ยมและมีส่วนสำคัญในการยกระดับความยั่งยืนของห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้คู่ค้าธุรกิจรายอื่นเกิดแรงบันดาลใจพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ซีพีเอฟจะได้สื่อสารให้คู่ค้าธุรกิจรับทราบและเข้าใจทิศทาง เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ
รายละเอียดรางวัล
Rising Star Award มอบแก่คู่ค้าธุรกิจดาวรุ่งที่มุ่งมั่นพัฒนาตนเองในทุก ๆ ด้าน พิจารณาจากผลการประเมินที่เติบโต ก้าวกระโดดเทียบกับปีที่ผ่านมา ในทุกด้าน ได้แก่ คุณภาพสินค้า การส่งมอบ นวัดกรรม ความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืน
Best Quality and Supply Award มอบแก่คู่ค้าธุรกิจที่มีความเป็นเลิศด้านคุณภาพสินค้าและการส่งมอบสินค้า มีประสิทธิภาพ ตรงต่อเวลา และรักษามาตรฐานคุณภาพตามข้อกำหนด CPF อย่างต่อเนื่อง
Best Cost Competitiveness Award มอบแก่ค้าธุรกิจที่มุ่งมันพัฒนาสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสม สามารถแข่งขันในตลาดได้
Best Sustainability Award มอบแก่คู่ค้าธุรกิจที่มุ่งมั่นดำเนินธรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการรักษาสมดุลในการสร้างคุณค่าทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล
Best Innovation Award มอบแก่คู่ค้าธุรกิจที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัดกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการผลิตสินค้าและบริการของทั้งซีพีเอฟและคู่ค้าธุรกิจเอง
สำหรับSME ที่ได้รางวัล Best Business Partner (CEO Award) ในงาน CPF Partner Day 2025 ได้แก่ นายไพศาล สมศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัทยิ่งไพศาลการเกษตร จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SME คู่ค้า CPF มา 10 ปี ผลิตสินค้าเกษตร เช่น กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และผักสดต่างๆ มีสำนักงานอยู่ลำลำพูน ปทุมธานี และขอนแก่น โดยมีจุดเด่น คือ สามารถควบคุมปริมาณและคุณภาพสินค้าได้ตั้งแต่ต้นทาง ส่งมอบสินค้ามีคุณภาพสม่ำเสมอ ส่งมอบตรงตามเวลา เพื่อให้การผลิตสินค้าไม่สะดุด เทคโนโลยีและเครื่องจักรมาใช้ เครื่องปอกหอม เครื่องล้างผัก เพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย ยอดขายเติบโต
-มีส่วนร่วมพัฒนาช็ดความสามารถของเกษตรกรปลูกพืชที่ใต้มาตรฐาน GAP
บริษัทชัยเจริญเฟรซ จำกัด ได้รับรางวัล Best Innovation Award ในงาน CPF Partner Day 2025 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยบริษัทเป็นผู้ประกอบการ SME ผลิตสินค้าทางการเกษตรประเภทผักสด คุณภาพสูง โดยเฉพาะไบกะเพรา ใบโหระพา ใบมะกรูด ตะไครั สาระแหน่ ผักชีฝรั่ง เป็นคู่ค้า CPF มา 7 ปี มีจุดเด่น คือ พัฒนา Application เพื่อจัดการความท้าทายเพราะ สินค้าเกษตรอย่างผักสดจัดการความแน่นอนได้ยาก เช่น คุณภาพ ปริมาณ ความสะอาด ทำให้การส่งมอบสินค้าไม่สม่ำเสมอ แอฟพลิเคชันที่พัฒนาช่วยให้ทราบข้อมูลวัตถุดิบแบบ Real time ตั้งแต่ต้นน้ำโดยเกษตรกรจะป้อนข้อมูล ช่วยให้สามารถบริหารจัดการผลิตได้ตรงตามแผนการสั่งซื้อของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนทุนการผลิด
บริษัทวงศ์เอกอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ประกอบการ SME ผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์ ได้รับรางวัล Best Sustainability Award และ Achievement in Innovation Performance 2025 ในงาน CPF Partner Day 2025 โดยมีจุดเด่น คือ เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เน้นนวัตกรรมผสานความยั่งยืน Mineral oil free นำเทคโนโลยีมาใช้ลดความหนาของกระดาษ (บรรจุภัณฑ์) ให้เหมาะสมกับการใช้งานของผลิตภัณฑ์โดยยังคงคุณภาพของอาหาร ช่วยลดต้นทุน และลดคาร์บอน
สำหรับคู่ค้าอื่น ๆที่เข้าร่วมงาน Partner to Grow 2025 ประกอบด้วย บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP โดย นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัล Best Partner Award (CEO Award) ใน Partner Day 2025 ซึ่ง SCGP ได้รับรางวัลนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง
SCGP เป็นผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่หลากหลาย ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีจุดเด่น คือเป็นคู่ค้าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ เพื่อร่วมกันพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารของ CPF ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งสะอาดและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค
บริษัทเอ็กซ์เซลแพคเกจจิ้ง (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์อาหารพลาสติก มีจุดเด่น คือ เป็นคู่ค้าที่ร่วมมือกับซีพีเอฟในการพัฒนานานวัตกรรมที่ยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดของเสีย โดยร่วมพัฒนา บรรจุภัณท์ถาดไข่ไก่สดจากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) 100% เป็นหนึ่งในนวัตกรรมรักษ์โลกของเครือชีพี ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
บริษัทน้ำมันพืชไทย จำกัด(มหาชน) ตั้งแต่ปี 2528 เริ่มจากผู้ผลิตน้ำมันรำมันข้าว พัฒนาต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นผู้นำในอุดสาหกรรมน้ำมันพืชและวัตถุดิบอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันถั่วเหลืองสำหรับปรุงอาหาร และผลิตภัณฑ์กากถั่วเหลือง ทั้งตลาดในและต่างประเทศเป็นเจ้าของน้ำมันพืชตราองุ่น แบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยจุดเด่น
จุดเด่นเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมภิบาล ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จัดหาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากอบก.ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและซีพีเอฟ ก้าวสู่การผลิตสินค้าคาคาร์บอนต่ำ