โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"เดินเรือกลางคลื่นเศรษฐกิจ" บทเรียนตลาดทุนไทยก่อนเข้าสู่ปี 2569

PostToday

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในวันที่คลื่นเศรษฐกิจซัดแรง
ไม่มีใครกล้ารับปากว่าตลาดหุ้นจะแล่นไปทิศทางใด

แล้วใครจะรู้! ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย ปิดวันสุดท้ายของปีในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 แตะที่ 1,259.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.64 จุด คิดเป็น +0.45% มูลค่าการซื้อขาย 32,518.33 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,260.47 จุด ลดลงต่ำสุด 1,251.35 จุด

ภาพ SETTRADE

ด้วยแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนนักลงทุนบัญชี บล. จำนวน 400.49 ล้านบาท ขณะที่แรงขายของสถาบัน ขายสุทธิ -208.89 ล้านบาท, ต่างประเทศ -48.57 ล้านบาท และรายย่อยในประเทศ -143.03 ล้านบาท

โดยเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นใหญ่ นำโดย หุ้นDELTA, SCB, KBANK, KTB และ PTT

ภาพ SETTRADE

ตลอด 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2568 ดัชนีหุ้นไทยลดลง -140.54 จุด คิดเป็น -10.04% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) 15,931,939.88 ล้านบาท

โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,390.88 จุด ในวันที่ 7 มกราคม 2568 และลดลงต่ำสุดในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 แตะที่ 1,062.78 จุด

มูลค่าการซื้อขายตลอด 1 ปี เฉลี่ย 40,493.55 ล้านบาท แตะขึ้นสูงสุด 74,536.25 ล้านบาท ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และลดลงต่ำสุด 15,638.05 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ภาพ SETSMART

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (วันที่ 3 มกราคม 2566 - 30 ธันวาคม 2568) ดัชนีลดลง -408.99 จุด คิดเป็น -24.51% โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,691.41 จุด ในวันที่ 10 มกราคม 2566 และลดลงต่ำสุดในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 แตะที่ 1,062.78 จุด

ด้วยมูลค่าการซื้อขายตลอด 3 ปี เฉลี่ย 45,558.19 ล้านบาท แตะขึ้นสูงสุด 114,246.35 ล้านบาท ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 และลดลงต่ำสุด 15,638.05 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ภาพ SETSMART / หุ้นไทย 3 ปี

แต่หากมองย้อนไป5 ปีที่ผ่านมา (วันที่ 4 มกราคม 2564 - 30 ธันวาคม 2568) ดัชนีหุ้นไทยลดลง -189.68 จุด คิดเป็น -13.09% โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,713.20 จุด ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 และลดลงต่ำสุดในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 แตะที่ 1,062.78 จุด

ด้วยมูลค่าการซื้อขายตลอด 5 ปี เฉลี่ย 59,200.83 ล้านบาท แตะขึ้นสูงสุด 175,296.31 ล้านบาท ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 และลดลงต่ำสุด 15,638.05 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ภาพ SETSMART / หุ้นไทย 5 ปี

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา "ตลาดทุนไม่ใช่เครื่องจักรที่ฝืนสภาพอากาศได้ หากเศรษฐกิจอ่อนแรง ตลาดก็ย่อมเคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก"

แต่ในความผันผวนที่ควบคุมไม่ได้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องควบคุมให้ได้ นั่นคือ "ความโปร่งใสและความเป็นธรรม"

นี่คือภารกิจหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ใช่การทำให้ดัชนีขึ้น แต่คือการทำให้ระบบ "เชื่อถือได้" ให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอสำหรับการตัดสินใจ ไม่ใช่การเดินเรือแบบปิดตาเสี่ยงดวง

ข้อมูลจากตลาดทุนไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนสถานการณ์ทั้งระบบ ตั้งแต่โครงสร้างผู้ถือหุ้น ไปจนถึงพฤติกรรมการลงทุน ซึ่งช่วยให้ภาครัฐสามารถออกมาตรการดูแลหรือสนับสนุนได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่การหว่านยาไปทั่วทั้งระบบ

เมื่อ"ความเชื่อมั่น" คือ "หัวใจ"

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเดินหน้าสร้างกลไกตรวจสอบให้แข็งแรงขึ้น ผ่าน "โครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+)" ที่ไม่ใช่เพียงการตั้งกติกาใหม่ แต่เป็นการทดลอง ประเมิน และปรับปรุง เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งขณะนี้เริ่มได้รับความสนใจจากบริษัทขนาดใหญ่แล้ว

โครงการ JUMP+ คือ โครงการสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2568 เพื่อสนับสนุนและยกระดับบริษัทจดทะเบียนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มมูลค่า โดยมุ่งเน้น 3 แผนหลัก ได้แก่ แผนการเติบโตทางธุรกิจ (Business Growth Plan), แผนยกระดับธรรมาภิบาล (Governance Plan) และ แผนจัดการสิ่งแวดล้อมลดคาร์บอน (Climate Action Plan)

โดยบริษัทที่เข้าร่วมจะต้องจัดทำแผน 3 ปี และเปิดเผยความคืบหน้าต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยแข็งแกร่งขึ้น

ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เข้าร่วมโครงการ Jump+ แล้วจำนวน 110 บริษัท

กฎเข้าร่วมโครงการ ดังนี้

  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai
  • บริษัทไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CC, CF, NP, SP
  • บริษัทไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
  • บริษัทไม่ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ ภายในระยะเวลา 5 ปี ก่อนวันที่สมัคร*

เป้าหมายของ Jump+ และการผลักดันกลุ่มธุรกิจ New Economy ในปี 2569 ไม่ได้วัดจากคำโฆษณา แต่วัดจาก"ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้" ในระบบตลาดทุน

ระหว่างอยู่ในโครงการ บจ. ต้อง…

  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai
  • บริษัทไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CC, CF, SP* (*ในกรณีติดเครื่องหมาย SP บริษัทต้องดำเนินการแก้ไขเพื่อดำรงสถานะในโครงการ)
  • บริษัทไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
  • บริษัทไม่ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ*
  • บริษัทต้องมี CGR Rating ตั้งแต่ 3 ดาวขึ้นไป สำหรับการประเมิน CGR ประจำปี 2570 และ 2571

โดยบริษัทจดทะเบียนต้องดำรงคุณสมบัติข้างต้นตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์

"ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์" เปรียบการลงทุนในช่วงเวลานี้เหมือนการเดินเรือในวันที่พยากรณ์อากาศไม่นิ่ง คลื่นลมภายนอกอาจควบคุมไม่ได้ แต่การตรวจสอบความพร้อมของเรือ และการใช้เข็มทิศที่แม่นยำ คือสิ่งที่จะพาไปถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย

และเมื่อปี 2569 กำลังจะมาถึง ความไม่แน่นอนยังรออยู่ข้างหน้า ทั้งปัจจัยในประเทศอย่างการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาล และแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก

บทเรียนสำคัญจึงไม่ใช่ "จะซื้ออะไร"
แต่คือ "จะลงทุนอย่างไร"

นักลงทุนถูกเตือนให้ใช้"สติ" มากกว่าอารมณ์ เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานมั่นคงและปันผลสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการซื้อขายแบบเดย์เทรด (Day Trade) ซึ่งอาจกลายเป็นอันตรายในวันที่ตลาดผันผวนรุนแรง

หากเศรษฐกิจไม่แย่ลงกว่าเดิม นั่นอาจถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่การเดินเรือในปีใหม่ครั้งนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับความประมาท

เพราะในตลาดทุน
ผู้ที่รอด ไม่ใช่ผู้ที่เร็วที่สุด
แต่คือผู้ที่ มองเห็นทิศทาง และรักษาวินัยได้ดีที่สุด.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...