โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สกุลเงินเอเชีย “แข็งค่า” เงินบาททำสถิติแข็งสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน

PPTV HD 36

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สกุลเงินเอเชีย “แข็งค่า” เงินบาททำสถิติแข็งสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน แต่ยังไม่ผ่านแนว 31.00 บาท/ดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์เงินบาทช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน แต่ยังไม่ผ่านแนว 31.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าเข้าใกล้แนว 31.00 โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือนนับตั้งแต่มี.ค. 2564 ที่ 31.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง

นอกจากนี้ สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ต่างก็เคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่า

สอดคล้องกับเงินเยนที่ทยอยแข็งค่ากลับมา หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเตือนถึงการเข้าดูแลเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเงินเยน

ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2569 ซึ่งอาจจะมากกว่า 1 ครั้งที่สะท้อนผ่าน Dot Plot ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2568

ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย ออกหนังสือเวียน เรื่อง การซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้า โดยขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 5 แห่ง ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการรับซื้อหรือรับฝากเงินตราต่างประเทศที่มาจากต่างประเทศของลูกค้าที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ โดยเฉพาะ

  • กรณีเงินตราต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวกับค่าทองคำและธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนตั้งแต่ 2 แสนดอลลาร์ฯ หรือเทียบเท่า
  • กรณีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับค่าทองคำทุกจำนวนรายธุรกรรม
  • กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์ฯ หรือเทียบเท่า

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2568 - 2 ม.ค. 2569

KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.90-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่

รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนพ.ย. ของไทย

  • ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ
  • การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
  • สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา
  • ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ
  • บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 9-10 ธ.ค.
  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และยูโรโซน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทยปิดบวกได้เล็กน้อย แม้จะร่วงลงแรงช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อหลัก ๆ จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นำโดย หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก และหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นจากประเด็นข่าวที่ว่าสหรัฐฯ สกัดกั้นและยึดเรือบรรทุกน้ำมันนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงกลางสัปดาห์ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ นำโดย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีปัจจัยบวกจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากกังวลว่าต้นทุนการผลิตจะปรับตัวสูงขึ้นหลังราคาทองแดงพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง

สัปดาห์ที่ 29-30 ธ.ค. 2568

KSecurities คาดแนวรับที่ 1,240 และ 1,230 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,275 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทำ Window Dressing ช่วงสิ้นปี สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ยอดขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. และดัชนีราคาที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท.ส่งหนังสือแจ้งแบงก์รัฐ-เอกชน สกัด "บาทแข็ง" คุมเข้มการไหลเข้าเงินตราต่างประเทศ

ธปท. เผย "ทำไมการซื้อขายทองคำกระทบเงินบาท"ชี้ เพราะมีมูลค่าซื้อ-ขายสูง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สกุลเงินเอเชีย “แข็งค่า” เงินบาททำสถิติแข็งสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

- Website : https://www.pptvhd36.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...