อันตรายของ’พรรคการเมือง’และ’ชาติบ้านเมือง’!!!
จะเป็นเดือนนี้-ปีนี้ หรือเดือนหน้า-ปีหน้า…ก็ยังมิอาจสรุปได้ ว่ารัฐบาล เสี่ยหนู ท่านจะ ยุบสภา กันในช่วงไหน จังหวะไหน (ล่าสุด…เห็นว่าทูลเกล้าฯ ถวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) แต่สำหรับ การเลือกตั้ง ครั้งหน้า ไม่ว่าใครจะมาแรง แซงโค้ง ใครจะนอนมาโดยมี พระสวด นำหน้า หรือไม่? อย่างไร? ดูๆ แล้ว…มันน่าจะชุลมุน วุ่นวาย สับสนอลหม่านกันอีกมิใช่น้อย สำหรับ การเมืองไทย หรือแม้แต่ ชาติบ้านเมือง ที่น่าจะต้องปล้ำผีลุก-ปลุกผีนั่งกันไปอีกตราบนานเท่านาน…
คือไม่ใช่แต่เฉพาะบรรดา พรรคการเมือง ที่ถูกแบ่งกลุ่ม แบ่งขั้ว ออกไปเป็นก๊กๆ โดยจะเป็น สามก๊ก หรือกี่ก๊กก็แล้วแต่ ที่ต่างก็พยายามปรับเนื้อ-ปรับตัวกันไปตาม กระแส แต่ก็ด้วยเหตุเพราะบรรดา ปวงชนชาวไทย นั่นแล ซึ่งคงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า โดย ส่วนใหญ่ แล้ว…มักออกไปทางวูบๆ วาบๆ วิบๆ ไหวๆ ไม่ได้นิ่งๆ หนักๆ แน่นๆ ชนิดที่สามารถสรุปได้ง่ายๆ ว่าคิดอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่หนักไปทางรักง่าย เกลียดง่าย แถมรักไว เกลียดไว จนทำให้การปรับเนื้อ-ปรับตัวของบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือเรื่องที่สามารถปอกกล้วยเข้าปากกันซักเท่าไหร่นัก…
เรียกว่า…วันดี-คืนดี ท่านนายกฯ เสี่ยหนู ที่แทบกลายเป็นวีรบุรุษ ไม่ว่าเพราะนโยบาย คนละครึ่ง หรือเพราะมีรัฐมนตรีคนนอกอย่าง ศุภจี-สีหศักดิ์-เอกนิติ ยืนหยัดอยู่เคียงข้าง แต่พอเจอกับ น้ำท่วมหาดใหญ่ เพียงแค่โครมเดียวเท่านั้น จากวีรบุรุษก็แทบกลายเป็นทุรบุรุษ ในช่วงแค่ลัดนิ้วมือเดียว หรือแค่ช่วงข้ามวัน-ข้ามคืน กว่าที่จะหาทางฟื้นคืนสภาพเดิมๆ สภาวะเดิมๆ ก็คงเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า มิใช่น้อย เมื่อต้องเจอกับ กระแสรักแรง-เกลียดแรง หรือถ้ารักขึ้นมาเมื่อไหร่ก็พร้อมแหกทวารดมได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าหากดันเกลียดขึ้นมาในทันที-ทันใด ก็มีแต่ตายกับตาย หรือเจ๊งกับเจ๊ง เพียงลูกเดียวเท่านั้นเอง…
แม้แต่ หัวหน้าเท้ง ของพวกด้อมส้มทั้งหลายก็เถอะ…ถึงจะขึ้นชื่อลือชาในแง่ความเชี่ยวกรำ เชี่ยวชาญ ต่อการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือทางเทคโนโลยี ประเภท โซเชียลมีเดีย อย่างชนิดหาตัวจับยาก จนสามารถกลายสภาพเป็นพรรคอันดับหนึ่ง มือวางอันดับหนึ่ง ในการเลือกตั้งช่วงหลังๆ มานี้ แต่ถ้าหากปรับเนื้อ-ปรับตัวไม่เข้าร่อง เข้าจังหวะ ดันหันไปยุทหารให้ ปิดฉากระบบฮุน เซน อย่างเป็นการถาวร อะไรที่เคยเพียรพยายาม ทุ่มทุน ทุ่มเท ให้กับความ ดื้อตาใส มาโดยตลอด อาจถึงกับหายเกลี้ยง!!! หรือหายไปจนไม่อาจรักษาตำแหน่งมือวางอันดับหนึ่งได้อีกต่อไป เผลอๆ…อาจถูก เสี่ยหนู หรือเสี่ยอะไรก็แล้วแต่แห่งพรรค เผาไทย แซงหน้า ยกตีนลูบหน้าเอาดื้อๆ…
นี่…อันนี้นี่แหละที่ทำให้ไม่ว่าจะกี่ก๊กต่อกี่ก๊ก หรือก๊กไหนต่อก๊กไหน ต่างก็น่าจะ ลำบาก ไปด้วยกันทั้งสิ้น ต่อการปรับเนื้อ-ปรับตัว ให้เหมาะสม สอดคล้องไปกับกระแส รักแรง-เกลียดแรง หรือ รักเร็ว-เกลียดเร็ว ที่กลายเป็น กระแสหลัก ของสังคมไทยในช่วงหลังๆ ไปแล้วก็ว่าได้ หรือหลังจาก เทคโนโลยี อันสุดแสนจะก้าวหน้า ก้าวไกลของอุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสาร มันได้ทำให้ใครต่อใครกลายเป็นผู้ที่เต็มไปด้วย อัตตา อย่างชนิดน่าขนลุก ขนพองเอามากๆ เต็มไปด้วยผู้ที่เก่งแสนเก่ง ฉลาดแสนฉลาด เต็มไปด้วยกูรู-กูรู้ แถมยังมั่นอก มั่นใจ ภาคภูมิใจในบุคลิกลักษณะ รูปร่าง หน้าตา ของตัวเอง จนต้องนำมาอวด มาโชว์ มาโพสต์ไว้ในโซเชียลมีเดีย ชนิดวันละ 3 เวลา หลังอาหาร จะกินข้าว กินเหล้า จะเข้าส้วม เข้าห้องน้ำ ไปโน่น มานี่ ก็ไม่ได้คิดจะปิดๆ เม้มๆ เอาไว้มั่งเลย…
ส่งผลให้ ความเป็นตัวตนของตน อย่างที่เรียกๆ กันว่า อัตตา ทั้งหลาย มีแต่จะเพิ่มพูน พอกพูน ขึ้นไปตามลำดับ จนอะไรที่ตัวเองไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ มีแต่ต้องถูกต่อต้านและปฏิเสธ อย่างชนิดไม่จำเป็นต้องอาศัย เหตุผล อะไรมากมาย อาศัยเพียงแค่ รสนิยม ล้วนๆ ไม่ต่างไปจากอะไรที่ตัวเองถูกใจ ชอบใจ ก็สามารถตามไปแหกทวารดมได้ทุกเมื่อ อีกทั้งเพราะความชอบใจ-ไม่ชอบใจ ถูกใจ-ไม่ถูกใจ มันสามารถเปลี่ยนผัน เปลี่ยนแปลง ไปตาม ความเร็ว ของข้อมูล ข่าวสาร ที่ทะลักควั่งพรูกรูนรกและสวรรค์มาเป็นกระบิๆ จนกลั่นกรองและแยกแยะอะไรแทบไม่ได้ อันนี้…ยิ่งทำให้อาการรักแรง-เกลียดแรง กลายเป็นรักเร็ว-เกลียดเร็วยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พรรคการเมืองใดๆ ที่ปรับเนื้อ-ปรับตัวไม่ทัน ต่างก็มีแต่จะ ลำบาก ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง!!!
พูดง่ายๆ ว่า…เป็นสังคมที่ออกจะ ขาดสติ ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ต่างไปจากสังคมอื่นๆ ที่ถูกโซเชียลมีเดียเข้ายึดครองครอบงำอารมณ์-ความรู้สึกต่างๆ จนเกิดการย่อยแยก แตกกระจาย หาความเป็น เอกภาพ ใดๆ แทบไม่ได้ หรือที่อาจพอเห็นเป็นอารมณ์-ความรู้สึกเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็มักออกไปทาง สุดโต่ง-สุดสวิง ไปในด้านหนึ่ง ด้านใด ไม่ได้ออกไปทาง กลางๆ หรือ มัชฌิมาปฏิปทา ตามแบบฉบับพุทธศาสนิกชนแต่อย่างใด ด้วยลักษณะอาการเช่นนี้นี่เอง…เลยทำให้ไม่เพียงแต่เฉพาะ การเมืองไทย เท่านั้น ที่คงหนีไม่พ้นต้องสับสน อลหม่าน ไปอีกนานเท่านาน แต่ยังอาจส่งผลให้โอกาสที่จะแสวงหาความสุข สงบ สันติภาพ สันติธรรม ให้กับ ชาติบ้านเมือง ยิ่งออกจะลำบาก ยากเย็น ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น.