หอการค้าไทย มองปีใหม่ 69 เงินสะพัดทะลุแสนล้าน ดันสังสรรค์-แอลกอฮอล์พุ่ง
หอการค้าไทย มองเศรษฐกิจช่วงเทศกาลปีใหม่คึกคักคาดมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 111,000 ล้านบาท นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยใช้เงินเพื่อ “ผ่อนคลายความตึงเครียด” หลังเผชิญแรงกดดันสะสมตลอดปี แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอตัวและประชาชนส่วนใหญ่ยังใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
25 ธันวาคม 2568 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจ “พฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2568” ระบุว่า
การใช้จ่ายช่วงปีใหม่มีแนวโน้ม ขยายตัว 2.1% จากปีก่อน สูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่คาดว่าจะอยู่ราว 1.9% แม้กำลังซื้อโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่บรรยากาศปีใหม่ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนยอมควักกระเป๋า โดยเฉพาะการใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมส่วนตัว ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 62.6% รองลงมาคือการใช้จ่ายทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น 36.4%
ทั้งนี้ปัญหาความเครียดรอบด้าน ดันยอดสังสรรค์พุ่ง เป็นประเด็นที่น่าสนใจจากผลสำรวจ คือ การใช้จ่ายเพื่อ การเลี้ยงสังสรรค์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ โดยมูลค่าการใช้จ่ายด้านสังสรรค์ขยายตัวถึง 27.5% สะท้อนพฤติกรรมการใช้เงินเพื่อ “ผ่อนคลายความตึงเครียด” หลังเผชิญแรงกดดันสะสมตลอดปี
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ความเครียดของประชาชนในปีนี้ไม่ได้มาจากปัญหาเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเหตุการณ์รุนแรงและภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว สถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา และอุทกภัยหลายพื้นที่ ส่งผลให้การสังสรรค์กลายเป็นกลไกเยียวยาทางจิตใจในช่วงปลายปี
เมื่อพิจารณาแผนกิจกรรมช่วงปีใหม่ พบว่า ประชาชนยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมเชิงศาสนาและครอบครัว โดย ไหว้พระทำบุญ ครองอันดับหนึ่งที่ 30.3% รองลงมาคือ สังสรรค์ 17.8% และ เคาท์ดาวน์ 12.3%
ด้านการท่องเที่ยว ในประเทศ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ด้วยมูลค่าใช้จ่ายสูงถึง 48,181 ล้านบาท ขณะที่การท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีสัดส่วนต่ำ เพียง 5,707 ล้านบาท สะท้อนภาวะที่ประชาชนยังระวังการใช้เงินก้อนใหญ่
อีกทั้งเงินออมยังเป็นแหล่งใช้จ่ายหลัก แหล่งที่มาของเงินใช้จ่าย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่นำ เงินออม มาใช้ถึง 36.8% ตามด้วยเงินเดือน 28.6% และเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ 24.8% ซึ่งสะท้อนว่า แม้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ใช่การบริโภคจากความมั่นใจในรายได้ระยะยาว
ทั้งนี้ตัวเลขเงินสะพัดช่วงปีใหม่ที่สูงสุดในรอบ 6 ปี เป็นผลจาก แรงกระตุ้นระยะสั้น ทั้งมาตรการภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส และพฤติกรรมใช้จ่ายตามฤดูกาล มากกว่าจะสะท้อนการฟื้นตัวอย่างแท้จริงของเศรษฐกิจ
“แม้เงินเฟ้อ จะอยู่ในระดับต่ำ แต่ประชาชนยังรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้การใช้จ่ายปีใหม่เป็นการใช้เงินแบบจำกัดขอบเขต และเลือกใช้เพื่อความสุขระยะสั้นมากกว่าการลงทุนในอนาคต” นายธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์ฯ ประเมินว่า หลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ แรงส่งทางเศรษฐกิจอาจอ่อนตัวลงอีกครั้ง หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมหรือสัญญาณฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือนอย่างชัดเจน