โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ลมหนาวมา หวัดก็มา! 9 อาหารต้องห้าม "คนเป็นหวัด" ยิ่งกิน ยิ่งหายช้า

UndubZapp

เผยแพร่ 23 ธ.ค. 2563 เวลา 08.00 น. • อันดับแซ่บ
เป็นหวัด น้ำมูกไหล เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง ลมหนาวเริ่มมา หวัดก็มา และนี่คือ 9 อาหารที่คนเป็นหวัดห้ามกิน ยิ่งกระตุ้นอาการหวัด ยิ่งกิน ยิ่งหายหวัดช้า

เชื่อว่าหลายคนคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยช่วงเวลาหน้าหนาวสุดฟินของปีกันอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งจะเห็นได้ว่าอากาศเย็นๆ ก็เริ่มเข้ามาทักทายประเทศไทยกันบ้างแล้ว แต่นอกจากบรรยากาศหนาวๆ ที่เรารอกัน สิ่งที่เข้ามาทักทายพร้อมกับความหนาวเย็นก็เห็นจะเป็นอาการไข้หวัดต่างๆ ตั้งแต่หวัดธรรมดาไปจนถึงไข้หวัดใหญ่ที่มักจะระบาดอย่างมากเพราะอากาศที่เปลี่ยนไปในฤดูหนาวค่ะ ดังนั้น นอกจากเราต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันหวัดแล้ว การดูแลร่างกายระหว่างที่ไม่สบายก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่ไม่ควรทานระหว่างไม่สบายเพราะจะทำให้หายช้าลงอีกด้วย โดยอาหารแสลงของคนเป็นหวัดจะมีอะไรบ้างนั้น ตาม UndubZapp ไปดูกันค่ะ

1. กาแฟ

ในขณะที่ร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่นั้น ของเหลวหรือน้ำคือสิ่งจำเป็นอย่างมากในกระบวนการต้านเชื้อโรค ถือเป็นโชคร้ายของคอกาแฟที่คาเฟอีนนั้นถือเป็นตัวการสำคัญที่อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ซึ่งนั่นจะทำให้ประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายเราลดลงด้วยค่ะ

2. น้ำส้ม

ถึงแม้น้ำส้มคั้นจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและน่าจะดีต่อผู้ป่วยเช่นกัน แต่สำหรับใครที่มีอาการหวัด รวมทั้งไอและเจ็บคอร่วมด้วยนั้น ควรเลื่อนการดื่มน้ำส้มออกไปก่อนจะดีกว่าค่ะ เพราะกรดซิตริกที่อยู่ในน้ำผลไม้รสเปรี้ยวนั้นจะยิ่งทำให้คุณมีอาการระคายคอมากขึ้นนั่นเอง

3. ขนมหวาน

คำพูดที่ว่า น้ำตาลคือยาพิษนั้น ก็ถือเป็นประโยคที่มีความจริงอยู่ไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะการที่ร่างกายได้รับน้ำตาลเข้าไปจำนวนมากนั้น อาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง สังเกตได้ว่าคนที่กินหวานจนเป็นโรคอ้วนก็มักจะมีร่างกายไม่แข็งแรงและไม่สบายบ่อย ขณะที่คนป่วยก็จะยิ่งหายช้าลงอีกด้วย

4. น้ำอัดลม

สาเหตุก็มาจากความหวานเช่นกัน เพราะยิ่งภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลง ก็จะยิ่งหายช้าลงไปอีก ซึ่งในน้ำอัดลมนั้นถือเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลแฝงอยู่ในปริมาณมากทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มที่เป็นโซดายังทำให้รู้สึกระคายคอมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

5. ขนมกรุบกรอบ

หากใครยังสงสัยว่าผลกระทบจากการกินขนมกรุบกรอบขณะที่คอกำลังอักเสบจะเป็นอย่างไรนั้น ให้ลองนึกภาพการมีกระดาษทรายมาขัดที่ลำคอดูค่ะ ซึ่งขนมจำพวกนี้จะยิ่งสร้างบาดแผลให้กับด้านในลำคอที่กำลังอักเสบอย่างมาก จึงไม่แปลกเลยที่หลังทานขนมจะยิ่งทำให้คุณไอและเจ็บคอมากขึ้นไปอีก

6. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เหตุผลเดียวกับการดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ก็ถือเป็นเครื่องดื่มอีกประเภทที่ทำให้ร่างกายมีอาการขาดน้ำมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ยังถือเป็นอาหารที่แย่ที่สุดสำหรับผู้ป่วยอีกด้วย

7. นม

ถึงแม้ว่านมจะดีต่อสุขภาพ และดูไม่ใช่อาหารแสลงสำหรับผู้ป่วยนัก แต่ก็ถือเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับคนเป็นหวัดที่มีอาการไอจากเสมหะค่ะ เพราะเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์จากนมจะยิ่งทำให้เสมหะเหนียวและขับออกยากมากยิ่งขึ้น และแม้ไม่ใช่อาการที่อันตรายนัก แต่ก็สร้างความรำคาญให้กับผู้ป่วยอย่างมากทีเดียว

8. ของทอด

สำหรับของทอดนั้น นอกจากจะสร้างความระคายคอเช่นเดียวกับอาหารกรุบกรอบแล้ว ในรายที่เป็นหวัดลงกระเพาะ การรับประทานของทอดจะยิ่งทำให้อาการของคุณเลวร้ายยิ่งขึ้นค่ะ เพราะน้ำมันที่อยู่ในอาหารจะทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยลดลง และยังอาจทำให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบอีกด้วย

9. อาหารรสจัด

หลายคนมีความเข้าใจผิดอย่างยิ่งว่าการทานของเผ็ดซึ่งทำให้น้ำมูกไหลนั้น จะช่วยทำให้จมูกโล่งจากการเป็นหวัดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาหารเผ็ดจะยิ่งทำให้เนื้อเยื่อโพรงจมูกระคายเคืองและยิ่งมีอาการคัดจมูกมากยิ่งขึ้นค่ะ ดังนั้น รอให้หายหวัดก่อนแล้วค่อยมาแซ่บกันก็ยังไม่สายนะคะ

กดติดตาม ADD Line @UndubZapp

แซ่บกันต่อ…

>> ฝนตก-อากาศเปลี่ยน “เป็นหวัด” 13 วิธีลาขาดไข้หวัด แบบธรรมชาติ

>> แสบคอ ร้อนกลางอก!! งด 7 อาหารฮิต กระตุ้น “กรดไหลย้อน”

---

อัปเรื่องแซ่บ ฟีดเรื่องมันส์ เม้าท์ทันเพื่อน
Facebook: @UndubZapp
Instagram: @UndubZapp

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...