โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

5 สมุนไพร ที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับ ยาแผนปัจจุบัน ห้ามกินคู่กัน!!

MThai.com

เผยแพร่ 04 เม.ย. 2562 เวลา 07.00 น.
สมุนไพร บางชนิดเมื่อรับประทานร่วมกับยาจะส่งผลให้การดูดซึมของยาลดลง

สมุนไพร บางชนิดเมื่อรับประทานร่วมกับยาจะส่งผลให้การดูดซึมของยาลดลง และทำให้ปริมาณยาในกระแสเลือดลดลงด้วย อีกทั้งยังส่งผลต่อการออกฤทธิ์ยาชนิดนั้นๆ อาจทำให้ยาออกฤทธิ์แรงกว่าปกติหรือยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นการรับประทานสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันค่อนข้างมีความเสี่ยงจึงควรปรึกษาแพทย์หากต้องการทานสมุนไพรคู่กับยาแผนปัจจุบัน นี่คือ 5 สมุนไพรจากการรายงานว่าส่งผลต่อการรักษาหากรับประทานคู่กัน

5 สมุนไพร ที่ไม่ควรทานร่วมกับยา

แปะก๊วย

หากรับประทานแปะก๊วยคู่กับยาแผนปัจจุบันอย่าง แอสไพริน ซึ่งเป็นยาแก้ปวดจะทำให้ลดการเกาะตัวของเลือด และวาร์ฟาริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หากรับประทานคู่กับแปะก๊วยจะส่งผลให้มีโอกาสเลือดออกง่ายและแข็งตัวช้า เพราะในแปะก๊วยมีสารที่จะไปยับยั้งการเกาะของเกล็ดเลือด

กระเทียม

วาร์ฟาริน (Warfarin) เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด จะทำให้มีโอกาสเลือดไหลออกไม่หยุด เพราะในกระเทียมมีสารอะไลซิน (Allicin) และ อะโจอีน (Ajoene) เป็นสารสำคัญในกระเทียมที่จะไปยับยั้งการเกาะกลุ่มของเลือด

ชาและชาเขียว

ไม่ควรรับประทานคู่กับวาร์ฟาริน เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด จะส่งผลให้วิตามินเคในชาเขียว ต้านการออกฤทธิ์ของยา จึงทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร และไม่ควรรับประทานชาเขียวคู่กับ ยาบำรุงเลือด เพราะชาเขียวจะไปยับยั้งการดูดซึมของกรดโฟลิกทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่

โสม

ไม่ควรรับประทานคู่กับอิมาทินิบ (Imatininib) ซึ่งเป็นยาต้านมะเร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงของยาเพิ่มขึ้นและยังเป็นพิษต่อตับ และไม่ควรรับประทานโสมคู่กับ ฟิเนลซิน (Phenelzine) ยาต้านอาการซึมเศร้า ซึ่งจะส่งผลอาการข้างเคียงของยา เช่น เพิ่มการกระตุ้นระบบประสาท

ชะเอม

ไม่ควรรับประทานคู่กับยาแผนปัจจุบันอย่างเพรดนิโซโลน (Prednisolone) เป็นยาต้านการอักเสบสเตียรอยด์ เพราะมีสารสำคัญอย่าง กลีเซอไรซิน ที่จะไปยับยั้งการทำงานที่ตับทำให้ยาอยู่ในร่างกายนานขึ้น และยังส่งผลข้างเคียงของยาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เช่น กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และกระดูกพรุน

อ้างอิงจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...