โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อยระหว่างตั้งครรภ์ ทำอย่างไรให้ดีขึ้น

HonestDocs

อัพเดต 20 ต.ค. 2563 เวลา 02.40 น. • เผยแพร่ 20 ต.ค. 2563 เวลา 02.40 น. • HonestDocs
ตั้งครรภ์แล้วรู้สึกไม่สบายท้อง ควรเลือกกินอย่างไร นอนท่าไหน และมีคำแนะนำอื่นใดหรือไม่ที่จะช่วยให้อาการดีขึ้น

ปัญหาท้องอืดและอาหารไม่ย่อยอันน่ารำคาญนี้ เกิดจากปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายคุณแม่ผลิตออกมามากในช่วงเริ่มตั้งครรภ์ เพื่อคลายเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อเรียบทั่วร่างกาย รวมถึงระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และปวดท้อง โดยเฉพาะหลังจากรับประทานอาหารแต่ละมื้อ

สาเหตุที่ทำให้คนท้องท้องอืด

1. เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของคนท้อง เพื่อให้ร่างกายได้เตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อยค่ะ ในช่วงแรกท้องอืดเกิดจากระบบย่อยอาหารถูกรบกวน แล้วก็จะมีอาการอื่นๆ ตามมาเช่น แน่นท้อง และท้องผูก

2. เกิดจากการขยายตัวของมดลูก เมื่อกระเพาะอาหารที่เบียดด้วยมดลูก ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ บางครั้งทำให้เกิดการหมักหมมในท้องจนเกิดแก๊สในท้อง

3. เกิดจากพฤติกรรมของคุณแม่เอง เช่น การเคี้ยวอาหารที่ไม่ละเอียด กินอาหารรสจัด อาหารทอด หรือผักผลไม้ที่ทำใ้เกิดแก๊สมาก

4. เกิดจากความผิดปกติอย่างอื่น เช่น โรคกระเพาะอาหาร ตับ โรคเบาหวาน และไทรอยด์

5. ทฤษฎีของสาเหตุของการย่อยรวมถึงการป้อนข้อมูลที่ผิดปกติจากเส้นประสาทรับความรู้สึกในลำไส้, การประมวลผลที่ผิดปกติของการป้อนข้อมูลจากประสาทสัมผัสและการกระตุ้นที่ผิดปกติของลำไส้โดยประสาทมอเตอร์

อาการ

อาการหลักของอาหารไม่ย่อยคือ อาการปวดท้องตอนบนหรือไม่สบาย เรอ คลื่นไส้ ท้องอืด รู้สึกอิ่มหลังจากกินอาหารเพียงเล็กน้อย (ต้นอิ่ม) อาการท้องอืด (บวม) และ บางครั้งอาเจียน อาการส่วนใหญ่มักถูกกระตุ้นจากการกิน

อาหารที่ทำให้คนท้องท้องอืด

1. แอปเปิ้ล: แม้ว่าแอปเปื้ลจะมีสรรพคุณในการย่อยอาหาร แต่ก็มีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า เพกทิน ซึ่งจัดว่าเป็นสารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยโดยเอนไซม์ในระบบการย่อยอาหารของร่างกาย ในแอปเปิ้ลมีสารนี้อยู่ประมาณ 0.78% เลยทีเดียว ทำให้บางครั้งที่คุณแม่กินแอปเปิ้ลเข้าไปจะรู้สึกว่ามีแก๊สในท้องเยอะ

2. กะหล่ำปลี: คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการแน่นท้องอยู่แล้ว แนะนำให้หลีกเลี่ยงกะหล่ำปลี เนื่องจากกะหล่ำปลีเป็นผักที่ทำให้คุณแม่ท้องอืดมากขึ้น เพราะมันจะชะลอการย่อยอาหารและทำให้เกิดอาการเสียดท้องได้

3. ถั่ว: ถั่วเป็นอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซอันดับต้นๆ คุณแม่คงได้ยินว่ากินถั่วแล้วตดเหม็นใช่ไหม ความจริงแล้วในถั่วมีน้ำตาลราฟฟิโนส ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดแก๊ส อีกทั้งยังทำให้เกิดการชะลอการย่อยอาหาร หากคุณแม่อยากกินแนะนำให้ล้างน้ำให้สะอาดก่อน

4. แป้ง: แป้งที่ทำให้เกิดแก๊สมาก ได้แก่ แป้งจาก มันฝรั่ง ข้าวโพด ข้าวสาลี ยกเว้นข้าว

5. เครื่องดื่มที่มีแก๊ส: น้ำอัดลม โซดา และน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง

6. อาหารแปรรูป: ขนมขบเคี้ยว ซีเรียล น้ำสลัด อาหารเหล่านี้มีส่วนประกอบที่มีน้ำตาลที่หลากหลาย เช่น น้ำตาลฟรุคโตสและแลคโตส ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดแก๊สได้

7. ของทอด: อาหารทอด ของมัน หรืออาหารรสจัด ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ทำให้คุณแม่ท้องอืดได้

คุณแม่อาจมีอาการอาหารไม่ย่อยตลอดช่วงตั้งครรภ์ แต่ยังพอมีวิธีบรรเทาอาการให้ดีขึ้นอยู่บ้าง หรือลดความถี่ไม่ให้เป็นบ่อยเช่นเดิม ดังนี้

  • สวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ และเบาสบาย ไม่รัดเอวหรือท้องจนแน่น
  • แทนที่จะกินอาหาร 3 มื้อเช่นเดิม ให้ลองแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็กหลายมื้อตลอดทั้งวัน และใช้เวลากินให้นานขึ้น รวมถึงเคี้ยวอาหารให้ละเอียดกว่าที่เคย
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารหรือทำให้ย่อยยาก เช่น โซดา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ซึ่งควรหลีกเลี่ยงอยู่แล้วระหว่างตั้งครรภ์) เนื้อสัตว์แปรรูป อาหารรสจัด ของทอด และอาหารที่มีไขมันสูง
  • ห้ามสูบบุหรี่ (แน่นอน คุณต้องหยุดให้ได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์)
  • รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับเหมาะสมตามเกณฑ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เสมอ

คนท้องท้องอืดควรทำอย่างไรดี?

  • พยายามทานอาหารที่ย่อยง่าย กินผักและผลไม้ที่มีใยอาหารเยอะๆ หลีกเลี่ยงผักและผลไม้ที่มีแก๊ส เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นค่ะ

  • พยายามแบ่งอาหารออกเป็นหลายๆ มื้อ เนื่องจากคนท้องเมื่อท้องโตขึ้นจะเหลือพื้นที่ในกระเพาะอาหารไม่มาก ทำให้กินได้นิดเดียวก็อิ่ม ดังนั้นคุณแม่จึงต้องทานอาหารที่ย่อยง่าย และควรเคี้ยวให้ละเอียดจะได้ย่อยง่าย

  • อย่าปล่อยให้ท้องว่าง เมื่อท้องว่างจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และอย่าทานอาหารรสจัดค่ะ

  • ทานยาแก้อาการท้องอืดค่ะ ซึ่งยาที่คุณแม่สามารถกินได้ มีดังนี้

  • ยาเม็ด : air-x, แอนตาซิล

    • ยาชงดื่ม : อีโน (ได้ผลค่อนข้างดี)
    • ยาน้ำ : อะลัมมิลค์
    • ยาสมุนไพร : ขมิ้นชัน

**คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงยาขับลม ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม (กลุ่มยาธาตุต่างๆ)**

เคล็ดลับอื่นๆ

  • เวลาจะก้มตัว ให้งอเข่าลงก่อนแทนการค้อมเอวก้มลงทั้งตัว
    [* เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ให้รออย่างน้อย 1 ชั่วโมงแล้วค่อยนอนหรือเอนหลัง , * จัดท่านอนให้ส่วนบนของร่างกายอยู่สูงกว่าส่วนล่าง โดยอาจใช้หมอนหนุนหลายใบ , * รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหารตามปริมาณที่แพทย์แนะนำ]

อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ทำตามคำแนะนำแล้วอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาหรือให้วินิจฉัยอาการอย่างละเอียด

👨‍⚕️⚕️👩‍⚕️⚕️ ค้นหาโรค อาการ ยา โรงพยาบาล คลินิก และอ่านบทความสุขภาพ เขียนโดยคุณหมอหรือผ่านการรีวิวจากคุณหมอแล้ว ที่ www.honestdocs.co และ www.honestdocs.id 

💪❤️ ไม่พลาดข้อมูลดีๆ ที่จะทำให้คุณแข็งแรงขึ้นทั้งกายและใจ คลิกที่นี่เพื่อแอดไลน์ @hdcoth หรือแสกน QR Code ด้านล่างนี้ และยังติดตามเราได้ที่ Facebook และ Twitter วันนี้

📱📰 โหลดแอป HonestDocs สำหรับ iPhone หรือ Android ได้แล้ววันนี้! จะอ่านบทความ จะเก็บบทความไว้อ่านทีหลัง หรือจะแชร์บทความให้คนที่เราเป็นห่วง ก็ง่ายกว่าเดิมเยอะ

เปรียบเทียบดีลสุขภาพ ทำฟัน และความงาม จาก รพ. และคลินิกกว่า 100 แห่ง พร้อมจองคิวผ่าน HonestDocs คุณหมอมือถือได้เลยวันนี้ ถูกกว่าไปเอง

ขอบคุณที่วางใจ ทุกเรื่องสุขภาพอุ่นใจ ให้ HonestDocs (ออเนสด็อกส์) คุณหมอมือถือ ดูแลคุณ ❤️

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...