โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

[จบ]เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

นิยาย Dek-D

อัพเดต 28 พ.ค. เวลา 18.11 น. • เผยแพร่ 26 พ.ค. 2566 เวลา 07.50 น. • OfficeOnlybook
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!

ข้อมูลเบื้องต้น

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้หจก. EnJoyBook ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
การแปลนี้จัดร่วมกับ SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
ลิขสิทธิ์แปลไทย ⓒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็นจอยบุ๊ค
---------------------------------------
นิยายแปลเรื่อง เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
ผู้แต่ง :垂耳兔 ผู้แปล : ทีมงาน Onlybook
514 ตอนจบ + ตอนพิเศษ 5 ตอน

เรื่องย่อ: หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้
เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!
เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

ตอนในเล่มจะไม่เท่า e-book 1 เล่มจะมีประมาณ 85 ตอน

** มี E-book เล่มที่ 1 แล้ว **
** วางจำหน่าย E-book ทุกสิ้นเดือน เดือนละ 1 เล่ม **
1 เล่มมีประมาณ 60 ตอนนะคะ

ติดตามข้อมูล ไม่พลาดการอัปเดตได้ที่ : Facebook
หรือพูดคุยกับแอดมินแบบรวดเร็ว แอดไลน์ : @Onlybook

บทที่ 1 องค์หญิง (รีไรท์)

บทที่ 1 องค์หญิง (รีไรท์)

“เสี่ยวเป่า เจ้าเด็กขี้เกียจ ไก่ก็ไม่เลี้ยง บ้านช่องก็ไม่ทำความสะอาดเช็ดถู ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย!”

ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาอันเงียบสงบในตอนเช้าตรู่ ทะเลหมอกสีขาวทอดยาว เสียงไก่ขันปลุกความวังเวง สตรีร่างอ้วนในชุดเนื้อผ้าหยาบผู้หนึ่ง ยืนเท้าสะเอวส่งเสียงคำรามอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

เด็กน้อยที่นางเรียกหากำลังซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเก็บฟืน มือน้อย ๆ ที่เปรอะเปื้อนหยิบผลไม้สีเขียวลูกเล็กขึ้นมากิน

"ไม่เห็นอร่อยเลย"

เด็กหญิงตัวน้อยอายุเพียงสามขวบ ทว่าเนื้อตัวกลับมอมแมม เส้นผมสีดำพันยุ่งเหยิงทำให้รูปลักษณ์ของเจ้าตัวดูน่าเกลียด แต่จะเห็นได้ราง ๆ ว่าผิวพรรณที่แท้จริงของเด็กน้อยนั้นขาวเนียนราวหิมะ ใบหน้าเป็นสัดส่วนทองคำ ดวงตากลมโตเฉกเช่นลูกกวางน้อย เผยให้เห็นความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กเล็ก

เด็กหญิงย่อตัวนั่งอยู่ที่พื้นสกปรก สองมือประคองผลไม้สีเขียวไว้ แม้จะเจ็บแก้มและใบหน้าได้รูปก็บิดเบี้ยวตามรสชาติผลไม้ที่ไม่อร่อย แต่นางจำเป็นต้องทานมันต่อไป

ถ้าไม่กินมัน เสี่ยวเป่าก็จะหิวมาก ๆ และนี่คือสิ่งเดียวที่นางทานได้ในตอนนี้

เพราะท่านป้าจะให้นางทานหมั่นโถวเพียงวันละหนึ่งลูกเท่านั้น

ตั้งแต่ท่านแม่จากไป ชีวิตของเด็กน้อยก็ตกต่ำลงและนางก็ต้องหิวตลอดทั้งวัน

เสี่ยวเป่านั่งลงกับพื้นด้วยความหดหู่ใจ มองแล้วดูน่าสงสารมาก

"ท่านแม่ เมื่อใดบิดาที่ท่านพูดถึงจะมารับเสี่ยวเป่าสักที"

ขณะที่เด็กหญิงพึมพำ เสียงตะโกนและเสียงดุด่าของท่านป้าที่อยู่ข้างนอกก็เหมือนจะหยุดชะงักลง และถูกแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าของม้าจำนวนมาก

"นี่คือบ้านสกุลซูของซูหว่านเหนียงใช่หรือไม่" เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น

เมื่อซูเสี่ยวเป่าได้ยินใครบางคนเรียกชื่อของท่านแม่ หัวทุย ๆ พร้อมผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงก็โผล่ออกมาจากห้องเก็บฟืนอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นสถานการณ์ข้างนอก ดวงตากลมโตของเด็กน้อยพลันเบิกกว้าง เพราะนางพบว่าท่านป้าที่มักจะดุด่านางกำลังพยักหน้าและโค้งคำนับให้กับผู้ที่นั่งอยู่บนหลังม้าในตอนนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ใบหน้าที่แสนดุร้ายยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มอีกด้วย

“ใต้เท้า ข้าขอถามหน่อยว่าซูหว่านเหนียงไปทำอะไรไว้? ข้ารู้ว่านางไม่ใช่คนดี แม้ว่าครอบครัวของเราจะเกี่ยวข้องกับนาง แต่คนก็ตายไปแล้ว นางทำอะไรไว้ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเราอีก”

สำหรับคนทั่วไปแล้ว การมีเจ้าหน้าที่จากทางการบุกมาถึงหน้าบ้านย่อมไม่ใช่เรื่องดี ด้วยเหตุนี้ หม่าซานเหนียงจึงต้องการพูดปัดสวะให้พ้นตัวตั้งแต่ต้น

"โกหก คนเลว แม่คนสวยของเสี่ยวเป่าเป็นคนดีมากต่างหาก!"

เมื่อได้ยินป้าพูดถึงท่านแม่เช่นนั้น ซูเสี่ยวเป่าจึงวิ่งโร่ออกมาปกป้องมารดาด้วยความโกรธ

"นังเด็กสารเลว!"

ทันทีที่หม่าซานเหนียงเห็นซูเสี่ยวเป่า นัยน์ตาก็ฉายแววดุดัน "ดีมาก ซูเสี่ยวเป่า ตอนข้าใช้ให้ทำงาน เจ้ากลับหายหัวเงียบ มาตอนนี้ยังกล้าวิ่งออกมาโต้เถียงกับผู้ใหญ่ นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน*[1]!"

พูดจบ หญิงร่างอ้วนก็ยกมือหมายจะตบตีนาง

ซูเสี่ยวเป่าตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยหลบไปซ่อนทางด้านข้าง

ทว่าตอนนี้เอง มีมือหนึ่งยื่นออกมาหยุดฝ่ามือของหม่าซานเหนียงไว้ "บังอาจ!"

วาจานี้ทรงพลังอย่างยิ่ง หม่าซานเหนียงหน้าถอดสีด้วยความตกใจทันที

เสี่ยวเป่ายังซ่อนตัวอยู่ข้างหลังชายผู้นั้น เด็กหญิงมองชายคนนั้นสลับกับป้าใจร้ายของตนเองไปมาด้วยนัยน์ตาสีดำขลับอันสดใส

ยามนี้ ท่านลุงของซูเสี่ยวเป่าก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับต้าจ้วง บุตรชายของพวกเขา

คนทั้งหมดรีบคุกเข่าและโขกหัวกับพื้นต่อหน้าขุนนางทันที ซูเถี่ยจู้ผู้เป็นลุงของเด็กหญิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า

“ใต้เท้า มาทำอะไรที่บ้านของข้าน้อยหรือขอรับ?”

หลินเจิ้งชิงก้มมองพวกเขา แต่ก่อนจะได้พูดอะไร เขาก็รู้สึกว่าชายผ้าของตนเองถูกกระตุก

หลินเจิ้งชิงก้มศีรษะลงต่ำก็ได้เห็นดวงตากระจ่างใสอันงดงามคู่หนึ่ง

“ท่านเป็นบิดาของข้าใช่หรือไม่?”

หลินเจิ้งชิง "…"

ซูเถี่ยจู้ตกใจมากจนตวาดออกไปว่า "เสี่ยวเป่ากลับมาคุกเข่าเดี๋ยวนี้ เจ้าพูดจาเช่นนั้นกับใต้เท้าได้อย่างไร!"

หลินเจิ้งชิงยอบกายลงต่อหน้าซูเสี่ยวเป่า เขามองเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้า แม้ว่าใบหน้าของนางจะสกปรก แต่ก็พอเห็นเค้าหน้าเดิมได้ราง ๆ

“ข้าไม่ใช่พ่อของเจ้า แต่พ่อของเจ้าส่งข้าเพื่อมารับเจ้า”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก ทำเอาท่านลุงและท่านป้าของเด็กหญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

พ่อของซูเสี่ยวเป่า!

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ตอนนั้นเยี่ยนเหนียงไม่ได้โกหกพวกเขา พ่อของเสี่ยวเป่าเป็นผู้มีอำนาจจริง ๆ พวกเขาคิดอยู่ตลอดว่านางโกหกและเพ้อเจ้อไปเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง!

“แล้วเมื่อใดเราจะไปหาท่านพ่อล่ะเจ้าคะ”

เสี่ยวเป่าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เด็กหญิงหัวเราะอย่างมีความสุข ตอนนี้ นางปรารถนาเพียงแค่ได้เจอท่านพ่อเท่านั้น

"เช่นนั้นก็ไปกันเถิด"

"เจ้าค่ะ! ท่านรอข้าก่อนนะเจ้าคะ"

น้ำเสียงสดใสของเสี่ยวเป่าตอบดังก้อง หลังจากพูดจบ ขาสั้น ๆ ของนางก็วิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว และกลับออกมาพร้อมป้ายวิญญาณแผ่นหนึ่ง

"ไปกันเถอะ"

หลินเจิ้งชิงมองไปก็เห็นว่าเสี่ยวเป่ากำลังถือป้ายวิญญาณของมารดาไว้

"เสี่ยวเป่า"

เมื่อเห็นว่าซูเสี่ยวเป่ากำลังจะจากไปพร้อมกับขุนนางระดับสูง ซูเถี่ยจู้กับหม่าซานเหนียงก็อดไม่ได้ที่จะเรียกนางกลับมา

เด็กหญิงตัวน้อยกำลังจะมีชีวิตที่ร่ำรวยมหาศาลในอนาคต แล้วพวกเขาเล่า??

“อ้อ แล้วก็พวกเจ้า…”

หลินเจิ้งชิงไม่ใคร่ยินดีนักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวของเด็กน้อย

“ทุบตีและดูหมิ่นองค์หญิงน้อยมาโดยตลอด รู้ใช่หรือไม่ว่าต้องได้รับโทษทัณฑ์เช่นไร!”

ซูเถี่ยจู้และหม่าซานเหนียงรู้สึกหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด

"อะ อะ…องค์หญิง!"

พวกเขามองซูเสี่ยวเป่าด้วยความหวาดกลัว ทั้งสองนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กหญิงที่พวกเขาทุบตีและโขกสับต่าง ๆ นานามาโดยตลอดนั้น จะมีชาติกำเนิดที่แท้จริงเป็นถึงองค์หญิงของราชวงศ์ปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าบิดาของนางก็คือ…

ซูเถี่ยจู้กับหม่าซานเหนียงตกใจมากจนทรุดตัวลงกับพื้น ชาวบ้านคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านเดียวกันที่มาสังเกตการณ์ แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้ยินคำพูดของหลินเจิ้งชิงอย่างชัดเจน ก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนอ้าปากค้าง

พวกเขามองไปที่เสี่ยวเป่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา กลายเป็นว่า…นางมีสถานะเป็นถึงองค์หญิง!

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านนึกไปถึงตอนที่ชาวบ้านปฏิบัติต่อมารดาและบุตรสาวคู่นี้ ดวงตาของพวกเขาพลันมืดมนลงชั่วขณะ คนอื่น ๆ ก็รู้สึกผิดเช่นกัน และส่วนใหญ่ก็นึกเสียดายขึ้นมาทันที ถ้า…ถ้าพวกเขาปฏิบัติต่อมารดาและบุตรสาวคู่นี้ดีมากกว่านี้อีกสักหน่อย พวกเขาคงได้รับชื่อเสียงและมีอำนาจมากมายในอนาคตแน่นอน!

และการที่องค์หญิงเคยอยู่ในหมู่บ้านของพวกเขา ก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!

น่าเสียดาย ตอนนี้สายเกินกว่าจะแก้ไขสิ่งใดได้อีกแล้ว

หม่าซานเหนียงกล่าวอย่างทุกข์ระทม ร้องไห้แทบขาดใจ

“มะ ไม่ ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ พวกเราไม่ได้ดูหมิ่นเสี่ยวเป่า นี่เป็นความเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น ปกติเราไม่ได้ใจร้ายกับนางเช่นนี้”

หลินเจิ้งชิงกล่าวตัดบทว่า "เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไร? หากข้าไม่หยุดเจ้าเมื่อครู่นี้ นางคงถูกทุบตีไปแล้วจริง ๆ"

ซูเถี่ยจู้หันไปมองหน้าหม่าซานเหนียงด้วยแววตาดุร้าย "ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามตีเสี่ยวเป่า!"

หญิงร่างอ้วนตกใจจนทั้งร่างและน้ำเสียงสั่นไม่หยุด

"ขะ ข้า…"

[1] เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน มาจากประโยค 个有娘生没娘养的小畜生 แปลได้ว่า มีแม่ให้กำเนิด แต่ไม่มีแม่ให้สั่งสอน

บทที่ 2 ลงโทษ (รีไรท์)

บทที่ 2 ลงโทษ (รีไรท์)

หลินเจิ้งชิงถามเสี่ยวเป่าว่า นางต้องการให้พวกเขาถูกลงโทษอย่างไร

เด็กหญิงถือป้ายวิญญาณของมารดา คิ้วขมวดมุ่น "พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ"

หลินเจิ้งชิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง "เจ้าไม่อยากแก้แค้นให้ตัวเองบ้างหรือ?"

เด็กหญิงสูดลมหายใจเข้า “ถึงแม้พวกเขาจะปล่อยให้ข้าหิวและทุบตีข้า แต่พวกเขายังคงเป็นญาติของท่านแม่ จากนี้ไป เสี่ยวเป่าไม่ต้องการพวกเขาแล้ว ท่านลุงลองปล่อยให้พวกเขาอดอาหารดูบ้าง ปล่อยให้พวกเขาหิวโหยจะได้รับรู้ว่าข้ารู้สึกอย่างไร เท่าก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ ฮึ่ย!”

หลินเจิ้งชิงมององค์หญิงตัวน้อยเบะปากทำเสียงราวกับว่านางลงโทษครอบครัวนี้ได้หนักหนาสาหัส ก็รู้สึกพอใจมาก

เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ นางยังเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งจริง ๆ

หลินเจิ้งชิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ได้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาอดอาหารสักสองวัน"

ตอนนี้ซูเสี่ยวเป่ามีความสุขมาก นางถือป้ายวิญญาณของมารดาและเงยใบหน้ามอมแมมขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตางดงามเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“พวกเราไปหาท่านพ่อกันเถอะเจ้าค่ะ!” เสียงของเด็กน้อยร่าเริงมาก

แม้เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้ แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูอีกฝ่าย

ทว่าเมื่อคิดถึงบิดาผู้บังเกิดเกล้าของซูเสี่ยวเป่าแล้ว เขาก็อดสงสารนางไม่ได้จริง ๆ

หลินเจิ้งชิงพูดอย่างนุ่มนวลว่า "บิดาของเจ้างานยุ่งมาก อาจจะไม่มีเวลามาพบเจ้าเท่าไหร่ แต่จะมีคนคอยดูแลเจ้าอย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้น หากไปถึงพระราชวังแล้วเสี่ยวเป่ายังไม่ได้พบกับบิดา ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เข้าใจหรือไม่?”

ซูเสี่ยวเป่าเอียงหัวอย่างสงสัย "พระราชวังหรือ? ที่นั่นคือที่ใด เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ ใช่บ้านของบิดาหรือไม่?"

หลินเจิ้งชิงอธิบายให้นางฟังว่าราชวงศ์และพระราชวังคืออะไร เสี่ยวเป่าตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เพราะว่านางต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบิดาของตนเองให้ได้มากที่สุด

รถม้าพาเสี่ยวเป่าเข้าไปในเมือง เมื่อม่านของรถม้าถูกเลิกขึ้น เสี่ยวเป่าก็มองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายขณะที่ปากอ้ากว้าง นางส่งเสียงอุทานออกมาตลอดเวลา

"คนเยอะจังเลยเจ้าค่ะ"

ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ นางยังไม่เคยเดินทางเข้าเมืองมาก่อน เมื่อมองไปยังท้องถนนที่จอแจในขณะนี้ สีหน้าของนางจึงมีความสุขมาก

หลินเจิ้งชิงนั่งถัดจากนาง จู่ ๆ เขาก็พบว่าเด็กหญิงตัวน้อยกำลังจ้องมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างกระตือรือร้น ท่าทางความอยากรู้นี้กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด

หลินเจิ้งชิงเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าสถานที่ที่เด็กหญิงกำลังจ้องมองอยู่นั้นเป็นร้านขายซาลาเปา และผู้ขายยังคงตะโกนเสียงดังฟังชัดเจน

"ซาลาเปาจ้า ซาลาเปาลูกโต ๆ"

โครก~!

เสียงท้องร้องดังมาจากท้องของเสี่ยวเป่าในเวลาที่เหมาะสมพอดิบพอดี

เช้านี้นางได้รับประทานเพียงผลไม้รสเปรี้ยว นอกจากจะไม่อิ่มแล้ว มันยังทำให้นางรู้สึกหิวมากขึ้นอีกด้วย

หลินเจิ้งชิงกวักมือเรียก ออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลงไปซื้อซาลาเปา

เมื่อซาลาเปานึ่งลูกโต ๆ ถูกส่งให้เสี่ยวเป่า ดวงตาที่ใสกระจ่างของเด็กหญิงก็เปล่งประกายอย่างน่าอัศจรรย์

"เสี่ยวเป่ากินมันได้หรือไม่?"

ซูเสี่ยวเป่าไม่ได้รับซาลาเปามาในทันที แต่มองหลินเจิ้งชิงกลับไปอย่างน่ารักและน่าสงสาร

“กินได้อยู่แล้ว เพราะซาลาเปาเหล่านี้เป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”

"ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ!"

เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายด้วยความดีใจ หลังจากนั้น นางก็พยายามเช็ดมือที่สกปรก แต่แล้วก็ต้องยอมรับด้วยความลำบากใจว่าตนเองไม่สามารถเช็ดมันให้สะอาดได้

“แวะโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ ข้าจะให้เจ้าได้ไปอาบน้ำ”

เด็กหญิงแสดงรอยยิ้มเขินอาย รับคำว่า "ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ"

หลังจากนั้น นางก็อ้าปากเล็ก ๆ กัดซาลาเปานึ่งยัดไส้แสนอร่อย ซูเสี่ยวเป่ารับประทานด้วยท่าทางพึงพอใจ แก้มที่มอมแมมเล็กน้อยพองกลมและดวงตาก็สดใสขึ้น

นางดูไม่ต่างจากตุ๊กตาตัวน้อยที่ทำให้ผู้คนเอ็นดูได้ตั้งแต่แรกเห็น

ซูเสี่ยวเป่ายัดซาลาเปานึ่งเข้าปากไม่หยุด นางพยายามจะพูดอะไรบางอย่างออกมาตลอดเวลา แต่เพราะในปากมีแต่ซาลาเปา เขาจึงไม่รู้ว่าเด็กหญิงกำลังพูดอะไรอยู่

หลินเจิ้งชิงล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาทำความสะอาดใบหน้าให้แก่เด็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ค่อย ๆ กินเถิด เคี้ยวหมดแล้วเจ้าค่อยพูดออกมาก็ได้"

เสี่ยวเป่าพยักหน้าและรอจนซาลาเปาในปากถูกเคี้ยวจนหมด ก็พูดออกมาด้วยความพอใจว่า "อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ"

ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่นางต้องการจะกล่าวก่อนหน้านี้

แล้วนางก็เริ่มกินซาลาเปาต่อไป…

เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยม เสี่ยวเป่ากินซาลาเปาของตนเองจนหมดแล้ว ท้องเล็ก ๆ หยุดส่งเสียงร้อง แต่นัยน์ตาสีดำขลับคู่สวยยังคงจ้องมองซาลาเปาอีกลูกที่ยังอยู่ในมือของหลินเจิ้งชิงไม่วางตา

หลินเจิ้งชิงกวักมือเรียก สตรีในชุดนางกำนัลรับใช้สีชมพูอ่อนสองนางพลันก้าวมาข้างหน้า แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า

“คุณหนู พวกเราเตรียมน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

หลินเจิ้งชิงกล่าวออกมาว่า "ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วค่อยกลับมาทานต่อ"

ซูเสี่ยวเป่าพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง แต่ก่อนจะจากไป นางยังคงจ้องมองซาลาเปาอย่างไม่เต็มใจอยู่หลายครั้ง ราวกับกลัวว่าซาลาเปาลูกนั้นจะลอยหายไปในสายลมก็ไม่ปาน

เมื่อเด็กน้อยเดินออกไปกับนางกำนัล รอยยิ้มบนใบหน้าหลินเจิ้งชิงก็สลายหายไปในพริบตา

“ไปดูว่าพวกเขาปฏิบัติต่อองค์หญิงอย่างไรบ้าง”

"ขอรับ!"

องครักษ์ที่ถือฝักกระบี่ประสานกำปั้นรับคำสั่งและจากไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเนื้อตัวของเสี่ยวเป่าจะสกปรกและเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง แต่ยังดีที่ไม่มีบาดแผลอยู่บนร่างกายของนาง

หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เด็กหญิงผู้งดงามอ่อนหวานก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทุกคน นางกำนัลสองคนนั้นถึงกับตกตะลึงไปในทันที

"องค์หญิงงดงามมากเลยเพคะ!"

นางกำนัลที่มีนิสัยร่าเริงคนหนึ่งอดประหลาดใจไม่ได้

นี่คือเด็กหญิงผู้อ่อนหวานและงดงามที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมา อีกอย่างนางแทบจำไม่ได้เลยว่า องค์หญิงเคยเนื้อตัวมอมแมมขนาดไหนมาก่อน

เสี่ยวเป่าเคยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากมารดาของนาง อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเด็กน้อยที่สะอาดและงดงามที่สุดในหมู่บ้านอีกด้วย

แต่หลังจากที่ท่านแม่เสียชีวิตไป เด็กหญิงก็เริ่มหิวโหยและร่างกายก็เริ่มผอมแห้ง แต่เมื่อได้อาบน้ำชำระล้างร่างกาย นางก็ยังคงเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่บอบบางและสวยงามดังเดิมอยู่ดี

เสี่ยวเป่าได้อาบน้ำชำระคราบสกปรกแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

“หอมจังเลย!” นางยกเท้าน้อย ๆ ของตนเองขึ้นมาดม

เมื่อเห็นเช่นนี้ นางกำนัลทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ใช่แล้วเพคะ องค์หญิงน้อยของพวกเราตัวหอมมาก ไปเปลี่ยนชุดกันเถิดเพคะ"

ด้วยความช่วยเหลือจากนางกำนัลทั้งสองคน เสี่ยวเป่าก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีเหลืองสดใส โดยปล่อยผมที่เปียกชื้นให้ยาวสยาย นางแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะไปหาหลินเจิ้งชิงเพื่อทานซาลาเปาอีกครั้ง

“องค์หญิง! องค์หญิงเพคะ ได้โปรดวิ่งช้าลงหน่อย!”

แม้เสี่ยวเป่าจะขาสั้น แต่นางกลับวิ่งเร็วมาก

นางกำนัลทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังแทบจะไล่ตามไม่ทัน

หลังจากนั้น นางก็วิ่งไปชนหลินเจิ้งชิงเข้าจนเกือบจะหงายหลัง

เด็กหญิงมองขึ้นไปก็เห็นว่าเป็นหลินเจิ้งชิง จากนั้นดวงตาวาววับก็มองไปที่มือของเขาโดยไม่รู้ตัว

ซูเสี่ยวเป่าหรี่ตาลงทันทีเมื่อไม่เห็นซาลาเปานึ่งที่กำลังนึกถึง

หลินเจิ้งชิงมองเด็กน้อยที่เนื้อตัวสะอาดแล้ว คิ้วกับดวงตาของนางมีความคล้ายคลึงกับผู้เป็นมารดามากทีเดียว

เขาเคยเห็นภาพเหมือนของซูหว่านเหนียงมาก่อน แม้ว่าจะเป็นการเห็นโดยบังเอิญ แต่เขาก็จดจำมันได้เป็นอย่างดี

ซูเสี่ยวเป่าเกิดมามีหน้าตางดงามและชาติกำเนิดสูงส่ง ถือเป็นการหลอมรวมข้อดีของบิดามารดาเข้าด้วยกัน อายุเพียงเท่านี้ก็พอมองออกแล้วว่าเมื่อเติบโตขึ้น นางจะต้องเป็นยอดหญิงงามผู้หนึ่งอย่างแน่นอน

เอาแค่ความคล้ายคลึงกันระหว่างคิ้วกับดวงตาของนาง ก็ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในชาติกำเนิดของเด็กหญิงผู้นี้อีกแล้ว

บางครั้ง ดวงตาที่สดใสของเด็กหญิงก็เผยให้เห็นความหมองหม่น ทุกสิ่งที่นางกำลังคิดมักจะถูกแสดงออกมาทางใบหน้าโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าหลินเจิ้งชิงก็สังเกตเห็นเช่นกันและเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ในขณะที่กำลังหัวเราะไปพร้อมกับนาง

นี่คือองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยของพวกเขา นางควรจะมีชีวิตที่ร่ำรวยและมั่งคั่ง แต่กลับมีชะตากรรมที่น่าเวทนาเหลือเกิน

บทที่ 3 ภูตน้อยผู้อาภัพ (รีไรท์)

บทที่ 3 ภูตน้อยผู้อาภัพ (รีไรท์)

เขากวักมือเรียก แล้วคนรับใช้ที่อยู่ทางด้านหลังก็ยื่นซาลาเปาลูกโตที่ห่อด้วยกระดาษซับน้ำมันมาให้ทันที

"รับไปสิ"

แววตาของเด็กตรงหน้าเป็นประกายขึ้นมาทันที

"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ"

คราวนี้ นางถือซาลาเปาลูกโตด้วยสองมือที่ขาวสะอาด ซาลาเปาที่ร้านนี้ทำใช้วัตถุดิบชั้นดีมากมาย และมันก็มีขนาดใหญ่แทบจะเท่าใบหน้าของนางแล้ว

เสี่ยวเป่ากัดซาลาเปาเข้าปาก แก้มนิ่มขาวนวลราวหิมะพองกลมในพริบตา เด็กหญิงตัวน้อยกำลังกินซาลาเปาอย่างจริงจังและมีความสุขยิ่งนัก

หลินเจิ้งชิงอดไม่ได้ที่จะมองไปด้านข้าง ซาลาเปาร้านนี้อร่อยจริง ๆ หรือ?

พวกเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไปได้ หลินเจิ้งชิงวางแผนจะพาคนออกไปเมื่อซูเสี่ยวเป่าอิ่ม

ทว่าตอนที่เขากำลังจะสั่งให้คนออกเดินทางต่อ ซูเสี่ยวเป่าก็ดึงชายเสื้อของเขาและถามอย่างระมัดระวังว่า

"ข้าขอซื้อของได้หรือไม่เจ้าคะ? เสี่ยวเป่าขอเวลาเพียงนิดเดียวเท่านั้น"

หลินเจิ้งชิงยอบกายลง มือลูบศีรษะของเด็กหญิงที่นางกำนัลรับใช้รวบผมที่แห้งแล้วให้เป็นมวยน่ารัก ดูคล้ายกับนางฟ้าตัวน้อยเสด็จจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์

“ย่อมได้ องค์หญิงน้อยสามารถทำได้ทุกสิ่งที่ต้องการพ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวเป่ายิ้มกว้างจนคิ้วและดวงตาโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว นางดูงดงามและเปล่งประกายที่สุด กลิ่นอายความสุขแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเด็กหญิงโดยไม่รู้ตัว

เป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้คนจะตกหลุมรักนาง

“เช่นนั้น ขอข้านำเงินออกมาก่อนนะเจ้าคะ”

นางหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาจากเสื้อผ้าชุดเก่าอย่างระมัดระวัง และเหรียญทองแดงข้างในก็ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง

เสี่ยวเป่าเทเหรียญทองแดงทั้งหมดออกมานับทีละเหรียญ

เหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญ ซึ่งแต่ละเหรียญล้วนสะอาดหมดจด

ทั้งหมดนี้เป็นของที่มารดาคนสวยทิ้งไว้ให้นาง

เด็กหญิงถือเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญอยู่ในมือและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

"ข้า…ข้าอยากจะซื้อเมล็ดพันธุ์เจ้าค่ะ"

ซูเสี่ยวเป่ามีความลับ ก่อนที่นางจะกลายเป็นบุตรสาวของท่านแม่นั้น อันที่จริง นางเคยเป็นภูตพฤกษาที่กำลังเจริญวัยใกล้จะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ สำหรับภูตพฤกษามันเป็นเรื่องง่ายที่จะรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ เพราะกฎแห่งสวรรค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่น

ทว่า…นางกลับอาภัพ!

ด่านเคราะห์ครั้งล่าสุด นางกลับเผอิญประสบกับมังกรวารีทมิฬ ซึ่งกำลังข้ามผ่านด่านเคราะห์ ทัณฑ์อัสนีของมังกรวารีทมิฬตนนั้นรุนแรงยิ่ง โชคไม่ดีที่นางเข้ามาพัวพัน แล้วสติของนางก็ดับวูบไปในทันที
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็กลายเป็นเด็กแรกเกิดไปเสียแล้ว

นางกลายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ แต่พลังวิญญาณหายไป!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็นึกโมโหขึ้นมาทุกที!

โชคดีที่โลกนี้มีพลังวิญญาณเช่นกัน ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าโลกที่แล้วมาก นางจึงค่อย ๆ สะสมพลังวิญญาณในร่างกายซึ่งมารดาคนสวยเคยใช้มาก่อน

แต่ร่างกายของมารดาอ่อนแอเกินไป พลังวิญญาณจึงมีเพียงเล็กน้อยและเสี่ยวเป่าก็ไม่สามารถช่วยเหลือมารดาได้ เพราะนางยังเด็กเกินไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเป่าพลันรู้สึกเศร้าขึ้นมา

เมื่อครั้งที่ยังเป็นภูตพฤกษา สิ่งที่ซูเสี่ยวเป่าชื่นชอบมากที่สุดคือการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ทุกชนิด จากนั้นก็เสาะหาสถานที่เพื่อปลูกและเฝ้าดูมันเติบโต

ตอนนั้น นางชอบขึ้นไปบนภูเขาเป็นครั้งคราวเพื่อเก็บเมล็ดพืช สิ่งที่นางได้มามักเป็นดอกไม้และพืชป่าทั่วไป

ทว่าตอนนี้นางเป็นมนุษย์แล้ว ไม่สามารถกินได้เพียงน้ำหวานและน้ำค้างอีกต่อไป แต่นางต้องกินอาหารด้วย

เมื่อเผชิญกับความอดอยากก่อนหน้านี้ เสี่ยวเป่าจึงต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์เพิ่มเติม เมื่อไปถึงบ้านใหม่ นางสงสัยว่าจะปลูกมันได้หรือไม่

น่าเสียดายที่นางไม่สามารถนำเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้มาได้

หลินเจิ้งชิงรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นเมื่อเห็นเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญที่เด็กน้อยถืออยู่

นางเป็นถึงพระธิดาเพียงพระองค์เดียวในราชวงศ์ต้าเซี่ย ทว่าชีวิตของนางน่าสงสารเกินไป

หลินเจิ้งชิงกล่าวว่า "ได้แน่นอน องค์หญิงน้อย ท่านสามารถซื้อได้มากตราบที่ท่านต้องการ"

ซูเสี่ยวเป่าเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มหวานในทันที ท่านลุงผู้นี้ใจดีมาก

เพราะเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้มีราคาแพงมาก นางจึงสามารถซื้อได้มากมายด้วยเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญในมือ

เสี่ยวเป่าเลือกเมล็ดผักแต่ละเมล็ดที่อวบที่สุดและแข็งแรงที่สุดสิบชนิดอย่างระมัดระวัง

นางสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ดีขึ้นได้หากรับมันไปดูแลด้วยตนเอง!

“มีเท่านี้เองหรือเจ้าคะ?”

ซูเสี่ยวเป่ามองดูเมล็ดพันธุ์ไม่กี่ชนิด ก่อนจะหวนนึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่นางเคยเก็บไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ

"นี่…นี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ผู้คนนิยมซื้อไปเพาะปลูกทั้งสิ้น"

เสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านเกาหัวแล้วตบมือราวกับจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“โอ้ จริงด้วย! ก่อนหน้านี้มีกองคาราวานพ่อค้าผ่านมาที่ตำบลของเรา พวกเขานำของแปลก ๆ มาให้ หนึ่งในนั้นเป็นเมล็ดพันธุ์ที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เถ้าแก่ของเราก็ซื้อมาและพยายามขายนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ขายไม่ออก เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวข้าจะไปตามเถ้าแก่ออกมาคุย”

พูดจบ เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปยังห้องที่อยู่ด้านในและบอกเจ้าของร้าน จากนั้นนางก็เห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาพร้อมกับเมล็ดพืชด้วยรอยยิ้มมีลับลมคมใน

"นี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ข้าซื้อมาจากกองคาราวาน เจ้าลองดูว่ามีสิ่งที่ต้องการหรือไม่?"

ขณะที่พูด เจ้าของร้านก็ยื่นเมล็ดให้หลินเจิ้งชิง เพราะในหมู่พวกเขาเห็นได้ชัดว่าหลินเจิ้งชิงดูจะเป็นผู้รับผิดชอบการใช้จ่ายทั้งหมด

ซูเสี่ยวเป่าเขย่งเท้า ชะเง้อคอมองของในมือเถ้าแก่อย่างกระตือรือร้น

เด็กหญิงที่เนื้อตัวขาวราวหิมะดูน่าสงสารเล็กน้อย

"ให้นางดู"

หลินเจิ้งชิงแสดงท่าทางให้เด็กหญิงตัวน้อยดู

เจ้าของร้านก็ฉลาดเช่นกัน เขาส่งเมล็ดพันธุ์ให้ซูเสี่ยวเป่าพร้อมกับรอยยิ้ม

เด็กหญิงเห็นเมล็ดพันธุ์ของผลไม้หลายชนิดได้อย่างรวดเร็ว

ในบรรดาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น นางพอใจกับเมล็ดแตงโมมากที่สุด เมล็ดสีดำขนาดเล็กดูแล้วราวกับว่าพวกมันไร้ซึ่งชีวิต

"ข้าอยากได้เมล็ดทั้งหมดนี้ ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ"

เถ้าแก่ยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่

"เพราะเมล็ดพันธุ์พวกนี้มาจากต่างอาณาจักร ข้าต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อพวกมัน แต่ข้าขายสิ่งเหล่านี้ที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงขายให้เจ้าในราคาถูกสุด ๆ เมล็ดทั้งหมดนี้ราคาหนึ่งร้อยเหรียญทองแดงเท่านั้น”

หลังจากเขาพูดจบ รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของเสี่ยวเป่าทันที

เมื่อรวมกับเมล็ดพันธุ์ที่นางเลือกไว้ก่อนหน้านี้ พวกมันก็มีราคามากกว่าหนึ่งร้อยเหรียญทองแดงแล้ว!

เด็กหญิงก้มมองเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญ พลันรู้สึกถึงความยากจนของตนเองในพริบตา

นางถอนหายใจ

"เช่นนั้นข้า…” ขอซื้อมันแค่บางส่วน

"เอาทั้งหมดนี้เลย"

ก่อนที่ซูเสี่ยวเป่าจะทันได้พูดส่วนที่เหลือ น้ำเสียงหนักแน่นของหลินเจิ้งชิงก็ดังขึ้นมา แล้วเขาก็ยื่นก้อนเงินให้เถ้าแก่ร้าน

ซูเสี่ยวเป่า "!!!"

ก้อนเงิน คนรวยนี่นา!

"โอ๊ะ ทราบแล้วขอรับ!"

เถ้าแก่รับเงินไปอย่างรวดเร็วและมอบเมล็ดพันธุ์ให้ราวกับกลัวว่าคนซื้อจะเปลี่ยนใจ

เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างขอบคุณ

"ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ ไว้เสี่ยวเป่ามีเงินเมื่อใดจะต้องใช้คืนท่านลุงอย่างแน่นอน"

มารดาสอนนางเสมอว่า เมื่อยืมเงินผู้อื่นมาแล้วก็ต้องใช้คืนเสมอ มิเช่นนั้นนางจะกลายเป็นเด็กไม่ดี

หลินเจิ้งชิงมององค์หญิงน้อยด้วยความรู้สึกสงสาร ตัวเขาเองก็มีบุตรเช่นกัน แต่ลูก ๆ ของเขาซุกซนเกินกว่าจะควบคุมได้

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงประทับใจเด็กน้อยที่มีนิสัยสุภาพอ่อนหวานอย่างซูเสี่ยวเป่า และต้องอย่าลืมว่านางถึงเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของคนผู้นั้นด้วย

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...