เพราะความรักของ ‘เกย์’ ในชีวิตจริง อาจกว้างไกลกว่าจินตนาการ และการ ‘ฟิคโพ’ ของแฟนๆ...ความตั้งใจของ ‘Shine’ ซีรีส์เกย์เรื่องแรกๆ ที่สวนโพคู่จิ้นและชวนตั้งคำถามว่าที่ผ่านมาเราเผลอสเตริโอไทป์ภาพแฟนตาซีของ ‘เกย์’ กันหรือเปล่านะ?
‘เกย์’ ในชีวิตจริงมีอยู่หลากหลายและเรื่องราวของพวกเขาก็กว้างไกลมากกว่าที่หลายคนได้เห็นแค่ในซีรีส์เกย์ นิยายเกย์ หรือจินตนาการที่ ‘สร้างขึ้นเอง’ ในหัวของผู้คนเวลาเห็นคู่รักเกย์ในชีวิตจริง แล้วอาจเผลอคิดว่าเขาน่าจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ แบบโน้น แน่ๆ เลย รวมถึงโมเมนต์ชวนจิ้นของผู้ชายสองคนที่อาจไม่ใช่แฟนกันจริงๆ แต่เรามองเข้าไปในความสัมพันธ์นั้นๆ ผ่านสื่อต่างๆ แล้วรู้สึกเขินจิกหมอน ไม่ว่าจะเป็นคู่จิ้น official เสิร์ฟตรงจากค่าย หรือคู่จิ้นที่เราแล่นเรือเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาชง เพราะชื่นชอบโมเมนต์สุดๆ ซึ่งหากถอยออกมาสักนิด วางความแฟนตาซีลงสักหน่อย คุณอาจพบว่า Myths หรือ ความเชื่อฝังหัวที่เป็น ‘สูตรสำเร็จ’ ต่อความสัมพันธ์ชาย-ชาย บางครั้งมันอาจจะไม่ได้จริงแบบที่คิด 100% และอาจจะดีกว่ามาก หากเราไม่เอาความคิดหรือความเชื่อของตัวเองไป ‘สเตริโอไทป์’ ใครสักคน
ที่ผ่านมาภาพในหัวของบางคนต่อคู่รักเกย์ อาจยังยึดโยงกับระบบสองเพศ (Gender Binary) ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกับการเสพสื่อบันเทิงต่างๆ ที่อาจมีส่วนให้บางคนลามไปคิดแบบนั้นกับเกย์ในชีวิตจริงด้วย เช่น คนเป็น เมะ / รุก / Top / พระเอก ต้องดู ‘แมน’ เป็นฝ่ายที่เข้มแข็ง หรือพูดง่ายๆ ว่าต้องดู ‘ผัว’ และมีความ masculine สูงกว่าอีกฝ่าย ขณะที่ฝั่ง เคะ / รับ / Bottom / นายเอก ต้องดูเป็น ‘เมีย’ ที่แปลว่าต้องมีความเป็นผู้หญิง มี feminine energy น่ารัก หรือมีมุมสวยๆ บางอย่าง ซึ่งเลนส์การมองนี้ถามว่าผิดทั้งหมดไหม? ไม่ผิดแน่นอน เพราะชีวิตจริงของเกย์ ก็มีคนที่เป็นผัวแล้วแมนกว่า และมีคนที่เป็นเมียแล้วสาวกว่า แต่มันจะผิดทันทีถ้าเราไป ‘เหมารวม’ ว่าทุกคู่จะเป็นแบบนั้นจนสร้างความอึดอัดให้กับคนที่โดนพูดถึง เพราะคนที่ดูแมนกว่าบางคนอาจจะเป็นฝ่ายรับในความสัมพันธ์ คนที่ดูสาวกว่าบางคนอาจจะเป็นฝ่ายรุกในความสัมพันธ์ กระทั่งบางคู่อาจจะออกสาวทั้งคู่ หรือบางคู่อาจจะไม่ออกสาวทั้งคู่ และ ‘สลับ’ ตำแหน่งกันไปมาขณะมีเซ็กซ์กันก็ได้ ซึ่งมันล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้
ตัวอย่างที่น่าชื่นชมมากๆ ที่เราอยากหยิบมาพูดถึง เพราะนี่ถือเป็นซีรีส์เกย์เรื่องแรกๆ ที่กล้า ‘สวนโพ’ ความเชื่อของหลายๆ คน กับ‘Shine’ ซีรีส์เกย์ที่แฝงไปด้วยบริบททางการเมืองจากค่ายเหนือเมฆ หรือ Be On Cloud ซึ่งก่อนหน้านี้ ปอนด์ กฤษดา ผู้บริหารค่าย ก็ประกาศชัดเจนว่านี่คือ ‘Original Gay Series’ ไม่ต้องเลี่ยงไม่ใช้คำว่า ‘เกย์’ อีกแล้ว เพราะชายรักชาย ก็คือเกย์ นำแสดงโดย มาย ภาคภูมิ (รับบทธันวา) และ อาโป ณัฐวิญญ์ (รับบทตฤณ) ซึ่งก่อนหน้านี้ใน KinnPorsche The Series บทบาทของทั้งคู่ก็จับใจแฟนคลับ และทุกคนก็พร้อมใจกันจิ้น ‘มาย-อาโป’ กันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ใน Shine ก็มีหลายซีนที่ทำให้คนดูเริ่มสงสัยหรือเอ๊ะๆ ว่า ตกลงมันธันวาตฤณ จริงไหม? จนตอนที่ 6 หลายคนบนโซเชียลฯ ก็ตบเข่าฉาด! และปรบมือให้กับความกล้าของค่ายนี้ เมื่อภาพที่ออกมาในซีรีส์ดูจะไปทาง ตฤณธันวา หรือ ‘อาโป-มาย’ มากกว่า แม้จะไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจน แต่การสื่อสารที่ไม่ได้ ‘ฟิคโพ’ ให้คนดูอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น ก็นับว่าเป็นการฉีกภาพจำของบางคนต่อการดูซีรีส์เกย์ไปโดยปริยาย และปอนด์ก็ได้มาแชร์ข้อความบน X ส่วนตัวด้วยว่า “ความรักมันไม่จำกัดตำแหน่ง (Position) หรอก” เพื่อเป็นการยืนยันในสารที่ต้องการจะมอบให้คนดู
ขณะที่อาโปก็เคยออกมาพูดเป็นนัยๆ ในตอนที่ 5 ด้วยว่า “จะธันวาตฤณ หรือ ตฤณธันวา เขาก็รักกันเหมือนเดิม ถ้าธันวามันไม่ชั่วกับตฤณอะนะ 5555” ซึ่งก็นับเป็นอะไรใหม่ๆ ที่เราแทบจะไม่ค่อยเห็นในซีรีส์เกย์หรือซีรีส์วายที่ผ่านมาเลย
ก่อนหน้านี้ (จนถึงปัจจุบันก็ยังมีอยู่) สิ่งที่เรียกว่า ‘ฟิคโพ’ (โพซิชัน) บางครั้งก็สร้างเหตุการณ์ท็อกซิก หากคน ‘อินเกิน’ ไป ไม่ว่าจะการทะเลาะกันแรงๆ ในโลกโซเชียลฯ เพราะ ‘สวนโพ’ กันกับคนอื่น เนื่องจากคิดเห็นไม่ตรงกันว่าคู่ที่เราจิ้น ใครเคะ ใครเมะ จนชี้นิ้วด่าอีกฝ่ายว่า เธอผิด ฉันถูก ซึ่งความจริงแล้ว คำว่าถูกกับคำว่าผิด ก็ล้วนเป็นอะไรที่สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น ไปจนถึงบางคนอาจรับไม่ได้ทันที เมื่อผู้สร้างสรรค์ผลงานในซีรีส์ต่างๆ สวนโพกับความรู้สึก และนั่นอาจทำให้เกิดกระแสต่อต้าน จนผู้จัดหลายคนอาจจำกัดตัวเองไว้ว่า ถ้าทำซีรีส์คู่นี้แล้ว ใครโพไหน ก็ต้องเป็นโพนั้นตลอดไป จะเปลี่ยนอีกกี่เรื่องก็ห้ามสวนโพ ซึ่งนั่นอาจเป็นการปิดโอกาสให้งานสร้างสรรค์ยังอยู่ในพื้นที่เซฟโซน ไม่ได้ไปสำรวจอะไรใหม่ๆ ไปโดยปริยาย และแง่หนึ่งก็เป็นการสเตริโอไทป์เกย์ในชีวิตจริงไปด้วยว่าต้องมีฝ่ายที่แมนสุดๆ และสาวสุดๆ ให้ ‘แยกออก’ ให้ชัดๆ ซึ่งเมื่อเกิดการฟิคโพมากๆ เมื่อนักแสดงคนใดคนหนึ่ง ไปรับงานคู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ตัวเอง โดยเฉพาะกับคนเพศตรงข้าม แม้จะมีคนที่พร้อมซัพพอร์ต แต่บางครั้งเราก็จะเห็นแอนตี้แฟนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ‘รับไม่ได้’ หรือ ‘ไม่อิน’ เสมือนอยากจะให้เขาคู่กับคนที่ตัวเองต้องการตลอดไป ในฐานะเกย์ในอุดมคติ
และบางครั้งก็อาจสร้างความน่าอึดอัดใจให้กับศิลปินด้วย เช่น บางคนคาดหวังให้คนคนหนึ่งดูสาวตลอดไป ดูเป็นคนสวยตลอดไป จนถึงบางคนก็เลือกจะชงให้เขาเป็น ‘ผู้หญิง’ ซึ่งก็เข้าข่ายการ misgender เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นเกย์จริงๆ หรือไม่ได้เป็นเกย์ หรือชีวิตจริงจะออกสาวหรือไม่ เขาก็ไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงแต่อย่างใด ขอบเขตของจินตนาการจึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจะตระหนักกันมากขึ้น ที่สำคัญเราอาจต้องแยกแยะการแสดงกับ ‘ชีวิตจริง’ ของเขาว่ามันอาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคิดเสมอไป
ต้องบอกว่า เป็น Top, Bottom, Vers บนเตียง ก็ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับการแสดงออกหรือลุคภายนอกที่คนเห็น เข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า Top คือ รุก Bottom คือ รับ และ Vers คือคนที่เป็นได้ทั้งรุกและรับ โดยบางคนอาจจะมีความชอบที่มากกว่า เช่น เป็น Vers Top เพราะชอบรุกมากกว่า แต่ก็เป็นรับได้แล้วแต่สถานการณ์ หรือเป็น Vers Bottom เพราะชอบรับมากกว่า แต่ก็เป็นรุกได้ตามสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันระหว่างคู่ คนนอกไม่สามารถคิดเองเออเองแล้วแปะป้าย และถึงแม้ภายนอกจะดูแมนๆ ทรงผัว บางคนอาจจะเป็นรับก็ได้ ขณะที่บางคนดูหวานๆ กว่า ก็อาจจะเป็นรุกก็ได้
อย่างใน Shine เราจะเห็นมุมที่มีความน่ารักสดใส ออกจากตัว ธันวา ที่เป็นหนุ่มฮิปปี้ ส่วนตฤณจะดูหล่ออบอุ่น สุขุม และนิ่งกว่า คนจึงอนุมานว่า น่าจะเป็น ตฤณธันวา ซึ่งก็เป็นการสวนโพสาววายหลายคนที่ชิป มาย-อาโป แต่หากคิดไปไกลกว่านั้น ในความจริง คนที่ดูจะมีจริตสาวกว่าในเรื่องอย่างธันวา ก็อาจจะเป็นรุกก็ได้ ใครจะไปรู้ หรือทั้งคู่อาจจะสลับกันตามความรู้สึกก็ได้ เพราะเรื่องนี้ไม่มีเฉลย ให้คนดูไปคิดต่อเอาเอง และไม่ว่าจะสวนโพจริงๆ หรือไม่ได้สวนโพ การทำให้คาแรกเตอร์ของทั้งสองดูไม่ได้เสิร์ฟจนคนฟันธงชัดๆ ว่าใครรุก ใครรับ ก็นับว่าเป็นอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจและดูเป็นกลางทางเพศมากกว่า ไม่ได้ป้อนเข้าปากคนดูอย่างชัดๆ ว่า คนไหนรุก คนไหนรับ เพราะในชีวิตจริง คนที่มีสิทธิ์จะฟิคโพหรือจะไม่ฟิคโพเลย ก็มีแต่คู่เกย์จริงๆ ที่เลือกจะตกลงกันตั้งแต่ต้นตามรสนิยมที่ทุกฝ่าย consent และเป็นตัวเองที่สุด
ส่วนนี้ทำให้เรานึกถึงคู่เกย์ในชีวิตจริง ที่เวลาเดินมาสองคนในชีวิตจริงหรือจะในโซเชียลฯ ก็แล้วแต่ บางคนอาจจะเริ่มตั้งคำถามว่า “ใครผัว ใครเมีย?” / “ใครรุก ใครรับ” ซึ่งในความจริง นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หรือบางคนอาจจะเกิดอาการช็อกหรืออึ้งขึ้นมา เมื่อพบว่า คนที่ตัวเอง ‘เดา’ ว่าน่าจะเป็นรุก เขากลับเป็นรับ หรือคนที่น่าจะเป็นรับ เขากลับเป็นรุก ที่อาจสะท้อนถึงภาพการยึดติดกับอะไรเดิมๆ ฝังหัวที่มีมาอย่างยาวนาน ที่บางครั้งการที่เราใช้สายตาของเราตัดสินความรักของคนอื่น บางทีมันก็อาจสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้กับผู้คนที่โดนตั้งคำถามก็ได้ จะดีที่สุด ถ้าเราไม่เผลอเอาความคิดตัวเอง มาตัดสินว่า อะไรถูก อะไรผิด กับ ‘เพศ’ ของคนอื่นตั้งแต่แรก
ท้ายที่สุด การจิ้นเป็นเสรีภาพ แต่เราอาจต้องจิ้นอย่างมีสติ อย่าคาดหวังว่าเขาจะเป็นไปตามจินตนาการที่เราสร้างเสมอไป หรือจะฟิคโพ ก็ฟิคได้ แต่อย่าใช้ความคิดของตัวเอง เอาไปทำร้ายคนอื่นที่คิดเห็นไม่ตรงกัน และถ้าสมมติจะเผลอ assume เกย์ในชีวิตจริงไปแล้วทันทีที่เห็นว่าใครรุก ใครรับ หรือแยกไม่ออกจนอยากจะรู้โพซิชันของคนอื่น! ก็อยากให้เก็บไว้ในใจก่อน อย่าเพิ่งเอาไปถามหรือพูดถึงคู่เขาอย่างเสียมารยาท เพราะไม่ว่าในความสัมพันธ์เขาจะเป็นอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของคุณเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรเซ่ คว้ารางวัล ‘Song of the Year’ MTV VMA เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เคป๊อป และขอมอบรางวัลนี้ให้กับตัวเองในวัย 16 ปี
- ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองไทยที่วุ่นวาย อาจดีกว่าไหม หากเรา ‘มีสติ’ ในการวิจารณ์นักการเมือง โดยไม่ใช้อคติเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์?
- Sally Rooney นักเขียนชาวไอริช เจ้าของผลงานนวนิยายฮิต Normal People แสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ และอาจทำให้เธอต้องตกเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’ ในสายตารัฐบาลอังกฤษ
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com