โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

‘สรท.’ ซัดปล่อยบาทแข็งเกินปัจจัยพื้นฐาน ฉุดส่งออก-ผลิต-ขีดแข่งขันไทย

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผันผวนเร็ว ว่า เป็นปัญหาของผู้ผลิตและส่งออก/นำเข้าสินค้าอย่างมาก เป็นเรื่องสำคัญอยากให้หน่วยงานที่ดูแลค่าเงิน เร่งบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับสกุลเงินหลัก ด้วยดอลลาร์สหรัฐมีพื้นฐานสำคัญกับการส่งออกและเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเสาค้ำความสามารถแข่งขันของเศรษฐกิจไทย

ซึ่ง สรท. เห็นว่าการบริหารและควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โดยเฉพาะเทียบกับเงินสกุลหลักของโลก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่มีผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และมีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าเสาค้ำเศรษฐกิจด้านอื่น

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญปัญหาเงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริงเพียงอย่างเดียว

แต่ได้รับอิทธิพลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้น ธุรกรรมทางการเงินที่ไม่สอดคล้องกับกิจกรรมเศรษฐกิจจริง (non-trade related flows) และช่องว่างของมาตรการกำกับดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคการส่งออก การผลิต การจ้างงาน และความสามารถแข่งขันในระยะยาว

โดยสรท. เห็นชัดว่าค่าเงินบาทแข็งเกินปัจจัยพื้นฐาน (Overvaluation) ประกอบด้วย

‘สรท.’ ซัดปล่อยบาทแข็งเกินปัจจัยพื้นฐาน ฉุดส่งออก-ผลิต-ขีดแข่งขันไทย

1.ค่าเงินบาทแข็งกว่าประเทศคู่แข่งในอาเซียน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และผู้ส่งออกไทยต้องแบกรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น ขณะที่คู่แข่งได้เปรียบด้านราคา

2.เงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้น (Hot Money) เงินทุนไหลเข้าเพื่อเก็งกำไรค่าเงินและสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ก่อให้เกิดการลงทุนจริงหรือการจ้างงานในประเทศ และสร้างแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วและผันผวน

3.ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง (Hedging Cost) โดย SMEs และผู้ส่งออกขนาดกลางเข้าถึงเครื่องมือบริหารความเสี่ยงได้จำกัด และต้นทุน FX hedging สูงขึ้น กลายเป็นภาระเพิ่มแทนที่จะเป็นเครื่องมือช่วย

สำหรับของเสนอของ สรท. นั้น ควรยกระดับอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเสาค้ำเศรษฐกิจระดับชาติ โดย สรท. ขอเสนอ 1.ให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เป้าหมายเชิงนโยบาย ว่า ค่าเงินบาทต้องไม่แข็งค่ากว่าค่าเฉลี่ยของประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ และใช้ค่าเงินเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นผลลัพธ์ทางการเงินเพียงอย่างเดียว

,2.ควบคุมและกำกับเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจจริง โดยอยากให้พิจารณา ดังนี้ มาตรการแยกแยะเงินทุน เงินทุนเพื่อการค้า การลงทุนจริง เงินทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น การใช้มาตรการเชิงป้องกัน (Macroprudential Tools) เช่น ระยะเวลาถือครองขั้นต่ำ ภาษีหรือค่าธรรมเนียมต่อเงินทุนไหลเข้าในบางลักษณะ เพิ่มความโปร่งใสของธุรกรรม FX ที่ไม่เกี่ยวกับ trade/investment ซึ่งหลักการคือเปิดรับเงินทุนที่สร้างมูลค่า แต่จำกัดเงินทุนที่บิดเบือนระบบ

,3.ใช้นโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนให้ “สอดประสาน” กับเศรษฐกิจจริง โดย สรท. เห็นว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและการดูแลค่าเงินต้องคำนึงถึงภาคการผลิต การส่งออก การจ้างงาน และไม่ควรปล่อยให้ภาคเศรษฐกิจจริงแบกรับต้นทุนจากเสถียรภาพทางการเงินฝ่ายเดียว

และ4.ควรลดต้นทุน FX Risk ให้ผู้ส่งออก โดยเฉพาะ SMEs ทั้ง ขยายโครงการ hedging ต้นทุนต่ำ เพิ่มบทบาทรัฐ/สถาบันการเงินเฉพาะกิจในการร่วมรับความเสี่ยง และส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่น (Local Currency Settlement) กับประเทศคู่ค้า

“รัฐควรสื่อสารต่อสาธารณะว่า ค่าเงินบาทที่เสถียรและแข่งขันได้ไม่ใช่การบิดเบือนตลาด แต่คือการปกป้องฐานการผลิต การส่งออก และการจ้างงานของประเทศ ซึ่งจุดยืนของ สรท. คือ อัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ เสาค้ำความสามารถแข่งขันของประเทศ เงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไม่เหมาะสม เท่ากับ ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง การปล่อยให้เงินบาทแข็งเกินภูมิภาค เท่ากับ บั่นทอนเศรษฐกิจจริง และรัฐต้องมีบทบาทเชิงรุก ไม่ใช่เชิงรับ”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...