Focus หุ้น mai : ARROW เกมต้นทุนต่ำ โครงสร้างพื้นฐานหนุน ชูราคาเหมาะสม 8.10 บ.
#ARROW #ทันหุ้น – ARROW ฟื้นตัวแรง รับอานิสงส์ต้นทุนเหล็กต่ำ มาร์จิ้นเด้งแตะ 29.9% หนุนกำไร 9 เดือนพุ่ง 18% ขณะที่ดีมานด์งานโครงสร้างพื้นฐานกลับมาคึกคัก ฟากโบรกเคาะกำไรปี 2568–69 ขยับมาที่ 153–160 ล้านบาท ชูราคาเหมาะสมใหม่ 8.10 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็กจำกัด ระบุถึง บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW ว่า ARROW รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ดีกว่าคาด 14.6% โดย ARROW มีรายได้จากการขายและบริการงวดไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 311.2 ล้านบาท เติบโต +12.2% เมื่อเทียกับไตรมาสก่อนหน้า จากการรับรู้คำสั่งซื้อที่เลื่อนมาจากไตรมาสก่อนบางส่วน แต่ยังหดตัว -12.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน สืบเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงแรงราว 10–15% ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ ส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อประชาชนลดลง
อัตรากำไรฟื้น
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.9% ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 29.8% ในไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 27.8% ในไตรมาส 3/2567 จากการที่บริษัทเร่งเก็บสต๊อกเหล็กในช่วงเงินบาทแข็งค่า ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง ขณะที่ SG&A ต่อรายได้อยู่ในระดับเฉลี่ย 12.0–12.5% และไม่มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเหมือนไตรมาสก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 40.1 ล้านบาท (ดีกว่าประมาณการที่ 35 ล้านบาท) เติบโต +21.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง -10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนจากฐานสูงปีก่อน
ทั้งนี้ งวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 112.3 ล้านบาท +18.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน คิดเป็น 88.3% ของประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 127.1 ล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 คาดว่ายังเติบโตได้ดี จากงานโครงการใหม่ที่ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานระบบโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ โครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ และโครงการ Data Center หลายแห่ง
ขณะเดียวกัน ภาวะการเมืองที่ชัดเจนหลังได้รัฐบาลใหม่ช่วยสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและงบก่อสร้างเพิ่มเติม อีกทั้งบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ดี จากการเร่งเก็บสต๊อกเหล็กไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับออเดอร์ที่ได้รับแล้ว
ชูพิกัด 8.10 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นจาก 23.5% เป็น 25.5% ส่งผลต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2568–2569 ใหม่ที่ 153.2 ล้านบาท และ 160.4 ล้านบาท เติบโต +36.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ +4.7%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ตามลำดับ พร้อมปรับราคาเหมาะสมปี 2569 เป็น 8.10 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”