โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ดั้งแหมบ

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 20 ม.ค. เวลา 11.40 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. เวลา 10.37 น.

นิสัยเสียของผมข้อหนึ่งคือมักมีความจำแม่นเวลาได้ยินคำพูดแปลกๆ ซึ่งเกิดมาไม่เคยได้ยิน สมัยเด็กๆ ผมเคยดูหนังที่คุณลักษณ์ อภิชาติ ด่านักแสดงหญิงก่อนตบจูบว่า “อีโรงโม่หิน” ซึ่งเป็นคำที่ผมไม่เข้าใจมาถึงบัดนี้ และล่าสุดคำว่า “ดั้งแหมบ” ของคุณทักษิณ ชินวัตร ก็คืออีกคำที่อยู่ในหัวผมไม่มีวันลืม

แน่นอนว่าตอนนี้ผมรู้ว่า “ดั้งแหมบ” หมายถึงอะไร แต่ที่ยังไม่เข้าใจทำไมคุณทักษิณพูดแบบนั้นในสังคมแบบนี้

ยิ่งกว่านั้นคือทำไมคนบางกลุ่มเถียงว่าคำพูดนี้ไม่ได้เหยียดผิว แต่คุณทักษิณพูดเพื่อสะท้อนว่าความงามไม่ได้มีแบบเดียว และรัฐบาลต้องการให้ “ดั้งแหมบ” เป็นความงามระดับสากล

เป็นคำอธิบายที่ฟังแล้วซอฟต์เพาเวอร์ชะมัด และเป็นคำอธิบายที่ฟังแล้วทำให้นึกถึงข้อสังเกตว่าซอฟต์เพาเวอร์ตอนนี้กลายเป็นอะไรก็ได้ รวมทั้งเป็นคำอธิบายที่ชวนให้สงสัยด้วยว่านี่กำลังพูดถึงคุณทักษิณหรือเฟมินิสต์อย่าง Camille Paglia หรือนักเขียนอย่าง Autumn Whitefield-Madrano

ถึงตอนนี้ซอฟต์เพาเวอร์จะมีความหมายแค่กางเกงลายช้างและการตั้งองค์กรสอนอาชีพใหม่ๆ แบบรายการ “ลุงขาวไขอาชีพ” สมัยก่อน แต่หัวใจของซอฟต์เพาเวอร์คือการสร้างสินค้าวัฒนธรรมที่มีมูลค่าและอำนาจนำทางวัฒนธรรม

ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับที่คุณทักษิณพูดว่า “ดั้งแหมบ” เลย

กองเชียร์คุณทักษิณอ้างว่าคุณทักษิณพูดว่า “ดั้งแหมบ” เพราะรัฐบาลอยากให้ความงามแบบไม่มีดั้งเป็นความงามอีกแบบในโลก

แต่ “ดั้งแหมบ” เป็นคุณลักษณะของคนในแถบอุษาคเนย์แทบทั้งหมด อยู่ดีๆ ไทยจะยึด “ดั้งแหมบ” เป็นของไทยแล้วทำให้เป็นสินค้าวัฒนธรรมระดับโลกได้อย่างไร

ถ้า “ดั้งแหมบ” เป็นความงามแบบอุษาคเนย์เพื่อสู้ “ดั้งโด่ง” ไทยก็ไม่ใช่เจ้าของ “ดั้งแหมบ” จนไม่ได้ประโยชน์เต็มที่จากการสร้างมาตรฐานความงามแบบนี้

และยิ่งคุณอุ๊งอิ๊งอ้างว่าพ่อพูดเรื่อง “ดั้งแหมบ” เพราะไม่อยากให้คนไทยทำศัลยกรรมทำจมูกทำนม คำแก้ตัวนี้ก็เป็นเรื่องตลกโดยสิ้นเชิง

หากจะทำให้ “ดั้งแหมบ” เป็นมาตรฐานความงามสู้ “ดั้งโด่ง” รัฐบาลต้องผลักดันให้เกิดหนัง, ละคร, ซีรีส์, แฟชั่น, วรรณกรรม, เซเลบ, เพลง ฯลฯ ที่เชิดชูมาตรฐานความงามแบบ “ดั้งแหมบ” ให้เป็นวัฒนธรรม Pop Culture อีกมหาศาล

ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีทางทำได้และใหญ่เกินศักยภาพรัฐบาลจะทำ

ยิ่งคุณทักษิณพูดเรื่องนี้โดยบอกว่าคนแอฟริกานั้นดำก็ดำ แล้วจมูกก็ “ดั้งแหมบ” ความงามแบบคนแอฟริกายิ่งไม่ใช่เรื่องซอฟต์เพาเวอร์ที่รัฐบาลไทยจะไปยุ่งอะไร

ซ้ำมาตรฐานโลกเรื่องความดำคือความงามก็แข็งแกร่งอยู่แล้วจนไม่ใช่ธุระอะไรของคุณทักษิณ และเราไม่มีศักยภาพทำแบบนั้นเลย

มาตรฐานเรื่องความดำคือความงามเติบโตจากความแข็งแกร่งของอำนาจคนดำ (Black Power) ในแง่อำนาจซื้อและอำนาจการเมืองในสหรัฐยุคสิทธิพลเมือง ทั้งหมดนี้สร้างไม่ได้ ไม่มีใครสร้าง แต่มาจากการต่อสู้ทางการเมืองวัฒนธรรมจนความคิดใหม่มีอำนาจนำแทนการเชิดชูคนขาวกลุ่มเดียว

ความน่าทึ่งของขบวนการ Black Power คือการมีองค์ประกอบที่สู้กับสังคมคนขาวเป็นใหญ่ (White Supremacy) โดยไม่ประนีประนอมทางวัฒนธรรม คนดำสร้างแจ๊ซ, แร็พ, โซล, โทนี่ มอร์ริสัน, Alain Locke, คอร์เนส เวสต์, Tommie Shelby ฯลฯ จนไม่มีทางพูดถึงโลกโดยไม่พูดชื่อเหล่านี้เลย

หนึ่งในนักร้องที่ผมชอบที่สุดคือ Nat King Cole ที่เสียงบาริโทนของเขาเป็นเสาหลักของเพลงป๊อปโลกจนปัจจุบัน แต่ผมชอบ Nat ในฐานะนักเปียโนแจ๊ซไม่น้อยกว่านักร้อง และหลายคนอาจไม่รู้ว่าเมื่อ Nat เป็นคนดำคนแรกที่ร้องเพลงออกทีวีสหรัฐปี 1956 เขาต้องแต่งหน้าให้ขาวเพื่อเอาใจผู้ชม

Nat ออกทีวีครั้งแรกในยุคที่คนดำห้ามขึ้นรถเมล์และเรียนโรงเรียนเดียวกับคนขาว แต่หลังจากนั้น 53 ปี สหรัฐมีคนดำเป็นประธานาธิบดีคนแรกในปี 2009 และมีโอกาสมีประธานาธิบดีหญิงเชื้อสายอินเดียในปี 2024

ขณะที่คุณทักษิณพูดเรื่อง “ดั้งแหมบ” ว่าคนแอฟริกาตัวดำจมูกแบนจนหายใจไม่ดี

“ดั้งแหมบ” คือการเหยียดผิวและเหยียดเชื้อชาติแน่ๆ เพราะมีการใช้คำพูดแบบเหมารวมกับคนบางเชื้อชาติ (คนแอฟริกาดำก็ดำ) และตีตราว่าเชื้อชาตินั้นด้อยกว่าเชื้อชาติอื่น (ดั้งแหมบหายใจลำบาก) ไม่ว่าคนพูดจะชื่อทักษิณหรือไม่ และไม่ว่าจะตั้งใจเหยียดหรือเพราะความเขลา (Ignorance) ก็ตาม

ผมคิดว่า “ดั้งแหมบ” เป็นปรากฏการณ์ของคนรุ่นคุณทักษิณจำนวนมากซึ่งไม่รู้ว่าคนรุ่นปัจจุบันในโลกทุกวันนี้ให้คุณค่ากับความหลากหลาย, การไม่เลือกปฏิบัติ, การเคารพความแตกต่าง และไม่ยอมรับวัฒนธรรมที่เหยียบกดดูถูกคนอื่นให้ต่ำเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้นอย่างที่คุณทักษิณทำลงไป

ไม่ใช่ความลับว่าคุณทักษิณเชื่อและทำให้คนอื่นเชื่อว่าคุณทักษิณ “ทันสมัย” กว่าคนแก่คนอื่นในรุ่นเดียวกัน และเมื่อเทียบกับคนรุ่นไล่เลี่ยอย่างคุณชวน หลีกภัย, คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ และคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณทักษิณก็ดู “ทันสมัย” กว่าคนเหล่านี้จริงๆ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณทักษิณจะเป็นคนที่เท่าทันโลกที่สุดในสังคม

สังคมไทยปี 2568 เหมือนสังคมอื่นในโลกที่เปลี่ยนจนเกิดปัญหาใหม่ๆ ที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชอบเรียกแบบฝรั่งว่า “ความท้าทายใหม่ๆ” และหลายประเทศพูดถึง Responsive and Just Governance หรือระบอบการปกครองที่ตอบสนองความท้าทายใหม่ๆ อย่างเป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลนี้ไม่พูดถึงเลย

รัฐบาลประยุทธ์คิดผิดเรื่องให้คุณประยุทธ์เป็นประธานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ใครไม่ทำตามจะถูกดำเนินคดี แต่ความคิดเรื่องรัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์นั้นไม่ผิด และสิ่งที่ขาดไปในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร คือการคิดเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งไม่มีทั้งคู่ เพราะกลไกรัฐบาลหวังพึ่งพิงคุณทักษิณอย่างเดียว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นทั้งเจ้าของและสินทรัพย์สำคัญที่สุดของรัฐบาล ปัญหาคือรัฐบาลจะทำอย่างไรหากคุณทักษิณไม่ไวต่อความเปลี่ยนแปลงและ “ความท้าทายใหม่” ในโลกปัจจุบันต่อไปอีก

คำพูดเรื่อง “ดั้งแหมบ” สะท้อนการไม่อัพเดตซอฟต์แวร์ตัวเองของคุณทักษิณซึ่งมีอีกหลายกรณี

ในการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณที่หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นครั้งล่าสุด คุณทักษิณแสดงแนวคิดฟื้นฟูเศรษฐกิจที่หลายเรื่องไม่สมเหตุสมผลจนไม่ควรทำต่อไปอย่างที่สุด ตัวอย่างเช่น การฟื้นฟูตลาดหุ้นโดยฟื้นนโยบาย LTF ทั้งที่กองทุน LTF ในรอบหลายปีตกต่ำจนคนส่วนใหญ่ขาดทุนมากกว่ากำไร

ด้วยเงื่อนไขที่ตลาดหุ้นยุครัฐบาลเพื่อไทยตกต่ำกว่ายุครัฐบาลประยุทธ์ และตลาดหุ้นไทยในรอบสิบปีแทบไม่เติบโตเลย นโยบาย LTF กลายเป็นนโยบายที่ถูกมองว่ามีแต่กองทุนและสถาบันการเงินที่ได้ประโยชน์ ขณะที่ผู้ซื้อไม่ได้อะไร และประเทศเสียโอกาสได้ภาษีที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยไปฟรีๆ

ปี 2025 คือปีที่โลกเกิด “ความท้าทายใหม่” ในความหมายของ World In Flux หรือโลกผันผวนหลายแง่มุม ตัวอย่างเช่น การกีดกันการค้าและกำแพงภาษีแบบทรัมป์ส่งผลต่อโลกแค่ไหน ประเทศฝ่ายใต้ควรปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐอย่างไร ทำอย่างไรกับค่าเงินสหรัฐที่แข็งขึ้นระยะยาว ฯลฯ

เฉพาะในประเทศไทยเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ ภาคการผลิตไม่โต การจ้างงานใหม่ไม่เกิด การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีแจกเงินไม่ได้ผล รายได้เฉลี่ยประชาชนไม่เพิ่ม การค้าขายฝืดเคือง และทั้งหมดนี้ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรแม้แต่นิดเดียว

จุดขายของคุณทักษิณคือการทำให้คนเชื่อว่าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วเศรษฐกิจไทยโต แต่ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยโตนั้นต้องการมากกว่าความเชื่อ และวิสัยทัศน์ที่คุณทักษิณแสดงในหลายเวทีไม่เคยพูดถึง “ความท้าทายใหม่” ว่ามีทางออกอย่างไรนอกจากการแจกเงินและการทำบ่อนเลย

ถ้าคุณทักษิณคือ Visionary Leadership อันดับหนึ่งของรัฐบาล วิสัยทัศน์ที่คุณทักษิณพูดไม่ได้ให้หลักประกันว่าเศรษฐกิจไทยจะโตและคนไทยจะได้อะไรจากการเติบโตแม้แต่นิดเดียว

ปัญหาใหญ่ของประเทศเวลานี้คือ การเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยและเศรษฐกิจไร้อนาคต สองเรื่องนี้รัฐบาลยังให้ความหวังไม่ได้ วิสัยทัศน์คุณทักษิณไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และอาจถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ประเทศต้องมีผู้นำความคิดกลุ่มใหม่ๆ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศสักที

คนรุ่นเดียวกับคุณทักษิณควรพัก เช่นเดียวกับคุณทักษิณที่ควรพักเหมือนคุณชวน, คุณประยุทธ์ และคุณประวิตร และคนไทยควรมีรัฐบาลที่เข้าใจโลกจนรู้ว่า “ดั้งแหมบ” เป็นคำที่ไม่ควรพูดเลยในโลกปัจจุบัน

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดั้งแหมบ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichonweekly.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...