โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

กรมชลฯ วางยุทธศาสตร์จัดการน้ำสู่ชุมชนเพื่อเกษตรทุกภูมิภาค

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 02 ก.ค. 2563 เวลา 12.10 น. • เผยแพร่ 02 ก.ค. 2563 เวลา 12.10 น.

เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในการใช้น้ำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย “นายทองเปลว กองจันทร์” อธิบดีกรมชลประทาน บอกว่า กรมชลประทานได้วางยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชน ทั้งในด้านการขยายตัวของพื้นที่และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรอบคอบรัดกุม ซึ่งส่งผลต่อปัญหาเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็น น้ำแล้ง น้ำหลาก โดยเฉพาะการจัดเตรียมมาตรการป้องกันภัยแล้งและอุทกภัยด้วยการแจ้งเตือนให้ทุกชุมชนได้ทราบกันล่วงหน้า เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

โดยกิจการชลประทานในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มด้วยมีพระราชดำริให้ขุดลอกคลองเก่าและขุดคลองขึ้นใหม่ในพื้นที่ราบภาคกลางของประเทศจำนวนมากเมื่อ พ.ศ.2431 และโปรดเกล้าฯให้ตั้งกรมคลองขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2445 ถึงวันนี้ ผ่านไป 118 ปีแล้ว และกรมชลประทานก็ได้ทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำขยายพื้นที่จากจุดเริ่มต้นประมาณ 680,000 ไร่ จนมีมากกว่า 33.98 ล้านไร่

“นายทองเปลว” สรุปการดำเนินงานของกรมชลประทานโดยแบ่งเป็น 4 ยุคสมัย ได้แก่ ยุคแรกนั้นเป็นยุคจัดหาดำเนินการเพื่อจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรม มีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ เช่น โครงการป่าสักใต้ : เขื่อนพระราม 6 ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ประกอบด้วยเขื่อนทดน้ำปิดกั้นแม่น้ำป่าสักพร้อมระบบส่งน้ำ รวมพื้นที่รับประโยชน์ 680,000 ไร่ การขุดคลองระพีพัฒน์ ยุคที่ 2 เป็น ยุคจัดเก็บ เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการชลประทานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำหลักบนลำน้ำสาขาต่าง ๆ

ยุคที่ 3 เป็นยุคจัดสรร เป็นยุคของการขยายการชลประทานเพื่อจ่ายน้ำให้การเกษตรและพัฒนาระบบชลประทาน นำน้ำเข้าสู่ไร่นาแปลงเกษตรกรรม ด้วยการดำเนินงานก่อสร้างระบบคันคูน้ำและจัดรูปที่ดิน เพื่อแพร่กระจายน้ำให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำเป็นภาคีเครือข่าย,ทำระบบโทรมาตรเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม ,บริหารจัดการระบบชลประทานโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม, จัดตั้งคณะกรรมการจัดการชลประทานเพื่อพิจารณาแผนการส่งน้ำ , แผนการบำรุงรักษาระบบชลประทาน และประเมินผลการดำเนินงาน ,มีการใช้พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยจัดรูปที่ดินให้สมบูรณ์ทั่วถึงทุกแปลง เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต การจัดระบบน้ำ จัดระบบชลประทานจากทางน้ำชลประทานในพื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง ปัจจุบัน พื้นที่จัดระบบน้ำ 11,209,820 ไร่ พื้นที่จัดรูปที่ดิน 2,017,298 ไร่ รวม 13.227 ล้านไร่ กำหนดเป้าหมายพื้นที่ทั้งหมดตามศักยภาพการพัฒนา 14.461 ล้านไร่ ตามแผนแม่บทการจัดรูปที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2558

ยุคที่ 4 เป็นยุคของการก้าวเข้าสู่มิติใหม่ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำภาคการผลิตของประเทศ โดยการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำในเชิงลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบผ่านกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมทุกรูปแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ศักยภาพของบุคลากร นวัตกรรมและองค์ความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย และเป็นยุคที่การดำเนินการของกรมชลประทานจะต้องสอดคล้องกับหลากหลายกิจกรรมในสังคม การวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานชลประทานอย่างมีทิศทาง ภายใต้ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี

“นับว่าเป็นยุคที่การดำเนินงานจะต้องสอดประสานกับองค์ประกอบของสังคมในทุก ๆ ด้านอย่างลงตัว ต้องศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายความมั่นคงด้านน้ำ รวมถึงกระบวนจัดการน้ำ ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นหลัก”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...