“เต่ามะเฟือง” เต่าที่อาจรอดชีวิตตอนเกิดแค่ 1 ใน 1,000 ตัว และกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์เพราะโลกรวนและฝีมือมนุษย์
“เต่ามะเฟือง” เต่าที่อาจรอดชีวิตตอนเกิดแค่ 1 ใน 1,000 ตัว และกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์เพราะโลกรวนและฝีมือมนุษย์
'เต่ามะเฟือง' นักเดินทางแห่งท้องทะเลผู้เป็นอินโทรเวิร์ต (เราตั้งฉายาให้เองแหละ) จากการที่ใคร ๆ ก็รู้ว่า “ไม่ใช่ที่ไหนก็ได้หรือเวลาไหนก็ได้ที่เต่ามะเฟืองจะยอมวางไข่ แต่ต้องเป็นที่ที่คุ้นเคยและสงบมากพอ” หลายปีที่ผ่านมาเรามักได้ยินข่าวมากมายเกี่ยวกับการโดนคุกคามทั้งเกยตื้นตาย ผ่าซากออกมาเจอขยะทะเล รังไข่โดนขโมย ไปจนถึงการต้องว่ายไปวางไข่ที่หาดอื่น ๆ เพราะ 'บ้านเดิม' ของพวกเธอวุ่นวายเกินกว่าที่จะเดินขึ้นไปวางไข่
เต่ามะเฟือง ถูกนับเป็นเต่าทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเธอสามารถทะยานน้ำหนักไปถึงรุ่น Heavy Weight 900 กิโลกรัมได้ทีเดียว
สถานะของเต่ามะเฟืองถูกจัดเป็นสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ และในทางกฎหมายถูกบรรจุเป็น 'สัตว์ป่าสงวนของไทย' ใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 แม้สถานะจะจัดเต็มเช่นนี้ แต่สถานการณ์กลับตรงกันข้าม ด้วยภัยคุกคามต่าง ๆ ในน่านน้ำไทยทำให้ในช่วงหลังจำนวนเต่ามะเฟืองที่ผสมพันธุ์และวางไข่ในไทยเหลือเพียงไม่ถึง 10 ตัวต่อปี รวมถึงสถิติของเต่าทะเลโดยรวมในรอบ 5 ปี หลังพบว่ามีตายจากขยะทะเลเฉลี่ย 20 ตัว/ปี และรอดชีวิตหลังวางไข่เฉลี่ยเพียง 20%
อัตรารอดแรกเกิดของเต่าที่เลวร้ายที่สุดอาจมีแค่ 1 ใน 1,000
จากรายงานของผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่า ในช่วงฤดูวางไข่ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนเม.ย.67 ต่อเนื่องถึงปี 68 บริเวณฝั่งทะเลอันดามันมีแม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่เพียงแค่ 7 รัง จำนวนรวมเกือบ 1,000 ฟอง แต่เรื่องโหดร้ายกว่าคือการที่พบว่า ‘จำนวนลูกเต่าที่ลืมตาดูโลกอยู่ที่ประมาณ 20 ตัวจาก 1,000 เท่านั้น’
ใช่แล้ว มีเพียงแค่ 20 ฟองจาก 1,000 ฟองที่รอดมาเป็นลูกเต่าลืมตาดูโลก เหตุผลที่ทำให้อัตราการรอดของลูกเต่าน้อยลงนั้นมีปัจจัยมาจากสภาพหาดที่เปลี่ยนไป และปัจจัยใหญ่อย่างสภาวะโลกร้อน
ที่ต้องใช้คำว่า ‘โลกร้อน’ ก็เพราะการที่อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นส่งผลต่อเพศกำเนิดของเต่าทะเล โดยปกติเพศของเต่าทะเลจะถูกกำหนดโดยอุณหภูมิผืนทรายโดยรอบก่อนฟักตัว หากอุณหภูมิต่ำกว่า 27.7 องศาเซลเซียส ลูกเต่าจะฟักตัวออกมาเป็นเพศผู้ แต่หากอุณหภูมิสูงกว่า 31 องศาเซลเซียส ลูกเต่าจะฟักออกมาเป็นเพศเมีย ดังนั้นแล้ว ยิ่งอุณหภูมิโลกสูงขึ้น ลูกเต่าก็จะยิ่งฟักออกมาเป็นเพศเมีย และนําไปสู่ 'ไข่ลม' ที่ไม่มีน้ำเชื้อผสมหรือไม่ได้ผสมพันธุ์กับตัวผู้ที่แข็งแรง ซึ่งบางรังไม่มีลูกเต่ารอดเกิดเลยก็มี
แต่ความหวังของเต่ามะเฟืองก็ยังไม่จมหาย เมื่อไทยมีบุคลากรเก่ง ๆ ที่อยู่แถวหน้าเวทีโลก
แม้เราจะคุ้นเคยว่าสถานการณ์ทะเลไทยไม่สู้ดีนัก แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง เรามีบุคลากรมากมายที่ทุ่มเทอนุรักษ์ เพาะพันธุ์และอนุบาลสัตว์ทะเลเหล่านี้ให้ยังคงมีแนวโน้มที่กลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะงานของเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ภูเก็ต ที่ทุ่มเทกับการอนุบาลเลี้ยงลูกเต่ามะเฟือง จนเติบโตและปล่อยสู่ทะเลอันดามันได้ แม้แต่องค์กรอนุรักษ์เต่าทะเลระดับโลกอย่าง Upwell ของสหรัฐอเมริกาก็เข้ามาให้ความสนใจจนพี่หิรัญ กังแฮ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยฯ ก็ถูกเชิญไปบรรยายให้กับนักวิจัยทั่วโลกด้วย
ท้ายที่สุด ในวันที่เรายังคงเปิดเจอข่าวร้ายซ้ำ ๆ สัตว์ทะเลยังโดนคุกคามมากขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม สิ่งเหล่านี้เราคงแก้ให้หมดไปเลยในเร็ววันไม่ได้ แต่การมีความหวังและเดินหน้าลงมือทำยังคงเป็นเรื่องที่โลกใบนี้ยังต้องการมาก ๆ และช่วยกันส่งเสียงให้ถึงภาครัฐ ให้เกิดการปฏิบัติเชิงนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น จริงจังมากขึ้น เพื่อให้ความตั้งใจเหล่านี้กลายเป็นความเปลี่ยนแปลงในระยะยาวต่อโลกของเราให้ได้
อ้างอิง
https://mgronline.com/south/detail/9680000036877…
https://www.facebook.com/photo?fbid=5047469652048108&set=a.1745027465625693
https://www.facebook.com/photo/?fbid=4719744984820578&set=a.1745027465625693