ไข่ต้องห้ามมี 6 ชนิด ที่ไม่ควรนำมากิน เลี่ยงไว้จะดีกว่า
มาดูกันว่า “ไข่ต้องห้ามมี 6 ชนิด” ที่เราเห็น หรือเผลอนำมาบริโภค อาจแฝงอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่คุณคิด? นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารต่างชี้ตรงกันว่า ไข่บางประเภทควรหลีกเลี่ยง เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรัก
ไข่ต้องห้าม 6 ชนิด ที่ไม่ควรนำมากิน เลี่ยงไว้จะดีกว่า
1. ไข่ที่มีรอยร้าวหรือแตก
ดูเผินๆ อาจจะคิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย แค่เปลือกแตกหน่อยเอง แต่แท้จริงแล้วเปลือกไข่ทำหน้าที่เป็นปราการป้องกันเชื้อโรค เมื่อเปลือกไข่ร้าวหรือแตก เชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากภายนอก เช่น เชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) สามารถปนเปื้อนเข้าไปในเนื้อไข่ได้ง่ายมาก การบริโภคไข่ที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเหล่านี้ อาจนำไปสู่อาหารเป็นพิษ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียอย่างรุนแรง
2. ไข่ที่มีคราบสกปรกติดอยู่
ไข่ที่ซื้อมาแล้วมีคราบดิน คราบมูล หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คราบเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียจำนวนมาก การนำไข่มาล้างก่อนเก็บก็ไม่ได้รับประกันความปลอดภัย 100% เพราะน้ำอาจช่วยพาเชื้อโรคผ่านรูพรุนเล็กๆ บนเปลือกไข่เข้าไปในเนื้อไข่ได้ ทางที่ดีคือเลือกไข่ที่สะอาด ไม่มีคราบติดเลยจะดีที่สุด
3. ไข่ที่แช่น้ำหรือเปียกชื้น
เปลือกไข่มีชั้นเคลือบธรรมชาติที่ช่วยป้องกันการซึมผ่านของอากาศและเชื้อโรค เมื่อไข่เปียกน้ำหรือถูกแช่น้ำ ชั้นเคลือบนี้จะถูกทำลาย ทำให้รูพรุนบนเปลือกไข่เปิดออก และเชื้อโรคสามารถแทรกซึมเข้าไปในไข่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็นน้ำที่ไม่สะอาด การเก็บไข่ในที่ชื้นแฉะก็เป็นปัจจัยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียด้วยเช่นกัน
4. ไข่ที่เก็บไว้นานเกินไป (ไข่เก่า)
เช่นเดียวกับอาหารสดอื่นๆ ไข่ก็มีวันหมดอายุเช่นกัน เมื่อไข่ถูกเก็บไว้นานเกินไป ไม่ว่าจะเป็นที่อุณหภูมิห้องหรือในตู้เย็น คุณภาพของไข่จะลดลง ไข่ขาวจะเหลวขึ้น ไข่แดงจะไม่กลมสวย และที่สำคัญคือความเสี่ยงในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ การบริโภคไข่ที่เก่าเกินไป อาจทำให้ท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้ หากไม่แน่ใจว่าไข่สดหรือไม่ ลองนำไปลอยน้ำดู ถ้าจมน้ำแสดงว่ายังสด ถ้าลอยขึ้นมาแสดงว่าเริ่มเก่าแล้ว
5. ไข่ดิบหรือไข่ที่ปรุงไม่สุก
แม้จะเป็นที่นิยมในบางเมนู เช่น ไข่ลวก ยำไข่ดาวไม่สุก หรือในอาหารญี่ปุ่นบางชนิด แต่การบริโภคไข่ดิบหรือไข่ที่ปรุงไม่สุกมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อซัลโมเนลลา หรือแบคทีเรียอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การปรุงไข่ให้สุกทั่วถึง เช่น ไข่แดงและไข่ขาวต้องแข็งตัว จะช่วยกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ได้
6. ไข่ที่มีลักษณะผิดปกติ (สี, กลิ่น, เนื้อสัมผัส)
ก่อนบริโภคไข่ทุกครั้ง ควรตรวจสอบลักษณะภายนอกและภายในให้ดี หากพบว่าเปลือกไข่มีสีผิดปกติไปจากเดิม มีจุดดำ คราบสีเขียว หรือเมื่อตอกออกมาแล้วมีกลิ่นเหม็นเน่า กลิ่นเปรี้ยว หรือเนื้อสัมผัสผิดปกติ เช่น ไข่ขาวขุ่นมาก มีสีชมพู เขียว หรือไข่แดงเหลวผิดปกติ นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าไข่เสียแล้ว ไม่ควรนำมารับประทานเด็ดขาด เพราะอาจมีสารพิษหรือเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
สรุปคือ: การเลือกซื้อและบริโภคไข่ด้วยความระมัดระวัง เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองและครอบครัว หากพบไข่ในลักษณะต้องห้ามเหล่านี้ ควรรีบทิ้งทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยนะครั