นวัตกรรม 'รักษามะเร็ง' แบบแม่นยำสูง เพิ่มโอกาสการรักษา-ลดผลข้างเคียง
นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้วางรากฐานการเข้าถึงบริการด้วยระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Coverage Scheme: UCS) ซึ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงการป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความเท่าเทียมด้านสุขภาพ ต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับคุณภาพบริการด้วยระบบ “Cancer Anywhere” ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับการดูแลต่อเนื่องได้ทุกพื้นที่ และพัฒนาเป็น “SSO Cancer Care” สำหรับผู้ประกันตน เพื่อให้ได้รับบริการรักษาที่ได้มาตรฐานอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
แม้ประเทศไทยจะมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่เป็นรากฐานของความเสมอภาค แต่ความท้าทายสำคัญยังคงอยู่ที่การเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาต้นทุนสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medicinal Products: ATMPs)
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยได้เริ่มสร้างความร่วมมือแบบ “ห่วงโซ่คุณค่าทั้งระบบ” ระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ผู้ผลิต) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (ผู้ออกกฎระเบียบควบคุม) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (ผู้กำหนดมาตรฐาน) และกรมการแพทย์ (ผู้ใช้บริการ) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศด้วยการแพทย์มูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยให้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นในอนาคต
เรืออากาศเอกนพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการรักษามะเร็งในประเทศไทยควบคู่ไปกับการพัฒนานโยบาย เทคโนโลยีการรักษามะเร็งในประเทศไทยก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนวัตกรรมการรักษาแบบแม่นยำสูง(Precision Therapy) ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาและลดผลข้างเคียง เช่น ระบบรังสีโรบอติก (CyberKnife) ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเนื้องอกและฉายรังสีได้อย่างแม่นยำ ปัจจุบันมีบริการในโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย
และยังมีการนำไปประยุกต์เพื่อรักษาภาวะเฉพาะ เช่น ภาวะไทรอยด์ขึ้นตา (Thyroid Eye Disease: TED) อีกทั้งเทคโนโลยีการฉายรังสีขณะผ่าตัด (Intraoperative Radiotherapy) เริ่มถูกนำมาใช้ในศูนย์การแพทย์บางแห่ง ช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติและอาจย่นระยะเวลาการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การมีเทคโนโลยีล้ำสมัยเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือการออกแบบระบบบริการที่ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม และต้องคำนึงถึงความยั่งยืนของระบบสุขภาพในระยะยาวควบคู่กันไป อีกทั้ง การส่งเสริมการป้องกันโรคก็เป็นอีกมิติที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถลดความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีราคาแพงได้อย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องในโอกาสวันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาตินี้ ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนตรวจสอบสิทธิสุขภาพของตนเอง ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิประกันสังคม หรือประกันสุขภาพเพิ่มเติม และพูดคุยกับหน่วยบริการเพื่อทำความเข้าใจทางเลือกรักษา ป้องกัน และคัดกรอง ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน จำเป็นต้องร่วมกันสร้างระบบที่เข้มแข็ง เท่าเทียม และยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนไทยทุกคน