โอกาสสร้าง 'ตำนานภูมิใจไทย' | สุชาติ ศรีสุวรรณ
เมนูข้อมูล (ลับ) | สุชาติ ศรีสุวรรณ
แม้เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นจะถูกแปลเป็นประเด็นการเมือง ต่อความเคลื่อนไหวทั้งในทางต่อยอดสร้างผลงาน และอาศัยเป็นเครื่องมืองไล่ล้าง เปิดโปง ทำลาย “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” ไม่ว่าจะเป็น “อาชญากรรมทุนเทา พนันออนไลน์ ไปถึงสแกมเมอร์ ค้ามนุษย์”
หรือการใช้อำนาจที่ก่อกังขาแก่ความชอบธรรม อย่างเขากระโดง การจัดการสัมปทานต่างๆ เลยถึงการอนุมัติงบประมาณรัฐที่ถูกมองว่าเพื่อธุรกิจส่วนตัวอย่าง มอเตอร์จีพี
หรือกระทั่งเหตุการณ์ความรุนแรงต่อความมั่นคง เช่น การปะทะที่ชายแดนกัมพูชา
แต่นั่น! หากมองในมุมโอกาสการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นแค่เรื่องประกอบ
ด้วยหัวใจที่แท้จริงของศักยภาพประเทศ ปัญหาคือ “โครงสร้างอำนาจ” ที่ถูกกำหนดโดย “รัฐธรรมนูญ 2560″ ซึ่งเขียนขึ้นโดยเจตนา “แช่แข็งประเทศให้หยุดการพัฒนา”
หากคิดจะคืนความหวัง ความฝันให้คนรุ่นใหม่ของประเทศได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว เจริญรุ่งเรืองเท่าทันเพื่อนร่วมโลกในวัยเดียวกัน จะต้องเริ่มต้นจากปลดล็อกอำนาจอันน่ารังเกียจที่สถาปนาไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ออกไปก่อน
แต่ดูเหมือนว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคที่พล่ามม็อตโต้ “กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ” ล้วนแล้ว “ไม่กล้าหาญพอ” มีแต่กระมิดกระเมี้ยนหาเหตุผลมาอ้างกับประชาชน เรียกหาความชอบธรรมที่จะ “ไม่กล้า” เสียเป็นส่วนใหญ่
หรือว่าไปคือทั้งหมดเป็นพรรคการเมืองที่อ่อนแอเกินกว่าจะเชื่อมั่นใน “อำนาจประชาชน” อย่างเต็มเปี่ยม
เป้าหมายในการทำงานทางการเมืองจึงคือ การแย่งชิงเพื่อเข้าควบคุมอำนาจรัฐ พรรคใหญ่เพื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคกลาง พรรคเล็กเพื่อโอกาสเข้ามีส่วนร่วม
ถึงวันนี้ยังมองไม่เห็นว่าพรรคไหนยืนหยัดในการสร้าง “รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ” ในระดับใช้ความรู้ความสามารถสร้างนโยบายและบริหารจัดการให้ประเทศเจริญก้าวหน้าโดยท้าทายอำนาจรัฐซ้อนรัฐที่เป็นอุปสรรคอย่างทระนงได้
ทุกคน ทุกพรรคดูเหมือนจะหยุดความใฝ่ฝันไว้แค่ “ได้เป็นรัฐบาลก่อน” ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตาจากที่อดีตผ่านมาว่า หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ ไม่ว่าพรรคไหนเข้ามา อย่างมาก็ได้แค่ “รัฐบาลเป็ดง่อย”
“พรรคเพื่อไทย” ในการประชุมผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรควันก่อน ทั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัว และ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคประกาศต่อที่หมู่มวลสมาชิกชัดเจนว่า “เป้าหมายใหญ่ของเราคือการจัดตั้งรัฐบาล” และ “การลงเลือกตั้งครั้งนี้เรามุ่งหวังที่จะชนะและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้”
“พรรคประชาชน” นั้น “หัวหน้า-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ประกาศเป้าหมายการนำในรุ่นที่ 3 ว่าจะต้องได้ ส.ส.250 คนขึ้นไป เพื่อเป็นแกนจัดทั้งรัฐบาล จาก “Know Why – Know What – Know How”
“พรรคภูมิใจไทย” เร่งเครื่องรวบรวม “บ้านใหญ่” เข้าสู่ “ระบบอุปถัมภ์ของพรรค” อย่างเร่งร้อน กระจายไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ชนิดตัดใจไม่ไว้หน้าทุกพรรค และปฏิบัติการด้วยความพยายามเต็มร้อยที่จะยึดกุม “คะแนนกระแสจากฝั่งอนุรักษนิยม” มาให้มากที่สุด ทุกครั้งที่ “กระแสรักชาติ” รุกโชน “อนุทิน ชาญวีรกูล” น่าจะปรากฏตัวแสดงออกเพื่อช่วงชิง ยึดกุมเต็มกำลัง
อย่างไรก็ตาม ทั้งที่สะท้อนในผลโพล และการเข้ายึดกุมพื้นที่จริง ดูเหมือน “เพื่อไทย” ซึ่งประสบอุบัติเหตุร้ายแรงก่อนหน้านี้ ยังต้องเยียวยา และเร่งสปีด เนื่องจาการถดถอยที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรง
จนมีความเชื่อว่าเหลือเพียง “พรรคประชาชน” กับ “พรรคภูมิใจไทย” เท่านั้นที่จะช่วงชิงการเป็น “แกนนำ” หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
และครั้งนี้หากมองไปที่ “ใบอนุญาตที่ 1” เอาความนิยมของประชาชนเป็นตัวตัดสิน “พรรคประชาชน” ยืนหนึ่ง แต่หากมองไปที่ “ใบอนุญาตที่ 2” ที่ไม่ยึดโยงอำนาจประชาชน ชั่วโมงนี้ “พรรคภูมิใจไทย”เป็นตัวเลือก
ซึ่งในห้วงเวลานับจากนี้จนถึง “วันโหวตนายกรัฐมนตรี” และ “จัดตั้งรัฐบาล” เชื่อกันยังมีปัจจัยที่เป็นเงื่อนไขปรับเปลี่ยนได้อีกไม่น้อย
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ หาก “พรรคประชาชน” ยังจัดการให้ตัวเองเป็นตัวเลือกไม่ได้ การสู้ต่อไปยังเป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับ “พรรคภูมิใจไทย” เมื่อสถานการณ์สร้าง “แต้มต่อ” ให้มหาศาลถึงเพียงนี้แล้ว ยังนำตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายไม่ได้ ย่อมหมายถึง “จบแต่เพียงเท่านี้” เพราะตีความได้ว่าภาพลักษณ์ที่เป็นอยู่ทำให้ถูกตัดขาดจาก “ตัวเลือกเป็นพรรคแกนนำตราบนิรันดร์” ไปเรียบร้อย
ซึ่งหากติดตามการเมืองใกล้ชิดจะพบว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่ “ฝ่ายประชาธิปไตย” หรือ “พรรคที่มีภาพชัดว่าต่อสู้กับเผด็จการอำนาจนิยม” จะพ่ายแพ้ในผลการเลือกตั้งของประชาชน
“พรรคภูมิใจไทย” ไม่เคยนำเสนอจุดยืนในหนทางของผู้ชนะ
“คะแนนกระสุนอุปถัมภ์” ไม่เคยชนะ “กระแสที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในการยืนหยัดเคียงข้างอำนาจประชาชน”
พูดอย่างนี้ เหมือนสรุปว่าไม่มีทางเลยที่ “พรรคภูมิใจไทย” จะเอาชนะ “พรรคประชาชน” ได้ในผลการเลือกตั้ง
แต่หนทางที่จะเข้ามาเป็น “แกนนำรัฐบาล” จะเป็นไปได้ ต้องอยู่ในกรอบของการใช้อำนาจจาก “ขบวนการแช่แข็งประเทศ” อันน่ารังเกียจเหมือนเดิม
หากเป็นแต่เดิม “ภูมิใจไทย” คงเลือกได้แค่ยอม “หน้าทน” ที่จะเดินหนทางเช่นนั้น “ทุ่มอุปถัมภ์ระบบบ้านใหญ่” ควบคู่ไปกับพยายามยึดกุม “กระแสอนุรักษนิยมรักชาติ” เพียงแต่วันนี้ หากมองให้ดี ดูให้ผ่านมานอกกรอบ จะพบว่าโอกาสของ “พรรคภูมิใจไทย” ที่จะข้ามมายึดครอง “กระแสเสรีนิยมประชาธิปไตย” นั้น “เจิดจ้ายิ่งกว่าพรรคไหน” ไม่ยกเว้นแม้แต่ “พรรคประชาชน” ที่สู้ทุกเม็ดด้วยซ้ำ
มงกุฎทองฝั่งเพชรแห่ง “ภาพพรรคการเมืองที่ยืนหยัดรื้อโครงสร้างอำนาจคืนบทบาทนำให้ประชาชน” อยู่ในมือ “พรรคภูมิใจไทย” แล้วเต็มๆ อย่างไม่เป็นอื่น
นั่นคือ “การเนรมิตให้การแก้ไข หรือเขียนใหม่รัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จ” ซึ่งมีแต่ “พรรคภูมิใจไทย” เท่านั้นที่ทำให้เกิดขึ้นง่ายดายได้ จากการเป็นที่รับรู้กันอยู่โดยทั่วไปว่า “การมติของวุฒิสภาในทุกเรื่องขึ้นตรงต่อการตัดสินใจของจิตวิญญาณพรรคภูมิใจไทย” ทุบโต๊ะ กดปุ่ม บัญชาให้ไปทางไหน จะไปทางนั้น ไม่มีแตกแถวไปเป็นอื่น
เมื่อ “อำนาจของวุฒิสภา” ทรงอิทธิพลสูงยิ่งต่อผลการแก้ไข หรือเขียนใหม่รัฐธรรมนูญ อันเป็นความฝันสูงยิ่งที่ “กระแสเสรีนิยมประชาธิปไตย” ปรารถนาให้เป็นจริง หาก “จิตวิญญาณพรรคภูมิใจไทย”เลือกที่จะตอบสนองต่อฝ่ายที่ยืนหยัดเชื่อมั่นอำนาจประชาชน
“กระแสที่ไม่เคยมีความหวังว่าจะได้” จะเทมาให้ “พรรคภูมิใจไทย” และส่งให้ “จิตวิญญาณพรรคภูมิใจไทย” เป็นที่ควรยกย่องเชิดชู ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ “บรรหาร ศิลปอาชา” สร้าง “ตำนานนักประชาธิปไตย” ด้วยการประกาศใช้ “รัฐธรรมนูญปี 2540” ซึ่งนับถือกันว่าคือ “กติกาสูงสุดของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด” จนถึงทุกวันนี้
หาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” กล้าที่จะเชื่อว่า “กระแสจากส่งเสริมเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ 2560” เป็นวิธีขยายฐานคะแนนนิยมที่ได้ผล
ทำได้ พร้อมๆ กับ “หลั่งน้ำตาให้ขาที่ 7 ของทหารที่เสียให้กับระเบิดของกัมพูชา และการประกาศยุติสันติภาพบนยอดภูมะเขือ”
โดยกระซิบให้ “จิตวิญญาณภูมิใจไทย” ช่วยใช้พลัง
“แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” ที่เป็นเป้าหมายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะได้มาอย่าง “ชอบธรรม” และ “ไร้ข้อกังขา สิ้นสงสัย” พร้อมกับการเป็นเจ้าของ “ตำนานประชาธิปไตยครั้งใหม่” ที่ฝากให้คนรุ่นหลังจดจำตลอดไป
แค่ “กล้าที่จะหยัดยืนเพื่อเคารพอำนาจประชาชน” สักครั้ง หรือไม่ เท่านั้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โอกาสสร้าง ‘ตำนานภูมิใจไทย’ | สุชาติ ศรีสุวรรณ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly