ไทยร้อง ‘มาเลย์-สหรัฐ-อาเซียน-UN’ ชี้ ‘กัมพูชา’ ถล่มไทยก่อน เหยียบย่ำถ้อยแถลง
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 17.40 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ทหารกัมพูชาเริ่มยิงโจมตีทหารไทย ว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อเอกอัครราชทูตต่างประเทศ จาก 58 ประเทศ ผู้แทนจาก 1 องค์กร และผู้แทนจาก 2 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งหมด 73 คน โดยรมว.การต่างประเทศได้ชี้แจงเหตุการณ์ปะทะกันอย่างละเอียด โดยไล่เรียงไทม์ไลน์ที่มีหลักฐานประจักษ์ชัดเจนประมาณ 14 ครั้ง ว่าฝ่ายกัมพูชาเริ่มปะทะและเปิดฉากยิงฝ่ายไทยก่อน เริ่มจากพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งไทยได้ส่งหนังสือประท้วงและชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (เอโอที) แล้ว ต่อมาในช่วงเช้ามืดวันนี้ (8 ธ.ค.) ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาฝั่งไทยต่อเนื่อง และมีรายงานว่ากัมพูชาเคลื่อนย้ายอาวุธยิงระยะไกลเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งทำให้มีทหารไทยถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสียดังกล่าวและขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ฝ่ายกัมพูชายิงขีปนาวุธชนิด BMN-21 ต่อพลเรือนฝ่ายไทย สำหรับกรณีที่สื่อต่างประเทศบางแห่งรายงานข่าวโดยเน้นเรื่องการโจมตีทางอากาศของฝ่ายไทยนั้น ขอชี้แจงว่าสาเหตุที่ไทยต้องใช้การโจมตีทางอากาศ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยให้ดำเนินการทางอื่นได้ เพราะพื้นที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด ตนจึงขอย้ำว่าการปฏิบัติการทางทหารของไทยเป็นไปเพื่อการปกป้องตนเอง หลังจากที่ไทยถูกโจมตีก่อน และเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 51 ของกฎหมายสหประชาชาติ กฎการใช้กำลังตามหลักความจำเป็น ตามหลักความได้สัดส่วนอย่างเคร่งครัด โดยไทยคำนึงถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ และเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามยกระดับความรุนแรงและเสี่ยงต่อการสูญเสียในอนาคต ทั้งนี้ทุกปฏิบัติการของไทยจำกัดเป้าหมายทางทหารและไม่ให้กระทบต่อพลเรือน
“ฝ่ายไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการเปิดฉากยิงฝ่ายไทยของกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งยังเป็นภัยต่อความมั่นคง และทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องอพยพ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทุกอย่างชัดเจน” นายนิกรเดช กล่าว
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า นายสีหศักดิ์ ยังย้ำต่อคณะทูตด้วย ว่า จากการโจมตีดังกล่าว ทำให้คนไทยได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พลเรือนผู้บริสุทธิ์ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษและอุบลราชธานี ราว 400,000 คน ต้องอพยพไปยังพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ไทยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียอย่างเช่นที่เคยเกิดมาแล้ว ความตึงเครียดจากการปะทะในขณะนี้ส่งผลให้โรงเรียนกว่า 600 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดน และโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดนหลายแห่งต้องปิดทำการชั่วคราว ซึ่งกระทบต่อความเป็นอยู่ กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานและบริการที่สำคัญกับประชาชนคนไทย นอกจากนี้ นายสีหศักดิ์ ได้ชี้แจงว่ากัมพูชายังเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือน รวมถึงมีการเผยแพร่เอกสารในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง หลังจากเกิดเหตุปะทะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีเหตุจูงใจทางการเมือง รวมถึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากกรณีที่ไทยเพิ่งแสดงหลักฐานต่อประชาคมโลกในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ให้ได้เห็นถึงการที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย
นายนิกรเดช กล่าวว่า หลังจากการบรรยายสรุปในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมาพบด้วย ในฐานะที่ทั้ง 2 ประเทศเป็นสักขีพยานในการลงนามถ้อยแถลง (Joint Declaration) ไทย-กัมพูชา รวมถึงไทยทำหนังสือประท้วงส่งไปยังกัมพูชา ส่งหนังสือเวียนชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวไปถึงประเทศสมาชิกอาเซียน เลขาธิการสหประชาชาติ และส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแล้ว
นายนิกรเดช ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าหน่วยงานไทยทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ มีเอกภาพเพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนคนไทย ท่ามกลางความอ่อนไหวของสถานการณ์และการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากช่องทางทางการ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองทัพ หรือกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ไม่ใช่เลือกนำเสนอข้อมูลบางส่วนเพื่อดึงดูดความสนใจเท่านั้น และหลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลข่าวสารที่ได้มีการตรวจสอบแล้วอย่างทันท่วงที
เมื่อถามถึงสถานะทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา นายนิกรเดช กล่าวว่า เราลดความสัมพันธ์กับกัมพูชามานานแล้วก็ยังคงสถานะนี้อยู่ ตอบไม่ได้ว่าจะไปไกลกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาด้วย สิ่งที่เราทำได้คือเราจะพยายามดูแลคนไทยในกัมพูชา โดยจะมีการประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องเป็นรายวัน