คลังชง จ่อเก็บภาษีขายทองออนไลน์ สกัดเก็งกำไรแก้บาทแข็ง
กลายเป็นประเด็นร้อนที่คนในวงการลงทุนต้องจับตา เมื่อกระทรวงการคลังเตรียมขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อสยบปัญหา ค่าเงินบาทแข็งค่า ที่กำลังพ่นพิษใส่ภาคการส่งออกอย่างหนัก โดยล่าสุดเตรียมเสนอเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ กกต. พิจารณาข้อกฎหมายเพื่อขอไฟเขียวเก็บ ภาษีธุรกิจเฉพาะ จากการ ซื้อขายทองคำออนไลน์ ในอัตราเพดานสูงสุดไม่เกิน 3%
สาเหตุที่ต้องเร่งมือขนาดนี้ เป็นเพราะปัจจุบันการเก็งกำไรทองคำบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ พุ่งสูงอย่างน่าตกใจครับ ข้อมูลระบุว่ามีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสูงถึงวันละ 65,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ "แซงหน้า" มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เสียด้วยซ้ำ! และที่น่ากลัวคือบางช่วงพุ่งไปถึง 2.6 แสนล้านบาทต่อวัน จนกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ค่าเงินบาท แข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานจากการเทขายดอลลาร์เพื่อมาไล่ซื้อบาทนั่นเอง
มาตรการนี้กระทบใครบ้าง? ทางคลังยืนยันครับว่า "ไม่ได้เก็บทุกคน" โดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะคือ:
- กลุ่มเป้าหมายหลัก: เน้น นักเก็งกำไรรายใหญ่ ที่เทรดกันระดับร้อยล้านพันล้าน และเป็นการซื้อขายแบบไม่ส่งมอบทองจริง (Non-physical delivery)
- ใครที่รอด: รายย่อยที่ซื้อทองเก็บตามร้านทองทั่วไป หรือ ธุรกิจอัญมณี และเครื่องประดับ จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ครับ
สำหรับอัตราภาษีที่คาดว่าจะใช้นั้น จะอยู่ที่เพดานไม่เกิน 3% (คล้ายกับภาษีขายอสังหาริมทรัพย์) และต้องบวกภาษีท้องถิ่นเพิ่มอีก 10% ของค่าภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้ง
นอกจากเรื่องภาษีแล้ว คลังยังจับมือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วาง 3 มาตรการเข้ม ทั้งการบังคับให้แพลตฟอร์มต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมต่อสรรพากร และการเตรียมกำหนดเพดานวงเงินซื้อขาย เพื่อสกัดกั้นกลุ่ม เงินร้อน (Hot Money) ไม่ให้เข้ามาปั่นป่วนเสถียรภาพการเงินไทยไปมากกว่านี้
เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ การเก็งกำไรทองคำมหาศาลตอนนี้เหมือน "น้ำเชี่ยวที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก" จนน้ำล้นครับ การเก็บ ภาษีซื้อขายทองคำ ครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการสร้าง "ฝายชะลอน้ำ" เพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจพังครืนลงมานั่นเอง
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ